ตอนที่ 85 ข้ายังมีเพลิงอัคคีอยู่ Ink Stone_Romance
ตกดึกทุกคนต่างยังไม่พักผ่อน ยังตกตะลึงกับความดุเดือดของการประลองเมื่อกลางวัน หลิวหลีใช้ข้ออ้างว่าตัวเองจำเป็นต้องพักผ่อนแต่เช้า เพื่อเตรียมพร้อมในการแข่งขันวันพรุ่งนี้ เพื่อจะสลัดพวกคนสกุลหลงที่มาบีบบังคับนางไม่ขาดสาย
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนแล้ว หลิวหลีก็พาเอ๋าเลี่ยเข้าไปในมิติ ตอนใช้ประสาทเซียนเข้ามาเมื่อตอนกลางวันยังไม่ทันได้ดูดีๆ
ว้าว กระท่อมน้อยของนางกลายเป็นบ้านสองชั้นแล้ว นางมีที่ดินไว้สำหรับเพาะปลูกพืชศักดิ์สิทธิ์ ประเภทหลากหลาย สระน้ำที่กินหินวิญญาณเป็นอาหารก็มีพลังเซียนเข้มข้นขึ้นมาก หลิวหลีรู้สึกว่า พอหายใจเข้าไป ขั้นพลังของนางก็เกิดแรงกระเพื่อม ของพวกนี้สามารถละเลยไปก่อน ตอนนี้แม่ของนางเป็นอย่างไรบ้าง
หลิวหลีเดินเข้าไปในบ้านสองชั้น ประโยชน์ใช้สอยด้านในถูกแบ่งอย่างชัดเจน หลิวหลีก็เดินไปตามคำแนะนำ มารดานางเหมือนตอนที่อยู่ในกระท่อม นอนอยู่อย่างสงบ หลิวหลีรู้สึกว่าสีหน้าท่านแม่แดงระเรื่อขึ้นไม่น้อย ยังดี ยังดี
“ท่านแม่ ข้าเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายแล้วนะ ข้าสามารถไปมิติลับโลกอสูรเทพหาหญ้าคืนวิญญาณได้แล้ว พอถึงตอนนั้นก็จะไปหาท่านอาจารย์ ให้ท่านอาจารย์ช่วยทำยาคืนวิญญาณ ท่านก็จะฟื้นได้แล้ว” หลิวหลีก็พูดบ่นพึมพำไปครู่หนึ่ง เมื่อออกไปก็ได้เห็นจื่อฉีผู้ทำหน้าน่าสงสาร กับเอ๋าเลี่ยที่ทำหน้ายิ้มระรื่น
“พี่หญิง อาเลี่ยรังแกข้า” เหอะ ถึงจะสู้เขาไม่ได้ แต่ก็เขาฟ้องพี่หญิงได้
“อาเลี่ย อย่ารังแกจื่อฉีมากเกินไป เขายังเป็นเด็กอยู่” หลิวหลีกล่าวตักเตือน แล้วปล่อยหงหลินออกมา
“หงหลิน เจ้าเปลี่ยนร่างได้เมื่อไหร่ก็จะออกจากมิตินี้ได้ในตอนนั้น”
หงหลินรู้สึกหมดหวัง นี่คือการบังคับให้นางอยู่ข้างในไปจนตาย
“จื่อฉี เจ้าก็เป็นหนุ่มน้อยแล้ว การทำตัวแบ๊วอะไรพวกนี้ไม่เหมาะกับเจ้าแล้วนะ อีกอย่าง พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าออกไปโลกข้างนอก จำไว้ว่าอย่าซน” หลิวหลีอุ้มจื่อฉีขึ้น แล้วบีบจมูกของเขาเบาๆพลางเอ่ย
“ก็ได้” จื่อฉีลูบจมูกตัวเอง เขาลืมไปเลยว่าตัวเองโตแล้ว
“โม่หราน เจ้าสามารถดูแลมิตินี้ได้ทั้งหมดไหม” หลิวหลีมองดูโม่หรานที่ยังอยู่ในชุดสามเหลี่ยมของเด็ก ก็คิดว่าจะไปทำชุดเด็กมงคลมาให้เขาสักหน่อยดีไหม ดูแล้วจะได้เป็นมงคล
