ตอนที่ 91 แขกผู้มาเยือน

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“สะใภ้ใหญ่ ฮูหยินเรียกท่านและคุณหนูทั้งสองให้เข้าพบเจ้าค่ะ!” ม่านหรูกล่าวกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างนอบน้อม หลังจากเรื่องการรับอนุภรรยา พวกบ่าวของตระกูลซั่งกวนก็ล้วนแต่มองออก ตัวตนของสะใภ้ใหญ่ที่ดูเหมือนธรรมดากลับอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ธรรมดาของตระกูลซั่งกวน

ซั่งกวนฮ่าวที่โปรดปราน หวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่หลงนางอย่างไม่ลืมหูลืมตา ซั่งกวนเจวี๋ยที่ให้ความเคารพและนับวันก็ยิ่งใกล้ชิดสนิทสนมกับนาง คุณหนูทั้งสองที่แสดงตัวเป็นที่พึ่งและปกป้องโดยไม่ปิดบังสักนิด รวมทั้งซั่งกวนอิงที่นับถือนาง นอกจากฮูหยินใหญ่ที่มีท่าทีเรียบนิ่งกับนางมาโดยตลอด เจ้านายหลักๆ คนอื่นๆ ของตระกูลซั่งกวนก็ล้วนไม่มีท่าทีคอยหาเรื่องจับผิดหรือไม่พอใจแม้แต่คนเดียว ส่วนท่าทีพวกอนุภรรยาและลูกๆ ของพวกนางนั้นล้วนไม่สำคัญ ย่อมไม่มีใครคิดจะสนใจเรื่องนี้

และแต่เดิมก็เพราะว่าท่าทีของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่มีต่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทำให้พวกบ่าวต่างก็นับถือนาง ทั้งยังนับถือมากขึ้นเรื่อยๆ พวกที่ได้เห็นกับตาก็ล้วนเคารพนอบน้อมขึ้นไปอีก แม้ว่าในใจจะไม่เต็มใจหรือไม่พอใจ ก็ไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรออกมาทางสีหน้า ในช่วงเวลาสั้นๆ บ่าวแทบจะทั้งจวนก็ล้วนเคารพยำเกรงนาง

“ท่านแม่มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หยุดมือที่กำลังปักเย็บ กล่าวอย่างแปลกใจ ช่วงนี้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมักจะชอบไปมาหาสู่นางอย่างสนิทสนม เพียงแต่ปกติหวงฝู่เยวี่ยเอ้อล้วนเป็นฝ่ายมาหานางเอง ทั้งยังถือโอกาสขลุกตัวใช้เวลาใกล้ชิดสนิทสนมกับหลิงหลงและจิงอิ๋งที่นี่ แต่ก็ไม่เคยเรียกหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้สักครั้ง

“พี่สะใภ้ ท่านแม่ไม่อาจมีเรื่องด่วนอะไรหรอก ท่านปักผีเสื้อนี่ให้เสร็จแล้วค่อยว่ากันเถิด!” จิงอิ๋งกล่าวอย่างออดอ้อน ในมือของเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นกระโปรงตัวหนึ่งของจิงอิ๋งที่จินหรุ่ยเป็นคนทำให้นาง เพียงแต่จินหรุ่ยเย็บปักเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ที่เหลืออีกส่วนที่เป็นลวดลายผีเสื้อกินพื้นที่เกือบครึ่งของกระโปรงนั้นเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นคนทำ ยามนี้ได้ปักมาจนถึงส่วนสุดท้ายแล้ว

“อาจารย์เฉาที่นายท่านเชิญมาจากเซิ่งจิงเดินทางมาถึงแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินกำลังต้อนรับอยู่ จึงเชิญสะใภ้ใหญ่และคุณหนูทั้งสองไปเข้าพบด้วยเจ้าค่ะ!” ม่านหรูตอบอย่างแย้มยิ้ม “อาจารย์เฉาเดินทางมาไกลจากเซิ่งจิง แม้ว่าจะอ่อนเพลียอยู่มาก แต่ก็ไม่ได้คิดจะไปพัก อยากจะพบสะใภ้ใหญ่และคุณหนูรองก่อน จึงจะได้กำหนดตารางเรียนให้คุณหนูรองถูกเจ้าค่ะ!”

