เนื่องจากบูรณะสำนักชิงหยางเสร็จสิ้นไปอย่างรวดเร็ว ไป๋อวี้จึงกลับมาเริ่มการสอนใหม่อีกครั้งในวันถัดไป ด้วยหยุดสอนไปเป็นเวลาสองวัน ทำให้มีการบ้านค้างเป็นจำนวนมาก ในฐานะองค์กรฝึกอบรมที่มีหลักการ อวิ๋นเจี่ยวจึงต้องลงมือช่วยแก้ไขการบ้านของคลาสเรียนที่สอง 

 

 

อาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ในโลกนี้เก่งด้านศิลปศาสตร์ ส่งผลให้คำตอบในบททดสอบครั้งนี้จึงไม่ผิดมากเท่ากับแบบทดสอบด้านข่ายพลังก่อนหน้านี้ อัตราความถูกต้องทั้งหมดมากกว่าร้อยละหกสิบ และมีอีกสิบกว่าคนที่ทำได้ถึงเก้าสิบคะแนน ข้อที่ผิดพลาดล้วนเป็นคำถามที่ขยายออกไป ไม่ใช่ความเข้าใจในคาถา 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกว่าคนในโลกใบนี้ชำนาญเพียงด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ คณิตศาสตร์ยังอยู่ในระดับพื้นฐาน ดังนั้นวิธีการคำนวณข่ายพลังและตรรกะที่นางเข้าใจจึงไม่ได้ผลกับพวกเขา นางจึงกำลังคิดว่าหลังจากคลาสเรียนที่สองจบลง อาจจะเปิดคลาสเรียนคณิตศาสตร์โอลิมปิกขึ้น ทันใดนั้นก็มีร่างของคนหนึ่งเดินเข้ามา 

 

 

“ศะ…ศิษย์ตัวน้อย!” เหวินชิงเดินเข้ามาพร้อมยิ้มใจดี พยายามแสดงออกถึงความเป็นมิตรของตน หากไม่ใช่ว่าหน้าของเขายังบวมและเขียวอยู่ละก็ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองเขา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความตะลึง “ท่าน…ไม่ได้กลับสวรรค์ไปแล้วเหรอ” 

 

 

“ข้ากลับไปแล้ว” เหวินชิงยิ้มเป็นมิตรมากขึ้น “แต่ข้าคิดว่า อย่างน้อยพวกเราก็มาจากสำนักเดียวกัน ควรจะไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ดังนั้นจึงลงมาอีกครั้ง” 

 

 

“…” วีซ่าของสวรรค์กับโลกมนุษย์มันทำง่ายขนาดนี้เชียว? 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองหน้าที่บวมตุ่ยของเขา นึกย้อนไปถึงตอนที่เขาถูกตบเข้าไปอยู่บนกำแพง ไป๋อวี้ใช้เวลากว่าหนึ่งวันเต็มถึงจะแงะเขาลงมาได้ ทันใดนั้นก็รู้สึกผิดเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะหยิบเข็มเงินออกมา “หรือไม่…ให้ข้าฝังเข็มให้?” ทำให้หายเร็วขึ้น 

 

 

“ไม่เป็นไร! นี่เป็นบทลงโทษของท่านอาจารย์ ข้าต้องรับเอาไว้” ตัวเขาเองกลับไม่ใส่ใจ มองไปยังเข็มเงินในมือของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดด้วยความตกตะลึง “เจ้าฝึกฝนทางด้านหมอรักษาพลังลมปราณหรือนี่ ขยันหมั่นเพียรเสียจริง ฝึกฝนตั้งแต่เช้าขนาดนี้” 

 

 

“เปล่า ข้ากำลังแก้การบ้าน” นางพูด 

 

 

