หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นดูธรรมดาเสียจนหากนางถูกโยนเข้าไปในฝูงชนก็คงจะหานางไม่เจอ ที่ใบหน้ายังคงมีฝ้ากระจางๆ นางนอนสบายๆ อยู่บนเก้าอี้โยก โดยมีชายผมบลอนด์รูปงามข้างๆ กำลังยิ้มและรินชาอย่างระมัดระวัง คนถัดไปคือหนึ่งในฝันร้ายของโจรสลัดกะโหลกแดงชายชุดดำ    นั่งอยู่ข้างหลังหญิงสาวผู้นี้ ดูเหมือนชายร้ายกาจผู้นั้นจะเมาเรืองั้นหรือ? ฝันร้ายอีกคนของพวกเขา    คือคนที่ใช้ธนูเวทย์ที่ขณะนี้นั่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวธรรมดาๆ ด้วยใบหน้าที่มีความสุขและพึงพอใจ นางกำลังนับเหรียญทองที่หญิงสาวเพิ่งมอบให้มา! 

 

 

มือของกัปตันโจรสลัด กะโหลกแดงสั่นเล็กน้อย อย่าบอกนะเด็กสาวที่น่ากลัวที่ฆ่าพวกเขาไปมากมายผู้นั้น    ได้รับเหรียญทองน้อยแค่นี้เป็นรางวัล! นางรู้หรือไม่ว่าสมาชิกในกลุ่มโจรสลัดที่นางเพิ่งสังหารไปมีมูลค่าสูงกว่าจำนวนเหรียญทองทั้งหมดในมือของนางมาก! 

 

 

หญิงที่ดูธรรมดาๆ ผู้นี้เป็นใครกัน?! 

 

 

“โอ้ เจ้าเป็นกัปตันโจรสลัดกะโหลกแดงที่มีชื่อเสียงงั้นหรือ?” แคลร์จิบชาและถามชายหนุ่มที่ถูกมัดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับกางเขตกั้นเวทมนตร์เอาไว้ นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและไม่คาดคิดว่ากัปตันโจรสลัดที่น่ากลัวในตำนานจะมีหน้าตาเช่นนี้ หน้าดูเด็กมาก จะมองยังไงก็ดูน่ารัก ไม่มีความชั่วร้ายเลยแม้แต่น้อย ท่าทางเช่นนี้หรือที่สามารถทำให้โจรสลัดทั้งกองยอมก้มหัวเชื่อฟังได้ และยังทำให้กองทหารของอาณาจักรปวดหัวเป็นอย่างมากได้ แสดงว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดาเหมือนรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างแน่นอน 

 

 

“ใช่ ข้าเอง เจ้าเป็นใคร? ข้าพ่ายแพ้เจ้าในวันนี้ อย่างน้อยเจ้าก็ควรให้ข้าตายโดยไม่มีอะไรค้างคาใจ” กัปตันโจรสลัดหน้าเด็กผู้น่ารักมองแคลร์และตะคอกอย่างเย็นชา 

 

 

“เจ้าถามว่าคนอื่นเป็นใคร เจ้าก็ควรบอกชื่อของเจ้าก่อนสิ! เจ้าหนุ่มผู้ไม่ได้รับการสั่งสอน!” ซัมเมอร์พูดและหางตาของนางก็มองไปที่เบนที่กำลังอาเจียนอยู่ตรงนั้น นางพูดเป็นนัยๆ น่าเสียดายที่มังกรดำไม่ได้ยินเพราะกำลังอาเจียนอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่  

 

 

“หลิวคู่!” กัปตันหน้าเด็กพูดอย่างดุๆ จากนั้นก็จ้องไปที่แคลร์รอคำตอบ 

 

 

“กัปตัน หาเกาะที่ใกล้ฝั่งที่สุด ส่งพวกเขาไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ แล้วเรารีบไปตามทางของเรากันเถอะ” แคลร์หาวและนอนลง 

 

 

สีหน้าของหลิวคู่เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เขามองแคลร์ด้วยความเกลียดชังและตะคอก “เจ้าเป็นใคร?” 

 

 

“ข้าบอกหรือว่าถ้าเจ้าบอกข้าแล้วข้าจะบอกเจ้า? เจ้าเป็นโจรสลัด เจ้าคิดว่าโลกนี้มีความยุติธรรมหรือไร?” แคลร์ไม่เงยหน้าขึ้น ตาของนางยังคงหลับอยู่และก็พูดออกมาอย่างเฉื่อยชาทำให้กัปตันโจรสลัดหงุดหงิด “ข้าจะไม่บอกเจ้า ข้าจะให้เจ้าตายอย่างข้องใจ” 

 

 

ใจของคนที่อยู่ตรงนั้นสั่นเล็กน้อย ปีศาจน้อยตัวนี้เป็นคนเลว เป็นคนเลวมากๆ! 