นี่คืออาจารย์เฉาที่รู้ทั่วกันว่าเป็นผู้ฝึกสอนคุณหนูสามท่านของตระกูลเก่าแก่ที่โดดเด่นที่สุดผู้นั้น? ยามนี้กำลังฝึกสอนคุณหนูเก้าของตระกูลหวงฝู่ เป็นน้องสาวคนเล็กสุดของหวงฝู่หลินจี้ ซั่งกวนเจวี๋ยกว่าจะเกลี่ยกล่อมเขามาได้ก็ยากเย็นอยู่เช่นกัน เป็นผู้ฝึกสอนที่ยอมเสียเวลาครึ่งปีเพื่อสอนจิงอิ๋งผู้นั้น?

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตกตะลึงไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าอาจารย์เฉาผู้นั้นจะเป็นฝ่ายมาหาเองถึงประตู ไม่ได้ให้ตระกูลซั่งกวนเป็นฝ่ายส่งจิงอิ๋งไปถึงเซิ่งจิง เรื่องนี้เยี่ยนมี่เอ๋อร์เคยได้ยินซั่งกวนเจวี๋ยเกริ่นมาก่อน แต่เขากล่าวว่าอาจารย์เฉาจะส่งคนมาที่ตระกูลซั่งกวนเพื่อเจรจากับซั่งกวนฮ่าวสองสามีภรรยา แล้วก็จะพาจิงอิ๋งไปยังเซิ่งจิงด้วย พำนักอยู่ที่นั่นประมาณครึ่งปีเพื่อรับการสอนสั่งจากอาจารย์ และก็เพราะเหตุผลที่จิงอิ๋งต้องห่างจากตระกูลไปเร็วๆ นี้ จึงทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยุ่งอยู่กับการเย็บปักกระโปรงให้นาง

 “พวกเราไปกันเถิด!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองการแต่งตัวของเด็กสาวทั้งสอง ยังนับว่าพอไปได้อยู่ ก็รีบส่งกระโปรงที่กำลังจะเย็บเสร็จให้กับจินหรุ่ยทันที ไม่กล้าจะชักช้าแม้แต่น้อย…ไม่ว่าจะเรื่องอันใด แต่ผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นอาจารย์ ย่อมไม่ยินดีที่จะคอยนานเกินไปแน่ ใบหน้าของพวกนางอาจจะไม่ปรากฏท่าทีอันใด แต่ใครจะรู้ว่าในใจพวกนางคิดอะไร

จิงอิ๋งไม่ดีใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หยัดกายขึ้นอย่างไม่ยินดี หลิงหลงที่อยู่ด้านข้างรู้ว่านางกำลังคิดอะไร ก็จงใจกล่าวอย่างทอดถอนหายใจ “โธ่ คนผู้นี้เหตุใดจึงได้มาเร็วขนาดนี้? คนอื่นเขาทำใจห่างพี่สะใภ้ได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน!”

จิงอิ๋งถลึงตามองนาง กล่าวอย่างโมโห “แต่อย่างไรก็ดีกว่าท่านอยู่ดี อีกเดี๋ยวก็แต่งออกไปแล้ว ถึงเวลานั้น ก็จะกลายเป็นคุณหนูที่แต่งออกจากบ้านเหมือนดั่งน้ำที่ถูกสาดออกไป ดีแล้ว พี่สะใภ้ก็จะเอ็นดูแต่ข้า”

“ข้าไม่อะไรหรอก” หลิงหลงหัวเราะร่วน “อย่างไรก็มีเวลาอีกครึ่งปีกว่า ทั้งยังไม่มีเจ้าอยู่ขวางหูขวางตา ข้างกายพี่สะใภ้ก็จะมีแต่ข้าเท่านั้น ถึงเวลานั้น พี่สะใภ้ก็ย่อมเอ็นดูข้าที่สุด ใครจะไปจำได้อีกว่าเจ้าเป็นใคร!”

“พี่สะใภ้…” จิงอิ๋งร้องอย่างออดอ้อนไปพลาง เบิกตามองหลิงหลงไปพลาง ก่อนจู่ๆ จะตั้งท่าเข้าไปทะเลาะกันอย่างแทบไม่มีใครทันตั้งตัว

“เอาเลย! จัดการนางเลย!” หลิงลี่ตะโกนราวกับกลัวว่าเรื่องจะไม่วุ่นวาย “หากสู้ไม่ไหวล่ะก็ ยังมีข้าอยู่!”