“การบ้าน?” เหวินชิงผงะไป สักพักถึงจะเข้าใจ เขาพูดด้วยน้ำเสียงตกตะลึง “อาจารย์มีให้การบ้านเจ้าหรือ” ทันใดนั้นในใจเกิดความไม่สมดุลขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อคิดถึงตนเองถูกเลี้ยงปล่อยในตอนนั้น อาจารย์ให้ความสำคัญศิษย์คนนี้เสียจริง เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่มา เขาก็พูดเสริมว่า “มีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือไม่ มา ข้าจะช่วยตอบให้” 

 

 

“ไม่ใช่การบ้านของข้า” อวิ๋นเจี่ยวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้ากำลังแก้การบ้านของศิษย์คนอื่นอยู่” 

 

 

“ศิษย์คนอื่น?” เหวินชิงนิ่งไป ไม่ได้บอกว่าในอารามมีเพียงศิษย์สองคนเหรอ 

 

 

“เป็นศิษย์เสวียนเหมินสำนักอื่น” เห็นเขายังไม่เข้าใจ อวิ๋นเจี่ยวจึงพูดเสริมขึ้น “ก็คือคนที่ชายแก่…ไป๋อวี้ใช้ยันต์ส่งสารสอน” 

 

 

เหวินชิงกวาดตามองแบบทดสอบหนาในมือนาง ซึ่งแต่ละใบมีลักษณะเหมือนกัน มีเพียงคำตอบและลายมือที่แตกต่างกันเท่านั้น 

 

 

เขาตะลึง เมื่อกี้เขาก็เห็นไป๋อวี้กำลังพูดอะไรบางอย่างกับยันต์ส่งสาร เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายกำลังเจรจาเรื่องบางอย่างกับสหายเสียอีก ที่แท้ก็กำลังสอนหรือ 

 

 

เขายิ่งคิดยิ่งตกตะลึง สายตาที่มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวเต็มไปด้วยความฉงน “พวก…พวกเจ้านำเอาวิชาลับของสำนักไปถ่ายทอดให้กับสำนักอื่น” 

 

 

“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดต่อ “พวกเขายอมเรียน พวกข้าก็ยินดีสอน ล้วนเป็นศิษย์เสวียนเหมินด้วยกัน” อีกทั้งยังจ่ายค่าเล่าเรียนแล้วด้วย พวกเขากำหนดราคาเดียว ไม่มีการหลอกลวงแต่อย่างใด ยุติธรรมดี! 

 

 

เหวินชิงผงะไป ท่าทางราวกับกำลังตกใจ เขาเป็นคนที่ผ่านมาก่อน เขารู้ดีว่าวิชาของเสวียนเหมินไม่ใช่เพียงขับไล่ผีกำจัดปีศาจเพียงเท่านั้น เมื่อเรียนลึกเข้าไป จะสามารถเชื่อมต่อโลกคนเป็นและคนตายได้ สามารถควบคุมผีและเทพได้ อีกทั้งยังมีโอกาสได้บรรลุกลายเป็นเทพ บอกได้ว่าเป็นเส้นทางสู่สวรรค์สายหนึ่ง 

 

 

กระทั่งตอนที่ตัวเขาก่อตั้งสำนักไท่ชิงขึ้นมา และมีลูกศิษย์จำนวนมากมาย แต่เขาไม่สามารถถ่ายทอดวิชาทั้งหมดโดยไม่เก็บไว้เองบางส่วนได้ มีเพียงลูกศิษย์คนสนิทของเขาเท่านั้นถึงได้รับการถ่ายทอดวิชาทั้งหมดไป ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงคนนอกสำนักเลย 

 

 

แต่ศิษย์ตัวน้อยคนนี้กลับไม่มีความกังวลใดๆ นางถ่ายทอดวิชาของสำนักออกไปอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังไม่ได้บังคับให้อีกฝ่ายเข้าร่วมสำนักชิงหยาง อยากเรียนก็จะสอน 

 

 

ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านอาจารย์ถึงให้ความสำคัญนางเช่นนี้ จิตใจเช่นนี้ ทำให้แม้แต่เขาเองยังรู้สึกอับอาย 

 

 

เหวินชิงครุ่นคิด ก่อนจะก้มลงมองแบบทดสอบบนโต๊ะ… 

 

 

เอ๊ะ? 

