ตอนที่ 104 สร้างชิงหยางใหม่

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ท่าทางของอวิ๋นเจี่ยวและไป๋อวี้นั้นราวกับเคยชินกับเหตุการณ์ 

 

 

“ทำพวกนี้ได้ แต่ว่า…” อวิ๋นเจี่ยวเดินขึ้นหน้า ก่อนจะชี้ไปยังซากอาคารด้านข้างแล้วพูดว่า “ห้องครัวพังแล้ว ไม่มีเตาไฟข้าทำออกมาไม่ได้ อาจารย์ปู่ท่านช่วยเสกให้มันกลับสู่สภาพเดิมหน่อย” 

 

 

เยี่ยยวนมองไปยังกองหิน ขมวดคิ้วราวกับกำลังลังเล 

 

 

“อ่อ จริงสิ!” อวิ๋นเจี่ยวพูดเสริมขึ้นทันที “วัตถุดิบที่ท่านเลือกเองที่เมืองตันผิงเมื่อหลายวันก่อนก็ถูกทับอยู่ด้านล่างนะ” 

 

 

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ก่อนที่จะสะบัดมือ คาถาหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เพียงชั่วพริบตา กองอิฐที่ยุ่งเหยิงนั้นก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมราวกับฉากที่ถูกฉายย้อนกลับ ก่อนที่จะสร้างขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ไม่ถึงสองนาที ก็กลายเป็นห้องครัวที่ครบถ้วนสมบูรณ์อีกครั้ง แม้แต่ผักผลไม้ที่ถูกทับอยู่ด้านล่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ไร้ร่องรอยของความเสียหาย 

 

 

“ขอบคุณอาจารย์ปู่” อวิ๋นเจี่ยวมองไปมองมา ก่อนจะชี้ไปยังตำแหน่งต่างๆ “แต่ว่าทางขวาของเตาสูงไปหน่อย หั่นผักไม่ถนัด ท่านเสกให้มันเตี้ยลงหน่อยได้หรือไม่ มุมขวาก็มืดไปเล็กน้อย หรือไม่ท่านเสกกระเบื้องโปร่งสักสองแผ่น? จริงสิ ข่ายพลังรวมไฟที่ด้านล่างเตาไม่ได้ซ่อมมาหลายปี ไฟไม่ค่อยแรง หรือไม่อาจารย์ปู่ช่วยข้าสร้างใหม่อีกอัน แล้วก็…” 

 

 

นางเอ่ยคำขอออกมามากมาย พร้อมทั้งชี้ไปยังข้อบกพร่องต่างๆ ในห้องครัวนี้ เยี่ยยวนก็ไม่พูดอะไรมาก แก้ไขทีละจุดตามคำบอก เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ ห้องครัวที่เก่าแก่นั้นขยายใหญ่เป็นสองเท่าตามที่นางบอกยังไม่พอ ยังอัพเกรดกลายเป็นเวอร์ชันหรูหราอย่างยิ่ง อีกทั้งด้านข้างยังมีห้องเก็บของเพิ่มขึ้นอีกสองห้อง 

 

 

“ใกล้เคียงแล้ว ขอบคุณอาจารย์ปู่” อวิ๋นเจี่ยวหยุดลงอย่างพึงพอใจ 

 

 

“อืม” เยี่ยยวนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจเช่นกัน ปัญหาห้องครัวไม่อาจสะเพร่าได้ 

 

 

ไป๋อวี้ “…” 

 

 

เหวินชิง “…” 

 

 

ทำไมรู้สึกมีคนถูกหลอก ไม่! ต้องเป็นความเข้าใจผิดแน่ๆ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวกลับยังไม่คิดจะหยุดลง นางเหลือบมองคนด้านข้างทีหนึ่ง ก่อนจะเรียบเรียงคำพูด และพูดจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา “จริงสิ หลายวันก่อนข้าเพิ่งส่งลูกแก้วพลังของปีศาจแมวกลับไป คำนวณแล้วก็ถึงเวลาที่เจ้าจิ้งจอกน้อยจะส่งค่ารักษามาให้ เพียงแต่ว่ามันค่อนข้างขี้กลัว ไม่รู้ว่าให้เป็นของกินอะไรมา แล้วไปโยนไว้ตรงไหน สถานการณ์ในอารามตอนนี้ก็หาได้ยาก หรือไม่อาจารย์ปู่ท่านให้ท่านเทพเหวินชิงใช้คาถา เสกให้ห้องกลับสู่สภาพปกติก่อน มิเช่นนั้นหากเวลานานเข้า ของเสียจะน่าเสียดาย” 

 

 

เยี่ยยวนขมวดคิ้ว ความเย็นชาในสายตาพุ่งไปยังเหวินชิงทวีพูน ศิษย์โง่ทำร้ายอารามข้า ทำลายอาหารข้า อยากจะกำจัดทิ้งเสียจริง 

 

 

เหวินชิงที่ถูกจ้องเขม็งรู้สึกตัวสั่นขึ้นมา ก่อนจะก้าวไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋อวี้ อยากจะหาที่มุดลงไป เสียใจ…อยากร้องไห้! 