“เอาเถิด ไม่อนุญาตให้ซุกซน!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หยิกใบหน้าเล็กนั้นของหลิงลี่ไปที ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใดที่เด็กคนนี้มักจะตามจิงอิ๋งมาที่เรือนมีคู่อยู่ทั้งเช้าทั้งเย็น และนางเมื่อเทียบกับจิงอิ๋งแล้วไม่เพียงแต่จะดื้อรั้นไม่ฟังความกว่า แต่ยังมีนิสัยชอบต่อสู้และกลัวอย่างกับว่าจะไม่เกิดเรื่องยุ่ง เช้าจรดเย็นก็เอาแต่คิดแผนการ เจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นอย่างยิ่ง

“พี่สะใภ้เจวี๋ย เจ็บจังเลย!” หลิงลี่ลูบหน้า ดูน่าสงสาร แต่ใครจะรู้ว่านางกำลังเสแสร้งอยู่

“แล้วอย่างไรเล่า?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ชอบหลิงลี่จริงๆ เห็นนางก็คล้ายกับมองเห็นตัวเองที่เคยดื้อรั้นก่อเรื่องไปทั่ว เพียงแต่

หลิงลี่นั้นถูกตามใจจนเกินไปอยู่บ้าง มีหลายครั้งที่ควบคุมโทสะไม่อยู่ จึงต้องตีเสียบ้าง

“ให้พี่ลู่หลัวสอนข้าถักเชือกที่สวยๆ สักอันเถิด” หลิงลี่ประกายตาวาว นางชื่นชอบของพวกนั้นเป็นอย่างมาก “ยังเหลือเวลาอีกเดือนหนึ่งก็จะเป็นวันเกิดของท่านพ่อแล้ว หากข้าสามารถถักเชือกไปประดับคู่ดาบของเขาได้ ท่านพ่อต้องดีใจอย่างแน่นอน”

“ได้ เจ้าชอบแบบไหนก็บอกกับลู่หลัวให้นางสอนเจ้า ไม่อนุญาตให้ทำพัง ไม่อนุญาตให้ซุกซน พวกเราต้องไปแล้ว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้า พาเด็กสาวทั้งสองออกจากประตูไป เมื่อเห็นปากประตูเรือนมีเกี้ยวสามคันจอดอยู่ ก็อึ้งไปสักครู่…แม้ว่าตระกูลซั่งกวนจะมีพื้นที่กว้างขว้าง แต่ละเรือนนั้นอยู่ไกลกันอยู่บ้าง แต่เพราะพวกเจ้านายล้วนมีวรยุทธ์อยู่กับตัว มักจะเดินไปเดินมาตลอด แทบไม่เคยเห็นใครนั่งเกี้ยวมาก่อน

“เชิญสะใภ้ใหญ่ขึ้นเกี้ยวเจ้าค่ะ!” ม่านหรูกล่าวทั้งเผยยิ้ม “นั่งเกี้ยวจะเร็วกว่าอยู่บ้าง ทั้งเหงื่อจะได้ไม่ออก จะทำให้อาจารย์เฉาไม่ชอบใจได้เจ้าค่ะ!”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! เยี่ยนมี่เอ๋อร์ผงกศีรษะ ก่อนจะขึ้นไปบนเกี้ยวทันที รอจนนางนั่งมั่นคงแล้ว หญิงคนใช้ก็ยกเกี้ยวขึ้นเดินไปยังเรือนหลักด้วยความรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของเกี้ยวที่มั่นคงและว่องไว ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์พอจะเดาได้ว่าหญิงคนใช้พวกนี้ก็เป็นวรยุทธ์ ทั้งยังล้วนเป็นวรยุทธ์นอกสำนัก บางทีผู้ที่แสดงวรยุทธ์ในยุทธภพเหล่านั้นยังไม่แน่ว่าจะมีความสามารถเช่นนี้ได้!

เยี่ยนมี่เอ๋อร์แง้มผ้าม่านออกเล็กน้อย ก็เจอม่านหรูอยู่ด้านข้างพอดี ดูท่าสาวใช้ผู้นี้ก็คงมีวรยุทธ์อยู่บ้างเช่นกัน แม้จะเดินมาอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ทว่าใบหน้ากลับไม่แดงแม้แต่น้อย

“ม่านหรู แบกมาเร็วเช่นนี้ จื่อหลัวตามไม่ทันแล้วกระมัง!” โดยปกติเยี่ยนเอ๋อร์จะพาจื่อหลัว ช่าจื่อ ทั้งติงเอ๋อร์ที่เพิ่งเลื่อนขั้นติดตามมาข้างกาย สาวใช้สองคนนั้นล้วนเคยเรียนวรยุทธ์ แต่จื่อหลัวนั้นเหนือบ่ากว่าแรงแล้ว ไม่รู้ว่านางตามมาทันหรือเปล่า