 

 

เดี๋ยว! 

 

 

“คาถาเสวียนขึ้นอยู่กับวิญญาณ ผนึกทุกอย่างล้วนเป็นหนึ่ง…” เขาขยี้ตาอย่างรุนแรงเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้ตาฝาด “นี่…นี่คือคาถาเสวียนซินไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“ใช่!” อวิ๋นเจี่ยววางแบบทดสอบที่ตรวจและให้คะแนนแล้วไว้ด้านข้าง ก่อนจะแก้ไขแผ่นต่อไป ก่อนจะถามขึ้น “ท่านเคยฝึกคาถาเสวียนซิน?” 

 

 

เหวินชิงตัวแข็งทื่อไป มองไปยังแบบทดสอบบนโต๊ะ จากนั้นมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่มีสีหน้าเรียบเฉย “นี่…นี่เป็นคาถาฝึกฝนระดับสวรรค์เชียวนะ!” ภายในศิษย์พี่น้องระหว่างพวกเขา อาจารย์ถ่ายทอดให้เพียงศิษย์พี่เจ็ดเท่านั้น พวกเขาไม่เคยแม้แต่จะฝึก “เจ้า..ถ่ายทอดให้คนอื่นเช่นนี้เลยหรือ” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหันหน้าขึ้นมา ก่อนจะกวาดตามองเขาขึ้นลง สีหน้ายังคงเคร่งขรึมไม่เปลี่ยนแปลง แต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความสงสัย “มีปัญหาอะไรเหรอ” 

 

 

“…” ปัญหาใหญ่เลยแหละ 

 

 

w(゚Д゚)w 

 

 

นั่นเป็นคาถาระดับสวรรค์นะ ระดับสวรรค์! ระดับสวรรค์คืออะไร ก็คือฝึกถึงขั้นสิบก็สามารถบรรลุขึ้นไปเป็นเทพได้ทันที แม้แต่อยู่โลกบนแล้วก็ยังสามารถฝึกฝนต่อได้ ขนาดศิษย์พี่เจ็ดตอนนี้ก็ยังคงซึมซับคาถาเล่มนี้อยู่เลย! จะบอกว่านี่เป็นสมบัติอันล้ำค่าของเสวียนเหมินก็ยังไม่เกินไป แต่นางกลับมอบสมบัตินี้ออกไปง่ายๆ เช่นนี้ 

 

 

เหวินชิงรู้สึกเจ็บใจขึ้นมา ก่อนจะมีความคิดน่ากลัวผุดขึ้น “พวกเจ้าไม่ได้เตรียมจะถ่ายทอดคาถาเสวียนซินออกไปจนหมดในช่วงนี้ใช่หรือไม่” 

 

 

“ไม่แน่นอน” นางส่ายหัว“ 

 

 

ยังดีๆ เหวินชิงโล่งอก 

 

 

แต่แล้วก็ได้ยินนางพูดขึ้น “พวกเราคงจะไม่เปิดแค่คลาสเดียว ยังมี คาถาฟ้าประทาน คาถาห้าธาตุ คำสาปเวียนว่ายตายเกิด ถึงแม้จะน้อยไปหน่อย แต่สามารถเพิ่มได้อีกในอนาคต!” 

 

 

เหวินชิง “…” 

 

 

พู่! 

 

 

รู้สึกเหมือนมีเลือดกระอัก บนตัวปักเต็มไปด้วยมีด อยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออกอย่างใดอย่างนั้น ที่แท้พวกเจ้าก็ไม่คิดสอนเพียงแค่คาถาเดียว อีกทั้งยัง…ยังเป็นคาถาระดับสวรรค์ทั้งหมด 

 

 

ศิษย์พี่น้องของเขาจะร้องไห้ตายอยู่แล้ว 

 

 

“ศิษย์ตัวน้อย” เขายังไม่ลดละ “พวกเจ้าทำแบบนี้ อาจารย์ท่านรู้หรือไม่” 

 