“ก็ได้นายท่าน เพียงแต่ว่ายังขาดอีกหนึ่งส่วน”
หลิวหลีย่อมรู้ได้ว่า ยังไม่ได้ป้ายหยกประจำสกุลหนานกงมาครอง ใครจะรู้ว่าหัวหน้าบ้านสกุลหนานกงจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มากขนาดนี้ ไม่ยอมหาทายาทเลยสักคน
วันถัดมา ท้องฟ้าแจ่มใส ทุกคนต่างก็รอคอยการแข่งขันในวันนี้ ซึ่งเกี่ยวพันถึงการแบ่งผลประโยชน์ของสกุลใหญ่ทั้ง 5 ตระกูล
“การประลองในวันนี้ จะมีสลากว่างหนึ่งอัน ผู้ที่หยิบได้จะเข้าสู่รอบสามคนทันที มาจับสลากกันตามลำดับได้เลย”
จ้านอวิ๋นจุนมองดูสลากของตัว คือหลงหลิวหลี เขาถึงกับเลิกคิ้ว นังหนูคนนี้ดวงไม่สมพงศ์กับบ้านสกุลจ้านจริง ๆ หนานกงเวิ่นเทียนจับได้หลินเสี่ยวเจียง สลากว่างที่โชคดีนั้นตกอยู่ในมือของฮัวจิงหง
“ฮัวจิงหงผ่านเข้ารอบ รอบที่หนึ่ง หนานกงเวิ่นเทียนปะทะหลินเสี่ยวเจียง”
ฮัวจิงหงแกว่งสลากไปมาอย่างได้ใจ เขาบอกแล้ว ว่าดวงของเขาดีใช้ได้เลย
หลินเสี่ยวเจียงทำหน้าเศร้า ถึงแม้เมื่อวานบ้านสกุลหลงจะส่งยามาให้ แต่เขาเพิ่งจะฟื้นฟูกลับมาได้ 7 ส่วนเท่านั้น เมื่อเห็นหนานกงเวิ่นเทียนที่ยังดูปกติ เอิ่ม ท่าจะไม่ดีจริง ๆ แล้ว
“เชียนหนิว บ้านสกุลฮัวของเจ้าโชคดีนัก อาศัยดวงก็ได้ไปอยู่สามอันดับแรกแล้ว” สายตาของหลินต้าหมิงเต็มไปด้วยความอิจฉา ดูท่าแล้วบ้านสกุลหลินต้องอยู่ในอันดับสุดท้ายแน่นอน
“ฮ่า ฮ่า ดวงทั้งนั้น” ฮัวเชียนหนิวหัวเราะอย่างได้ใจ
“บางครั้งดวงดีก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง” บ้านสกุลหนานกงของเขาก็อยากได้เช่นกัน
ผลสุดท้ายเป็นไปตามคาด หลินเสี่ยวเจียงพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็ว
“อาเลี่ย ข้าเหมือนจะไม่ถูกโฉลกกับบ้านสกุลจ้าน ต้องเจอกับคนบ้านสกุลจ้านอีกแล้ว” หลิวหลีบ่นจนไร้เรี่ยวแรง
“ฮ่าฮ่า ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับบ้านสกุลจ้านก็ได้นะ” เอ๋าเลี่ยหยอกล้อ
“จะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน หรือว่าพ่อที่ข้าไม่รู้จักนั้นจะเป็นคนบ้านสกุลจ้าน” หลิวหลีลองคิดๆ นอกจากจะยังไม่รู้ว่าพ่อตัวเองคือใคร นางก็ไม่มีญาติที่สาบสูญไปเลยจริงๆ
“ก็ไม่แน่” เอ๋าเลี่ยพูดล้อเล่น ทว่า ดูจากตอนแรกที่จื่อฉีอยากจะทำพันธสัญญากับหลิวหลี มันก็มีความเป็นไปได้
จ้านอวิ๋นจุนก็ไม่รีรอ พอขึ้นมาก็นำปืนรบกิเลนออกมา แต่มือหลิวหลียังคงว่างเปล่า