 

 

หลิวคู่ตกตะลึง จนกระทั่งเขาถูกพาตัวออกไป เขาก็ยังคงหันกลับมามอง แคลร์อย่างดื้อดึง สายตานั้นดูซับซ้อนมาก 

 

 

โจรสลัดที่เหลือถูกจับกุมและส่งให้กับสำนักงานรักษาความปลอดภัยของเกาะที่ใกล้ที่สุดอย่างราบรื่น ปืนคริสตัลเวทย์ถูกทิ้งไว้เพื่อส่งมอบให้เจ้าหน้าที่  เมื่อข่าวกลุ่มโจรสลัดกะโหลกแดงถูกทำลายแพร่ออกไปก็สร้างความตื่นตะลึงไปทุกพื้นที่ ชาวเกาะทั้งหมดอยากจะเห็นว่าใครเป็นคนจัดการโจรสลัด แต่แคลร์และพวกไม่ได้ลงมาจากเรือเลย พวกเขารีบออกทะเลทันทีเมื่อกัปตันจัดการเรื่องนี้เสร็จ เหลือเพียงชื่อของกลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่าและไป๋เสี่ยวเยว่ไว้เท่านั้น 

 

 

“หัวหน้า เจ้ากลายเป็นคนดังอีกแล้ว” คามิลล์ปรับตำแหน่งของร่มกันแดด เขายิ้มและพูดกับแคลร์ที่นั่งอยู่ใต้ร่มกันแดดนั้น 

 

 

“รองหัวหน้า ผมบลอนด์ของท่านสวยมากเมื่อต้องแสงแดด มันเป็นประกายระยิบระยับราวกับไข่มุกเลย” แคลร์พูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา “ข้าอยากได้ขนมคุซี โมจิรสดอกกุหลาบจัง” 

 

 

“ได้สิ หัวหน้า ข้าจะทำเพื่อเจ้าเลย” คามิลล์หยุดพูดเรื่องไร้สาระและเดินเข้าไปในห้องโดยสาร ไป๋ตี้กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของคามิลล์พร้อมกับหัวเราะเบาๆ ตงเฟิงโฮ่วก็เดินตามหลังไปติดๆ เช่นกัน 

 

 

“ตกลงเจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่?” แคลร์ลุกขึ้นนั่งและลืมตาขึ้นมองสองพี่น้องตระกูลหลี่ที่ไม่ได้พูดหรือขยับตัวไปไหนเป็นเวลานานแล้วตรงหน้า ตอนนี้มีเพียงสามคนที่เหลืออยู่ที่ด้านหน้าของดาดฟ้าเพราะคนอื่นก็มัวยุ่งเรื่องของตัวเองกัน ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินไปย่างปลา วัลโดกำลังอาบแดดอยู่บนดาดฟ้าด้านบน จินเหยียนพักผ่อนอยู่ในห้องโดยสาร ส่วนเบนก็อาเจียนอยู่ที่ประจำ 

 

 

“เจ้าไม่น่ารักเลย” หลี่เยว่เหวินสูดหายใจอย่างเย็นชาขณะมองแคลร์ที่ดูไม่แยแส 

 

 

แคลร์ยักไหล่ไม่มีความเห็นใด 

 

 

“เจ้า…” หลี่หมิงหยู่พูดเบาๆ “เรารู้ว่าชายชุดดำไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นมังกร นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แต่ทำไมเขาถึงเชื่อฟังเจ้าล่ะ? ทำไมวันนั้นสัตว์เวทย์ทะเลถึงล่าถอยไปอย่างลึกลับ ไม่ต้องให้เหตุผลแบบขอไปทีแบบที่เจ้าบอกกับเจ้าเมืองมาบอกข้าหรอกนะ” 

 

 

แคลร์เลิกคิ้วเล็กน้อยและพูดเบาๆ “ทำไมข้าต้องบอกเจ้าล่ะ?” 