 

“รู้สิ ตารางเรียนข้าได้ให้ท่านดูก่อนแล้ว ตำราพวกนี้อาจารย์ปู่เป็นคนให้มา ข้าเพียงแค่นำมาอธิบายให้ละเอียดเท่านั้น” 

 

 

“…” เอาเถอะ! เขาหาเหตุผลมาห้ามไม่ได้เสียจริง 

 

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปลอบใจตัวเอง ใจเย็นๆ พรสวรรค์และการซึมซับของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ถึงแม้คาถาพวกนี้จะรั่วไหลออกไป ก็ใช่ว่าทุกคนจะฝึกได้อย่างพวกเขา 

 

 

“ท่านเป็นห่วงว่าพวกข้าสอนไม่ดีเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวเห็นเขาทำหน้ากังวล คิดว่าเขาคงกลัวคุณภาพการสอนไม่ดี ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของชิงหยาง ดังนั้นนางจึงหยิบตำราด้านข้างขึ้นเล่มหนึ่งแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ตำราของพวกเราเป็นฉบับที่ประชาชนคนธรรมดาเข้าใจได้ง่าย ได้รับการอนุญาตจากอาจารย์ปู่แล้ว อีกทั้งไป๋อวี้ยังทดลองด้วยตนเองอีก รับรองความปลอดภัยไร้ผลข้างเคียง!” 

 

 

พูดจบก็ส่ง ‘คำอธิบายรอบด้านของคาถาเสวียนซิน’ ในมือไปให้ 

 

 

เหวินชิงรับมาและพลิกดู เพิ่งอ่านได้หน้าแรกก็เบิกตาโพลง จากนั้นจึงพลิกไปอีกหลายหน้า ยิ่งดูยิ่งเร็ว สุดท้ายใช้พลังจิตในการอ่านขึ้นมา เนื้อหาภายในตำราถูกเขาอ่านจนหมดสิ้น 

 

 

เฮ้ย! คาถาเทวดาอะไรกัน? 

 

 

เขาตาฝาดไปหรือเปล่า นี่คือคาถาเสวียนซินเหรอ ศิษย์พี่เจ็ดตอนนี้ยังติดอยู่ที่ขั้นสิบสอง ไม่สามารถบรรลุคาถาเสวียนซินได้เสียที! 

 

 

(⊙_⊙) 

 

 

นี่มันแตกต่างจากที่อาจารย์ถ่ายทอดให้พวกเขาอย่างสิ้นเชิง! เขากลับสามารถอ่าน เข้าใจได้ทั้งหมด แล้ว ไม่ใช่ว่าเขาโม้ แต่หากฝึกฝนตามตำราเล่มนี้ เขาสามารถฝึกไปถึงขั้นสิบได้อย่างง่ายดาย 

 

 

เขาตะลึงไป และทำท่าทางราวกับทัศนคติทั้งสามถูกพังทลายและสร้างใหม่ จากนั้นเขาหันหน้าไปมองคนที่อยู่ด้านข้าง “ศิษย์…ศิษย์ตัวน้อย!” 

 

 

“อืม?” 

 

 

“คือ…ตำราเล่มนี้ ให้ข้ายืมสักสองสามวันได้หรือไม่” หากมีตำราเล่มนี้ ศิษย์พี่เจ็ดสามารถบรรลุขั้นสิบสองได้เป็นแน่ 

 

 

“ได้สิ!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้าอย่างแรง ตำราแบบนี้สำนักเทียนซือช่วยคัดลอกไปหลายร้อยเล่ม นี่เป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น 

 

 

เหวินชิงดีใจ “ดีจริง งั้นก็ขอบคุณ…” 

 

 

“ห้าร้อยตำลึง!” 

 

 

เขายังพูดไม่ทันจบ เห็นเพียงแต่อวิ๋นเจี่ยวยื่นมือออกมา 

 

 

“…” ฮะ? 

 

 

“ทองคำนะ” 

 

 

เหวินชิง “…” 

 

 

เฮ้ย!