“หลิวหลี ข้ายอมรับว่าเจ้าเก่งมากจริง ๆ อย่างไรดี จะแต่งเข้าบ้านสกุลจ้านของข้าไหม” จ้านอวิ๋นจวินรู้สึกชื่นชมหลิวหลี แต่งนางเป็นภรรยาก็ไม่เลวเหมือนกัน
“ฮ่าฮ่า เจ้าอยากกลับบ้านเกิดหรืออย่างไร ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะไปส่งเจ้าหรอกนะ” หลิวหลีพูดพลางโชว์ฟันขาว
“ยังอยากจะทะนุถนอมอ่อนโยนเสียหน่อย น่าเสียดายจริง ๆ” จ้านอวิ๋นจวินพูดด้วยความเสียดาย
“เสียดาย เจ้าอยากจะทะนุถนอม ก็ต้องดูด้วยว่าจะถนอมใคร” หลิวหลีไม่รู้สึกดีกับบ้านสกุลจ้าน กระทั่งอยู่ในขั้นเห็นก็รำคาญเสียด้วยซ้ำ
จ้านอวิ๋นจุนชิงลงมือก่อน หลิวหลีไม่รอช้า เมื่อสู้รบปรบมือกันสักพัก จ้านอวิ๋นจุนก็กลัวว่าหลิวหลีจะหักปืนรบกิเลน จึงเก็บปืนเข้าไป เรียกกิเลนหยกขาวออกมา หลิวหลีหยุดการโจมตี แล้วปล่อยเพลิงอัสนีครามออกมา
“หลิวหลี ถ้าเจ้าไม่เรียกคู่พันธสัญญาของเจ้าออกมา เจ้าแพ้แน่”
“อย่างเจ้าน่ะเหรอ คู่ควรให้ข้าเรียกคู่พันธสัญญาออกมา” หลิวหลีกล่าวอย่างไม่แยแส
“อย่างพวกเจ้า พูดอย่างไม่เคารพเลยนะ พวกเจ้าทุกคนในที่นี้ ไม่มีใครที่คู่ควรให้ข้าเรียกคู่พันธสัญญาออกมาเลยด้วยซ้ำ” คำพูดของหลิวหลีทำให้สีหน้าของสี่ตระกูลที่เหลือไม่สู้ดีนัก หลงเหวินเซวียนแกล้งทำเป็นดื่มชา ฮ่าฮ่า นังหนูไม่ได้พูดโกหกนะจริง ๆ
จ้านอวิ๋นจุนหัวเสีย สั่งให้กิเลนหยกขาวพุ่งเข้าไป หลิวหลีไม่ตื่นตระหนก ใช้เพลิงอัสนีครามทำเป็นแส้ กระบวนท่าแส้ยิ่งทรงพลัง ที่น่าตกใจก็คือ นางไม่ได้เพลี่ยงพล้ำให้กิเลนหยกขาวแม้แต่น้อย ในทางตรงข้าม กิเลนหยกขาวกลับถูกเพลิงอัสนีครามทำให้บาดเจ็บไม่น้อย
“เหอะ เพราะเจ้าบังคับข้าเองนะ คิดว่าจะเก็บไว้ใช้แข่งตอนรอบสุดท้าย” จ้านอวิ๋นจุนโมโห พอพูดจบเขาก็นำอาวุธคู่กายของเขาออกมา ปืนรบกิเลนม่วงทอง อาวุธล้ำค่าระดับล่าง
“น่ากลัวจริงๆ คิดว่าข้าไม่มีหรืออย่างไร” หลิวหลียิ้มอย่างได้ใจ เพลิงอัสนีครามที่อยู่บนมือขวายังไม่ทันดับไป มือซ้ายก็ปรากฏเพลิงสีเขียวขึ้น
“เพลิงวิญญาณไม้” คนจำนวนไม่น้อยต่างตกใจ ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลิวหลีจะมีเพลิงอัคคีถึง 2 ชนิด คนที่รู้ก็จะรู้ว่า หลิวหลีมีเพลิงอัคคีถึง 4 ชนิด
เพลิงอัสนีครามที่มือขวาเปลี่ยนจากแส้เป็นปืน เพลิงวิญญาณไม้ตรงมือซ้ายกลายเป็นชุดเกราะ ส่วนเพลิงอัคคีถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ในฟ้าดิน แน่นอนว่าย่อมอยู่ในระดับไม่ธรมดา แถมยังเป็นเพลิงอัคคีที่หลิวหลีพัฒนาไปแล้วหลายครั้ง