“สะใภ้ใหญ่อย่าได้กังวล คุณหนูให้จื่อหลัวขึ้นเกี้ยวมา ส่วนนางเองก็กำลังตามมาเจ้าค่ะ!” ม่านหรูกล่าวยิ้มๆ นางคาดไม่ถึงอย่างมาก หลิงหลงที่แทบไม่เคยใส่ใจอะไรมาโดยตลอดนั้นจะนึกถึงสาวใช้ที่ธรรมดาผู้หนึ่งได้

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตกตะลึง ชะโงกศีรษะออกจากผ้าม่านไป จริงเสียด้วย หลิงหลงกำลังตามมา ส่วนจื่อหลัวกลับไม่เห็นแม้แต่เงา เมื่อเห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ยื่นหัวออกมา หลิงหลงก็เร่งฝีเท้าตามขึ้นมา ถลึงตาใส่ม่านหรูไปที เกลียดที่นางปากมาก ก่อนจะยิ้มกล่าวกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ “พี่สะใภ้ อย่ายื่นหัวออกมา ระวังลมจะตีผมพังเข้า”

“เหตุใดเจ้าจึงให้จื่อหลัวนั่งเกี้ยว แต่ตัวเองกลับเดินมาแทนล่ะ” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวตำหนิ “นางเป็นเพียงสาวใช้ จะไม่คำนึงถึงฐานะเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้ารีบขึ้นเกี้ยวเสีย ให้จื่อหลัวลงมา!”

“เดี๋ยวก็จะถึงแล้ว!” หลิงหลงยิ้มร่า “หากเป็นจื่อหลัวที่เดินเท้า แม้ว่าจะวิ่งจนหมดลมก็คงตามพวกเราไม่ทันอยู่ดี! หากไม่มีจื่อหลัวคอยรับใช้อยู่ข้างกาย พี่สะใภ้จะคุ้นชินได้อย่างไร! ข้าไม่เป็นไร แค่ระยะทางสั้นๆ เท่านี้เอง ข้าไปกลับสี่ห้าครั้งก็ยังไม่อาจเหนื่อย ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่อาจารย์เฉาต้องการพบคือจิงอิ๋ง ข้าเพียงไปเป็นเพื่อน แม้เหงื่อจะออกก็ไม่เป็นอะไรหรอก!”

“เจ้า…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่าหลิงหลงนั้นนึกถึงตัวนาง รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจปล่อยไปเช่นนี้ได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกคนตำหนิได้

“ถึงแล้ว!” หลิงหลงตัดบทคำพูดที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์กำลังจะกล่าว เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตั้งสติได้ ก็ถึงประตูทางเข้าเรือนนภารองแล้วจริงๆ เกี้ยวล่วงสู่พื้นในยามที่หลิงหลงกล่าวจบพอดี เยี่ยนมี่เอ๋อร์ลงมาจากเกี้ยวทันที คล้อยหลังก็เห็นจื่อหลัวที่ตัวแข็งทื่อถูกม่านจิ้งและม่านชิงคนของหลิงหลงพยุงลงจากเกี้ยวออกมา ดวงตาสองคู่นั้นหมุนติ้ว มีคำอยากจะพูดกลับไม่อาจกล่าวออกมาได้

หลิงหลงหัวเราะก่อนจะคลายจุดให้จื่อหลัว จื่อหลัวกล่าวบ่นทันที “คุณหนูใหญ่ เหตุใดท่านไม่คิดจะทักทายบอกกล่าวอะไรกันสักคำก็สกัดจุดยัดข้าเข้ามาในเกี้ยวเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! เยี่ยนมี่เอ๋อร์อดยิ้มออกมาไม่ได้ มิน่าเล่าจึงไม่ได้ยินเสียงดังหรือการโต้แย้งอันใด จื่อหลัวก็ยอมนั่งเกี้ยวแต่โดยดีเช่นนี้ กล่าวยิ้มๆ “หลิงหลงทำก็เพราะปรารถนาดีต่อเจ้า ยังไม่ขอบคุณคุณหนูอีก”

“ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ” จื่อหลัวคำนับต่อหลิงหลง ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ “คุณหนูดีกับสะใภ้ของพวกเราจริงๆ เจ้าค่ะ”

“พวกเราเข้าไปกันเถิด” หลิงหลงหน้าแดงเขินอายอยู่บ้าง รีบเบี่ยงจากประเด็นนี้ทันที เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่านางไม่คุ้นชินกับการเกรงใจเช่นนี้ ก็เผยยิ้มไม่กล่าวอะไร พาทั้งสองคนเข้าเรือนนภารองไป