 

 

“อืม” สักพักเยี่ยยวนถึงได้พยักหน้าอย่างลำบากใจ เพิกถอนการลงโทษบางคนเป็นการชั่วคราว 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวโล่งใจ ก่อนจะกำชับไป๋อวี้ “ชายแก่ ข้าไปทำอาหารก่อน ท่านช่วยท่านเทพเหวินชิงดูรอบๆ บอกท่านว่าอารามมีสภาพเดิมเป็นอย่างไร” พูดจบก็ส่งสายตา ‘ท่านเข้าใจ’ ให้เขา 

 

 

ชายแก่สีหน้าดีใจ เข้าใจความหมายในทันที เขาพยักหน้าอย่างแรง “ได้เลยเจ้าหนู ไว้ใจข้าได้ ข้าจะบอกเขาอย่างละเอียด” อืม สำนักชิงหยางของพวกเขาได้เวลาสร้างใหม่เสียที “ทางท่านเทพเหวินชิงเป็นจุดศูนย์กลาง พวกเราเริ่มเถอะ เชิญ!” 

 

 

“ได้ๆ” เหวินชิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ทำความเคารพเยี่ยยวน ก่อนจะเดินตามชายแก่ไป ขอแค่ไม่อยู่ตรงนี้ อย่าว่าแค่เสกคาถาสร้างบ้านเลย ให้เขาไปโลกมารก็ได้ 

 

 

—————— 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวทำอาหารรวดเร็วเช่นเคย ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม อาหารเช้าเลิศรสก็ออกจากเตา พอดีกับชายแก่และเหวินชิงที่เพิ่งทำการบูรณะสำนักชิงหยางเสร็จ ไป๋อวี้สมกับที่กินอาหารของอวิ๋นเจี่ยวมาหลายปี เข้าใจถึงคำว่า “ท่านเข้าใจ” อย่างถ่องแท้ ตามหลังเหวินชิง ให้คำแนะนำซ้ายทีขวาที ไม่เพียงแต่ทำให้สำนักชิงหยางที่ทรุดโทรมกลายเป็นอารามที่สวยงามแล้ว ยังขยายขนาดของอารามออกไปถึงสามเท่า 

 

 

ถึงแม้จะเทียบวังของราชามารที่พื้นนั้นปูเต็มไปด้วยอัญมณีไม่ได้ แต่ก็สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของสำนักใหญ่เสียที ไม่แพ้ให้กับสำนักเทียนซือเท่าไร 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวคีบขนมกุยช่ายให้ชายชราด้วยความพอใจอย่างยิ่ง ดูสิ เรียนหนังสือมากมีประโยชน์ขนาดไหน! 

 

 

และนางก็ยังคีบขนมกุยช่ายให้อาจารย์ปู่อีกสามชิ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นกลับพบกับช่างก่อสร้างแซ่เหวินที่ทำหน้าฉงน ยืนอยู่ห่างจากโต๊ะราวสองเมตรไกลด้วยท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก 

 

 

นางผงะไปพักหนึ่ง ก่อนจะชี้ไปยังที่นั่งว่างทางด้านขวา “นั่งสิ! อย่าเกรงใจ! ดื่มโจ๊กหรือกินหมี่?” วันนี้นางตั้งใจทำสำหรับสี่คน อย่างน้อยเขาก็ออกแรงสร้างบ้านตั้งแต่เช้า มีข้าวให้กินก็เป็นการสมควร 

 

 

เหวินชิงยังมีความงุนงงอยู่ เขามองไปยังอาหารที่วางเต็มโต๊ะ พวกเขาลืมไปหรือเปล่าว่าตนเองเป็นเทพ ไม่กินอาหารมานานแล้ว อีกทั้งอาหารบนโลกมนุษย์สำหรับเขาแล้ว…ยัง…ยังหอมมากอีกด้วย! อยากกินจังเลย! 