 

 

ขณะที่หลี่เยว่เหวินกำลังจะพูดโวยวายขึ้นมา แคลร์ก็เอียงหัวและพูดต่อ “แต่ถ้าเจ้าอยากรู้ ข้า    บอกเจ้าก็ได้” 

 

 

ปากของหลี่เยว่เหวินกระตุกและพูดไม่ออกรอยยิ้มฉายอยู่ในแววตาของหลี่หมิงหยู่ เขารู้ว่าแคลร์จงใจแกล้งน้องสาวที่ใจร้อนของเขา 

 

 

“เดิมทีมังกรดำถูกอาจารย์ของข้าช่วยไว้โดยบังเอิญ เขาถูกมังกรในตระกูลใส่ร้าย นั่นก็เพราะเขาโง่เกินไป ดังนั้นเขาจึงอยากจะติดตามข้าและเรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะเชื่อฟังข้า ส่วนเรื่องสัตว์เวทย์ทะเลในวันนั้น มันง่ายมากๆ เลยล่ะ” แคลร์จิบชาหอมๆ ดื่มด่ำกับฝีมืออันยอดเยี่ยมของคามิลล์ในใจและพูดต่อ “เพราะสัตว์เวทย์ทะเลถูกเรียกมาโดยผู้อัญเชิญที่เป็นลูกน้องของข้าพอถึงเวลาที่เหมาะสม คนๆ นั้นก็บอกให้สัตว์เวทย์ทะเลล่าถอยไปไงล่ะ” 

 

 

หลี่หมิงหยู่และหลี่เยว่เหวินมองหน้ากัน พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปพักหนึ่ง                

 

 

“ผู้อัญเชิญหรือ? ในทีมของเจ้าใครคือผู้อัญเชิญ?” หลี่เยว่เหวินถามด้วยความประหลาดใจ ผู้อัญเชิญเป็นอาชีพที่หายากและมีมนต์ขลังมาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเป็นได้ พวกเขาต้องสามารถสื่อสารกับธรรมชาติ ฟังเสียงของสิ่งมีชีวิต และสร้างมีอิทธิพลต่อจิตใจของพวกมัน เขาต้องมีพลังใจที่เข้มแข็งและมีทักษะในการสื่อสารมากด้วย 

 

 

“ก็เจ้าเด็กที่วันๆ รู้จักแต่เรื่องกินนั่นไง” แคลร์เอนหลังอีกครั้งและพูดอย่างสบายๆ “ตอนนี้พวกเจ้าสามารถนอนหลับได้อย่างสงบแล้วใช่หรือไม่ ได้รู้เรื่องจริงทั้งหมดแล้วก็พักให้เต็มที่ และเตรียมตัวไปชิงสมบัติกัน” 

 

 

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีจะคนอื่นมาชิงสมบัติด้วย?” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างตรงไปตรงมาและปิดปากทันทีหลังจากพูดประโยคนั้น 

 

 

“ระหว่างตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ตระกูลเฟิงและตระกูลสุ่ยกลมเกลียวกัน อยู่ในสถานะที่ไม่แตกหักมาโดยตลอด ส่วนตระกูลฮว๋าและตระกูลหลี่ของพวกเจ้าไม่ลงรอยกันราวน้ำกับไฟมาโดยตลอด พวกเจ้าออกมา    มาหาสิ่งประดิษฐ์ในครั้งนี้ก็เพื่อฟื้นฟูตระกูลหลี่ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ตระกูลฮว๋าที่มองว่าพวกเจ้าเป็นหนามยอกอกจะปล่อยให้เกิดขึ้นโดยไม่มาขัดขวาง?” แคลร์พูดสบายๆ ขณะที่หลับตา 

 

 

หลี่หมิงหยู่และหลี่เยว่เหวินมองหน้ากันเป็นเวลานานโดยไม่มีคำพูดอะไร เห็นได้ถึงอารมณ์มากมายในดวงตาของอีกฝ่าย มีทั้งความชื่นชม ความกังวลและความขอบคุณแคลร์ได้ค้นพบทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว อย่างที่แคลร์ได้กล่าว มีคนจากตระกูลฮว๋าจะมาแย่งชิงสมบัติ จนถึงตอนนี้คนของตระกูลฮว๋ายังไม่ได้ดำเนินการใดๆ นั่นก็เพราะพวกเขาคงรอโอกาสดีๆ อยู่    

 

 

แคลร์หลับตาพักผ่อน คามิลล์เป็นเหมือนพจนานุกรมที่มีชีวิต หากต้องการข้อมูลใดๆ ก็เพียงไปหาเขาพร้อมกับคำชมแล้วจะได้    ข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการทันที! 

