ตอนที่ 98 : ก็อบลินเงา

“ กองกำลังเยว่คือกองกำลังทหารรับจ้างระดับ 3 ดาวของเมืองหัวเซี่ย มันมีคนไม่กี่ร้อยคน หัวหน้ากองกำลังคือญาติของฉันเอง อันที่จริงแล้ว ฉันพึ่งอำนาจของกองกำลังตั้งแต่สมัยมัธยมเพื่อออกไปหาประสบการณ์นอกเมือง มีแค่การออกมาข้างนอกที่ฉันจะรู้สึกว่าเป็นอิสระและตื่นเต้น รวมไปถึงความท้าทายต่าง ๆ ด้วย”  ฟ่านฉิงเหมยเหมือนจะพูดกับตัวเอง

หวังเย่าพยักหน้าและพูดขึ้น  “พี่ไม่ชอบชีวิตในมหาวิทยาลัยหรือ ? ”

“ชีวิตมหาวิทยาลัยงั้นหรือ ? มันก็ดี แต่มันไม่เหมาะสำหรับฉัน”  ฟ่านฉิงเหมยพูดเบาลง  “ฉันจะบอกยังไงดี ฉันอาจจะไม่จำเป็นต้องเรียนที่นั่นรึอาจจะบอกว่าฉันไม่ชอบเรียนรู้จากใคร”

“แล้วนายคิดจะทำอะไรต่อ ? ”  เธอถามขึ้น

“ผมหรือ ? ผมต่างจากพี่เล็กน้อย ผมเลือกสาขานี้ก็เพราะอยากที่จะสำรวจโลกภายนอก ผมอยากเดินทางไกลออกไปเรื่อย ๆ เพื่อล่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งและยึดครองมิติภายนอก”  หวังเย่าตอบกลับอย่างใจเย็น

“ฟังดูดีนี่ ไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนทะเยอทะยานแบบนั้น เมื่อรวมกับความสามารถของนายแล้ว ไม่แปลกเลยที่ผู้หญิงคนนั้นจะสนใจนาย ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่เข้าใจนัก แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าพวกนายสองคนเหมาะสมกันแล้ว”

“จ้าวเมิ่งซีกับผมน่ะคบกันจริงจัง”  หวังเย่ายอมรับตามตรง  “ใช่สิ แล้วพวกเขาส่งรุ่นพี่มาดูสถานการณ์คนเดียวได้ยังไง ? ”

ฟ่านฉิงเหมยเคี้ยวเนื้อในปากเสร็จก็ได้ตอบกลับ  “ฉันขอมาเอง เรื่องแบบนี้ฉันเคยทำมาหลายครั้งแล้ว ในอีกความหมายคือฉันชอบลงมือคนเดียว นายเองก็มีดีนี่ นายกล้าที่จะเข้าไปในเขตลับนั่นตามลำพัง ที่นั่นน่ะอันตรายอย่างมาก” เธอชมออกมาจากใจจริง

ทั้งสองคนพูดคุยกันจนมืด จากนั้นพวกเขาก็ได้ไปกางเต็นท์ของตัวเองแล้วนอนหลับไป

ทั้งคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

วันต่อมา ทันทีที่เช้าทั้งสองคนก็รีบลุกขึ้น เพราะนี่เป็นฤดูหนาว กลางวันจึงสั้นกว่ากลางคืน พวกเขาจึง  ต้องรีบเดินทางโดยเร็วที่สุด

“ภูเขาจันทรคติอยู่ด้านข้าง เราต้องเดินทางอีกไกล เราต้องเดินทางผ่านทุ่งหญ้า นายมีวิธีที่จะไปที่นั่นเร็ว ๆ มั้ย ? ”   ฟ่านฉิงเหมยมองไปยังเส้นทางที่เต็มไปด้วยหมอกด้านหน้า

ถึงหิมะจะหยุดตกแต่ก็ยังมีลมพัดแรงอยู่ ท้องฟ้ามืดครึ้มรวมถึงมีหมอกหนาจัดปกคลุมพื้นดินจนกลายเป็นทะเลหมอก

ตั้งแต่ที่โลกได้เปลี่ยนแปลงไป สภาพแวดล้อมและภูมิประเทศก็ได้รับผลกระทบไปด้วย อุณหภูมิของโลกลดลงเกือบ 10 องศา ในต้นปีที่ขั้วโลกเหนือนั้นอุณหภูมิจะอยู่ที่ -20 องศา

โชคดีที่ร่างกายมนุษย์ก็แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมาก การต้านทานของร่างกายนั้นเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าโดยเฉพาะร่างกายของทหารรับจ้างที่ทนลมและความหนาวเย็นได้ แน่นอนว่าเสื้อผ้าที่พวกเขาใช้เองก็ดีขึ้นไปด้วย

หวังเย่าได้เรียกการ์ฟิลด์ออกมาและมองไปยังร่างที่ใหญ่ขึ้นของมัน  “คงได้เวลาหากำไลที่ใหญ่กว่านี้ให้มันแล้ว”

มันมีมิติในกำไลอสูร เหมือนกับกระเป๋ามิติที่มีพื้นที่ด้านใน

สำหรับหวังเย่าแล้ว มันแค่ต้องใช้เครดิตในการซื้อมัน

เขากระโดดขึ้นหลังการ์ฟิลด์ที่ตัวยาวกว่า 3 เมตร หลังของมันกว้างราวกับเตียง ขนสีทองของมันนุ่มลื่นซึ่งใช้แทนผ้าห่มได้เลย ในขณะที่การ์ฟิลด์วิ่ง เขาก็สามารถนอนหลับบนหลังของมันได้อย่างสบายใจ ไม่ต่างจากการนอนบนรถไฟ