 

 

(¯﹃¯) 

 

 

เขามองไปยังคนบางคนที่เลิกกินอาหารก่อนเขา เห็นเพียงแต่อีกฝ่ายแค่ขมวดคิ้ว แต่ไม่มีทีท่าคัดค้าน เขาถึงได้นั่งลงทางด้านขวาอย่างระมัดระวัง 

 

 

“ให้” อวิ๋นเจี่ยวตักโจ๊กให้เขาชามหนึ่ง 

 

 

“ขอบคุณ” เหวินชิงเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะก้มลงดื่ม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้กินอาหารมนุษย์เป็นเวลานานหรือไม่ เขารู้สึกเพียงว่ามีไออุ่นไหลจากปากลงสู่คอ ทันใดนั้นร่างทั้งร่างก็อบอุ่นขึ้น ในปากยังหลงเหลือความหอม  

 

 

อะ…อร่อยมาก! 

 

 

(⊙ o ⊙) 

 

 

ราวกับเส้นประสาทที่ถูกอาจารย์ของตนกดดันมาทั้งวันนั้นฟื้นคืนกลับมา ร่างทั้งร่างผ่อนคลายลง 

 

 

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก คนทั้งคนผ่อนคลายลงไม่น้อย เขาหันหน้าไปมองอวิ๋นเจี่ยว สายตาเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ อาจเป็นเพราะศิษย์ภายใต้ตนเองนั้นมีมาก เมื่อเห็นคนรุ่นหลังที่ดีเด่นจึงอยากเอ่ยปากชม 

 

 

เมื่อนึกย้อนไปถึงว่านางเคยพูดว่าตนเป็นศิษย์รุ่นที่ร้อยกว่าของชิงหยาง ถึงแม้ว่าตนเองจะออกจากสำนักเป็นเวลานานแล้ว แต่หากพูดขึ้นมาก็ยังถือเป็นสำนักเดียวกัน หลังจากที่คำนึงถึงรุ่นแล้วจึงพูดขึ้น “ศิษย์หลาน ฝีมือของเจ้า…” 

 

 

พูดยังไม่ทันจบ สายตาเย็นยะเยือกก็จ้องมองมาทันที ราวกับมีดที่ปักลงบนตัว…เรียกใครว่าศิษย์หลานนะ? 

 

 

เหวินชิงมือสั่นจนเกือบจะถือชามไว้ไม่อยู่ อาจารย์เป็นอะไรไป สายตาน่า…น่ากลัวมาก! 

 

 

แต่รังสีอำมหิตของอีกฝ่ายกลับแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เหวินชิงรู้สึกถึงร่างกายของตนเองกำลังถูกแช่แข็ง เขาพูดอะไรผิด เรียกศิษย์หลานไม่ได้เหรอ งั้น…งั้น 

 

 

“ศิษย์…ศิษย์ตัวน้อย?” เขาจึงทำได้เพียงดึงฐานะของอีกฝ่ายให้สูงขึ้นกว่าหนึ่งร้อยเท่า เยี่ยยวนถึงได้เก็บสายตากลับไป “เจ้าช่าง…ฝีมือดี” 

 

 

“…” ศิษย์ตัวน้อยคืออะไรกัน ทำไมรู้สึกอาจารย์ของตนเองยิ่งแปลกประหลาดขึ้นทุกวัน แต่อวิ๋นเจี่ยวก็ไม่ได้ใส่ใจ ตอบกลับว่า “ธรรมดานะ หากท่านชอบก็กินเยอะหน่อย” 

 

 

เหวินชิงยิ้มอย่างแข็งทื่อ ไม่กล้าที่จะเปิดปากพูดอีก เขาก้มลงดื่มโจ๊กอีกหลายคำ มองไปยังผักดองตรงกลางโต๊ะและยื่นตะเกียบเข้าไปงับ 

 

 

“อย่า!” คูณสอง 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวและไป๋อวี้ตะโกนด้วยความตกใจออกมาพร้อมกัน แต่ก็ไม่ทัน 

 

 

นาทีถัดมา ได้ยินเพียงเสียงดังปัง เหวินชิงก็กระเด็นออกไปราวกับลูกบอล ก่อนที่จะกระทบเข้ากับกำแพงหินแผ่นใหม่ที่อยู่ห่างออกไปราวสิบกว่าเมตร และติดแหงกอยู่ตรงกลางพอดี ดูจากความลึกแล้วคงยากที่จะแงะลงมา 

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…” 

 

 

ไป๋อวี้ “…” 

 

 

รู้อย่างนี้ควรบอกเขาตั้งแต่ทีแรก ผักดองนั้นคีบออกมาจากโหลของอาจารย์ปู่ ขนาดไป๋อวี้ยังไม่แม้แต่กล้าจะแตะ