 

 

สามวันต่อมา เรือเทียบท่าบนเกาะที่ไม่รู้จัก 

 

 

“สถานที่รกร้างเช่นนี้มีสมบัติจริงๆ หรือ?” เบนหย่อนเท้าทั้งสองของเขาลงบนพื้นดินและรู้สึกดีขึ้นมาในทันทีเขากระโดดอย่างตื่นเต้น ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องอาเจียนอีกต่อไปแล้ว 

 

 

แต่แคลร์รู้ดีว่าพวกเขาจะไม่สามารถหาเกาะนี้ได้เลยหากไม่มีการนำทางของชังหลัน บนแผนที่ไม่มีเกาะนี้ปรากฏอยู่บรรพบุรุษของตระกูลหลี่ซ่อนสมบัติไว้ที่นี่ ต้องมีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้แน่นอน 

 

 

กัปตันและลูกเรือรออยู่บนเรือ แคลร์และพวกก็ขึ้นฝั่งไปพร้อมกับข้าวของทั้งหมด ตอนที่ขึ้นฝั่งครั้งแรก แคลร์เห็นต้นมะพร้าวที่มีลูกเต็มต้นเรียงรายอยู่บนชายหาดมีเต่าหลากสีอาบแดดอยู่บนต้นมะพร้าว เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเพียงเสียงดังป๋อมของเต่าหลากสีกที่    กระโดดลงทะเลไป     

 

 

เกาะแห่งนี้เขียวขจีไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ที่ทำให้รู้สึกสดชื่น สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยไม่กลัวคนแม้แต่น้อยพวกมันจ้องมองคนเดินกันอย่างอยากรู้อยากเห็น 

 

 

“มันอยู่ข้างหน้านั่น” หลี่หมิงหยู่หยิบชังหลันออกมาดูและเงยหน้าขึ้นมาพูด 

 

 

“ไปกันเถอะ” แคลร์พูดอย่างสบายๆ โดยนางยังคงขี่เสือดาวลมอย่างยั่วสายตาดูถูกของซัมเมอร์ 

 

 

หลี่หมิงหยู่เดินนำทางไปทางนั้นพร้อมเหวี่ยงดาบเพื่อตัดเคลียร์เส้นทาง คนข้างหลังก็ตามมาอย่างใกล้ชิด แคลร์ตามการเคลื่อนไหวของหลี่หมิงหยู่และในใจของนางก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาหลังจากเฝ้าดูอยู่นานก็ได้ข้อสรุปว่านางไม่สามารถมองเห็นฝีมือของหลี่หมิงหยู่ได้แม้แต่น้อย     

 

 

หลังจากนั้นสักพัก  ในที่สุดก็ได้พบ 

 

 

“มันอยู่ในถ้ำนั้นหรือ?” เบนยืดคอถามอย่างสงสัยถ้ำขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา 

 

 

“ชังหลันบอกว่าอยู่ด้านใน” หลังจากที่หลี่หมิงหยู่ตอบรับคำยืนยันแล้ว เขาก็เป็นผู้นำและเดินเข้าไป 

 

 

“พี่ ระวังด้วย” หลี่เยว่เหวินรีบตามไป 

 

 

หลี่หมิงหยู่พยักหน้าเบาๆ และเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง คลื่นเวทย์มนตร์เล็กๆ ปรากฏขึ้นที่ทางเข้าถ้ำ 

 

 

“เขตกั้น?” หลี่หมิงหยู่หยุดกะทันหัน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเพื่ออ่านความยาวคลื่นของเขตกั้น 

 

 

แต่ในเวลานี้ เรื่องแปลกก็เริ่มเกิดขึ้น 

 

 

ต่อหน้าต่อตา สายตาที่หวาดกลัวของทุกคน เมื่อมือของหลี่หมิงหยู่ผ่านเขตกั้น จากนั้นเขาก็หายไปทั้งตัวเลย ดูเหมือนจะมีแรงดึงเขาเข้าไป     

 

 

“พี่ใหญ่!” หลี่เยว่เหวินอุทานและยื่นมือออกไปโดยไม่ลังเล 

 

 

ในช่วงเวลาต่อมา หลี่เยว่เหวินก็หายตัวไปเช่นเดียวกัน 

 

 

“แคลร์?” ซัมเมอร์มองแคลร์ด้วยความกลัว สถานการณ์ตรงหน้า แปลกประหลาดเกินไป ทุกคนสามารถมองเห็นโขดหินขรุขระด้านในของถ้ำผ่านทางกั้นโปร่งใสแต่ทั้งสองกลับหายไปดื้อๆ     

 

 

“มีอะไรบางอย่างดึงพวกเขาเข้าไป…” แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงคลื่นเวทย์มนตร์แปลกๆ ที่เขตกั้นแคลร์ค่อยๆ ยื่นมือออกไปแตะเขตกั้น ซัมเมอร์ที่อยู่ข้างหลังร้องเตือนและพยายามจะจับ แคลร์ 

 

 

…………………………………………………………………………….