ฟ่านฉิงเหมยมองไปที่การ์ฟิลด์และอุทานออกมา  “ระดับสวรรค์ ! หวังเย่า นายบอกว่ามันพัฒนามาจากระดับทองงั้นหรือ ? ”

ร่างของเธอสั่นไหวเล็กน้อย ตาของเธอเบิกกว้าง อกของเธอกระเพื่อมไปมาจนทำให้หวังเย่าถึงกับใจสั่น

“อืม”  หวังเย่าไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ใจสั่นแบบนี้ เขาตอบกลับด้วยความมั่นใจ  “จริง ๆ แล้วผมเป็นผู้ใช้อสูร 3 ดาวแล้ว”

“สุดยอดไปเลย”  ฟ่านฉิงเหมยตาเป็นประกายขึ้นมา เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดขึ้น  “ นายช่วยฉันได้มั้ย  ? อสูรของฉันตัวหนึ่งไม่ได้พัฒนามานานแล้ว เลเวลของมันก็ขึ้นช้าไปด้วย”

หวังเย่าพยักหน้า  “ได้ แต่ผมคิดเงินนะ”

สำหรับการพัฒนาอสูรของคนอื่น เขาต้องใช้เลือดและอาจจะต้องใช้อย่างอื่นด้วย แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะช่วยอีกฝ่ายฟรี ๆ อย่างแน่นอน

ฟ่านฉิงเหมยพยักหน้า แต่เธอก็ยังแสดงท่าทีหนักแน่นออกมาก่อนจะถามขึ้น  “ฉันอาจจะมีเงินไม่มาก ตั้งแต่ที่พ่อของฉันแต่งงานใหม่ ฉันก็ไม่เคยขอเงินจากครอบครัวอีกเลย ตลอดหลายปีมานี้ฉันทำภารกิจเพื่อหาเงิน แม้ว่าจะได้มาหลายล้านเครดิต แต่ก็ใช้ไปเยอะเหมือนกัน ตอนนี้ฉันมีแค่ 1 ล้านเครดิต ถ้ามันไม่พอ ฉันขอติดนายก่อนได้ไหม ? ”

หวังเย่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงิน เขาน่ะเป็นคนมีความคิดพอ การหาเงินไม่ใช่เรื่องยาก ตราบใดที่เขาอยากได้เงิน เขาจะหาเท่าไหร่ก็ได้ถ้าต้องการ

“ไม่เป็นไร พี่เรียกอสูรของพี่ออกมาให้ผมดูก่อน”

ฟ่านฉิงเหมยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและมองไปที่หวังเย่าด้วยความซึ้งใจ ก่อนจะเรียกอสูรของเธอออกมาสองตัว

ตัวหนึ่งเป็นม้าสีขาวราวกับหิมะอยู่ระดับทองเลเวล 47  อีกตัวเป็นก็อบลินระดับทองเลเวล 42

หวังเย่าสงสัยเรื่องอสูรของเธอมาโดยตลอด เมื่อเห็นมันกับตาเขาก็ต้องทึ่ง

ม้านั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง มันถือว่าเป็นพาหนะที่ดีอยู่แล้ว

ส่วนก็อบลินนั้น ไม่น่าจะใช่สิ่งมีชีวิตที่โลกจะสามารถเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นแบบนี้ได้ มันคงเป็นสัตว์อสูรจากมิติภายนอก พวกมันเป็นสัตว์ที่มีนิสับโลภมาก, เจ้าเล่ห์และชั่วร้ายแต่ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือได้ มันพอพูดภาษาง่าย ๆ ได้ด้วย

ฟ่านฉิงเหมยเห็นสีหน้าทึ่งของหวังเย่าก็พอใจขึ้นมา เธอยิ้มและพูดขึ้น  “ฉันเองก็คิดว่าอสูรของฉันนั้นพิเศษ อาชาสวรรค์อสนีบาตตัวนี้ แม้จะมีความแข็งแกร่งทั่วไป แต่ในฐานะพาหนะแล้ว มันยอดเยี่ยมมาก มันเดินทางที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นในน้ำ, น้ำแข็งหรือภูเขาก็ตาม มันรวดเร็วเป็นอย่างมาก และเก่งในการต่อสู้ระยะประชิด”

เธอชี้ไปที่ก็อบลินและพูดขึ้น  “นี่คือก็อบลินเงา มันคือสิ่งมีชีวิตจากมิติภายนอก ก็อบลินเงานี้ถือว่าอยู่ใน 100 อันดับแรกของสัตว์อสูรในมิติภายนอก มันมีความฉลาด แม้ว่าอัตราการเติบโตจะไม่มากนักและความสามารถในการต่อสู้ก็ทั่วไป แต่ก็มีความสามารถที่หลากหลาย ฉันลองใช้สกิลของมันดูและรู้สึกว่ามันสามารถซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี และสามารถใช้สกิลนี้ในการลอบฆ่าได้ด้วย”

หวังเย่าพยักหน้า หลังจากที่ได้อ่านสถานะของอสูรทั้งสองตัวแล้ว เขาก็พบว่ามันมีสกิลแปลก ๆ อยู่หลายอัน ดังนั้นเขาจึงทึ่งกับมันพอสมควร

แต่ตัวเขาตอนนี้ก็มีอสูรอยู่ถึง 3 ตัวแล้ว

การ์ฟิลด์น่ะอยู่ระดับสวรรค์ ส่วนหงอคงเกิดขึ้นมาก็อยู่ระดับทองอยู่แล้ว อัตราการเติบโตของมันนั้นสูง  ส่วนตือโป๊ยก่ายนั้นคือสิ่งมีชีวิตจากเขตลับและอยู่ในระดับสวรรค์