ตอนแรกจ้านเฟิงอวี้ยังรู้สึกประหลาดใจ แต่ตอนนี้สีหน้ากลับเปลี่ยนไป
“พี่เหวินเซวียน ซุกซ่อนไว้ลึกมากจริงๆ” จ้านเฟิงอวี้กล่าว หลงเหวินเซวียนยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร
จ้านอวิ๋นจุนขี่กิเลนหยกขาวพุ่งโจมตี หลิวหลีเองก็ไม่น้อยหน้า ถึงแม้จะไม่ถนัดใช้ปืน แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไร หลังจากสู้รบปรบมือกันไปหลายร้อยกระบวนท่า จ้านอวิ๋นจวินก็ค่อยๆเริ่มรู้สึกว่ารับมือไม่ไหว แต่หลิวหลีที่อยู่ตรงข้ามกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ในที่สุดความเผลอเรอของจ้านอวิ๋นจวิน ทำให้หลิวหลีสบโอกาสจึงคว้าโอกาสนี้โยนกิเลนหยกขาวกับจ้านอวิ๋นจวินลงจากเวที ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง สาวน้อยฝนชุดเกราะเขียวถือปืนม่วง ช่างงดงามเย้ายวน
“เจ้าแพ้แล้ว” สามคำนี้ทำให้จ้านอวิ๋นจวินแทบกระอักเลือด
“สุดยอด นี่เป็นอาวุธสังหารที่แท้จริง แม้แต่อาวุธล้ำค่าระดับล่างก็ถูกตีเหมือนเป็นผักปลาเลย”
“เจ้าโง่หรืออย่างไร เพลิงอัคคีกับอาวุธล้ำค่าระดับล่างมันอยู่ระดับเดียวกันหรือไง”
“คิดไม่ถึงว่าหลิวหลีแห่งบ้านสกุลหลงจะโหดร้ายขนาดนี้ ความสามารถเกินคนจริงๆ ถึงขนาดมีเพลิงอัคคีสองชนิด พวกเจ้าเห็นกันหรือยัง พลังเซียนของจ้านอวิ๋นจวินใช้จนหมดเกลี้ยงแล้ว ของนางยังเหลืออยู่เลย”
“ใช่ ถึงแม้ให้สู้อีกรอบนางก็น่าจะรับมือได้อยู่”
“ข้ารู้สึกเหมือนข้าต้องสู้กับนาง” ฮัวจิงหงหัวเราะขมขื่น
จากนั้นทุกคนก็เห็นหลิวหลีใช้กระแสไฟฟ้าฟาดคนผู้หนึ่งล้มไปกองที่พื้น คนคนนั้นก็คือจ้านอวิ๋นจิ่ง
“เจ้าคนชั่ว เจ้าคิดจะทำอะไรจื่อฉี” หลิวหลีโมโห ถึงขนาดมาฉุดกระชากลากถูเด็กน้อยจื่อฉีของนาง อยากจะโดนจัดการใช่ไหม
“หลงหลิวหลี เจ้าหลีกไป เขาคือกิเลน ตามหลักแล้วควรกลับบ้านสกุลจ้านกับข้า ไปพูดคุยกับผู้อาวุโสของเผ่ากิเลน” จ้านอวิ๋นจิ่งได้รับแจ้งมาจากผู้อาวุโสในเผ่าว่าเจอกิเลนที่ไม่ได้อยู่ในเผ่ากิเลน ให้เขานำตัวกลับไป ใครจะไปรู้ว่ายั่วโทสะแม่ผู้หญิงดวงแข็งคนนี้เข้า
“แล้วจะทำไม จื่อฉีอยู่กับข้ามาตั้งแต่ยังอยู่ในไข่ เจ้าบอกให้เขากลับสกุลจ้าน เขาก็ต้องกลับไปกับเจ้าเหรอ เจ้าเป็นต้นหอมมาจากรากไหนเนี่ย” หลิวหลีไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก
………………………………………..