เรือนนภารองมีห้องโถงหลักอยู่แห่งหนึ่งและมีโถงบุปผาอยู่อีกแห่งหนึ่ง ส่วนมากหวงฝู่เยวี่ยเอ๋อมักจะรับแขกที่โถงบุปผา แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไป ม่านหรูได้นำทางทุกคนเดินไปยังห้องโถงหลัก

เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ได้ทันที นี่แสดงให้เห็นว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเคารพนับถือและให้ความสำคัญอาจารย์เฉาผู้ที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนท่านนี้เป็นอย่างมาก นึกไปถึงข่าวคราวที่ได้รวบรวมมาหลายวันนี้ ก็สงสัยอย่างยิ่งว่านางและท่านแม่ จงเสวี่ยฉิงนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่

อาจารย์เฉา มีนามว่าเฉาซื่ออี๋ ลูกสาวบุญธรรมของปรมาจารย์เฉามู่ฮุ่ย เป็นบุคคลที่มีความสามารถในพิณ หมาก พู่กันและภาพวาดอย่างรอบด้านโดยแท้จริง ในยามที่นางมีอายุยี่สิบเก้าปี บทประพันธ์ (งามอย่างกุลสตรี) นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ในบทประพันธ์กล่าวถึงคุณธรรมและเสน่ห์ด้านลักษณะท่าทาง วิธีการพูด ความคิด และพฤติกรรมที่หญิงสาวควรจะมี เมื่อบทประพันธ์ถูกเผยแพร่ออกมา ก็แทบสั่นสะเทือนไปถึงเหล่าบรรดาคุณหนูทั้งต้าเยียน ตระกูลใหญ่เก่าแก่ยังนับว่าดี แต่ตระกูลที่ฐานะธรรมดาเหล่านั้นต่างก็ค่อยๆ พากันยึดเป็นมาตรฐานในการอบรมสั่งสอนหญิงสาว และนางก็ถูกเลือกให้เป็นอาจารย์หญิงในสำนักดรุณีของเซิ่งจิงในปีนั้น ยามนี้นางได้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ พวกหญิงสาวสูงส่งจากตระกูลต่างๆ มากมาย ทั้งเหล่าคุณหนูที่ยังไม่ได้แต่งงานต่างก็พากันเรียกตัวเองว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เฉา แต่ในความเป็นจริงคนเหล่า นั้นเพียงเคยขอร่ำเรียนในสำนักดรุณีที่เซิ่งจิง ได้รับการสอนสั่งจากนางเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น หญิงสาวชั้นสูงที่นับได้ว่าถูกนางสั่งสอนออกมาอย่างแท้จริง นอกจากองค์หญิงไม่กี่ท่านแล้ว ก็มีท่านหญิงอีกสามท่าน คุณหนูชนชั้นสูงที่ยังไม่ได้แต่งงานสองคน และคุณหนูตระกูลเก่าแก่อีกสามคน คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีรูปลักษณ์หน้าตาโดดเด่นและมีความสามารถมาก มายกันทั้งนั้น

ตระกูลซั่งกวนอยากให้จิงอิ๋งติดตามอาจารย์เฉาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังคนนี้ เพื่อให้นางมีชื่อเสียงอันดีงามไปด้วย ภายหลังจะได้เลือกตระกูลที่มาแต่งงานได้อย่างสมใจปรารถนา ซั่งกวนเจวี๋ยเคยไปถึงเซิ่งจิงด้วยตัวเอง กลับถูกอาจารย์เฉาปฏิเสธด้วยเหตุเพราะว่ามีลูกศิษย์สามคนมาขอให้เป็นอาจารย์ก่อนแล้ว ภายหลังหวงฝู่เยวี่ยเอ้อรู้มาจากตระกูลหวงฝู่ว่าปรมาจารย์เฉามู่ฮุ่ยได้เคยอบรมสอนสั่งคุณหนูในเซิ่งจิงมามากมาย จึงได้เปิดเผยเรื่องงานแต่งงานของเยี่ยนมี่เอ๋อร์และซั่งกวนเจวี๋ยให้กับอาจารย์เฉา และในครั้งที่สองที่ซั่งกวนเจวี๋ยส่งคำเชิญไป ก็ได้รับการตอบรับจากอาจารย์เฉา แต่ว่าอาจารย์เฉานั้นมีติดภาระอยู่ก่อนแล้ว จึงทำได้เพียงสอนสั่งให้คุณหนูตระกูลซั่งกวนครึ่งปีหลังเท่านั้น

หญิงสาวที่แม้แต่ตระกูลใหญ่ก็ล้วนไม่เห็นอยู่ในสายตาผู้นี้จะเป็นคนเช่นไรกันนะ?

———————————-