ประตูใหญ่ถูกทุบจนดังสนั่น “ตึ้งตึ้งตึ้ง…”
ประตูแทบพังเสียหาย
หลัวซื่อมีพี่น้องสองคน
คนหนึ่งชื่อหลัวไห่เทียน อีกคนชื่อหลัวไห่ตี้ คนหนึ่งเป็นพี่ชายของหลัวไห่ฮวา อีกคนเป็นน้องชายของหลัวไห่ฮวา ล้วนไม่ใช่คนที่น่ายุ่งเกี่ยวด้วย ทั้งคู่ต่างเลวทรามชั่วร้าย ทุบอีกเพียงสองทีก็สามารถทุบประตูจนพังได้
“เซี่ยยวี่หลัว คนสารเลวออกมาเดี๋ยวนี้! เป็นเต่าหดหัวอยู่ทำไม กล้าทำไม่กล้ารับ เจ้าไสหัวออกมาเสีย! ” เสียงของหลัวไห่ฮวาที่โวยวายราวกับคนเสียสติ ดังอยู่ด้านนอก
ทั้งยังมีเสียงก่นด่าจากพี่น้องของหลัวซื่อ “ตีน้องสาวข้าจนอนาถ ยังกล้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากไม่สะสางเรื่องในวันนี้ ข้าจะเอาเรื่องหญิงเลวอย่างเจ้าให้ถึงที่สุด! “
คนที่อยู่ด้านนอกด่าไม่หยุด วาจาที่เอ่ยออกมาไม่มีคำดีๆ แม้แต่คำเดียว
“พี่น้องของแม่เสี่ยวฮวาล้วนไม่น่ายุ่งเกี่ยวด้วย ใครก็ตามที่ถูกพวกเขาหาเรื่องข่มขู่ ไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก! ” เซียวจื่อเซวียนก็รู้ถึงชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของพี่น้องสกุลหลัว จึงกล่าวด้วยความร้อนใจ
เดิมทีประตูก็โยกจนแทบหลุดอยู่แล้ว หากทุบเช่นนี้ต่อ ต้องพังเสียหายแน่นอน
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างเรียบสงบ “หลบก่อนเถอะ อย่าให้โดนประตูล้มใส่”
เด็กสองคนรีบหลบออก เพิ่งวิ่งห่างออกมา ก็เกิดเสียงดัง “ปัง” ประตูใหญ่ที่โยกอยู่แล้วโดนเตะจนหลุดออก
เซี่ยยวี่หลัวแอบคิดด้วยความยินดี ดีเหลือเกิน หาคนซ่อมประตูได้แล้ว
สองพี่น้องหลัวไห่เทียนและหลัวไห่ตี้ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ด้วยสีหน้าดุร้าย ทว่าเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านใน แววตาพลันฉายประกายตกตะลึงในความงาม
แม่นางน้อยผู้นี้ เหตุใดจึงงดงามเพียงนี้!
หลัวไห่เทียนมองด้วยอาการนิ่งอึ้ง หลัวไห่ตี้สูดลมหายใจเฮือก
สองพี่น้องไม่ได้กล่าวอะไร หลัวซื่อเดาได้ว่าคงตกตะลึงในความงามของเซี่ยยวี่หลัว จึงตะโกนเสียงดัง “พี่ใหญ่ น้องสาม พวกท่านอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกของหญิงเลวนี่หลอกเอา หญิงเลวนี่จิตใจชั่วช้า พวกท่านยังไม่รีบทวงความเป็นธรรมให้ข้าอีก! “
หลัวไห่เทียนเรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เมื่อครู่พวกเขาตกลงกันไว้แล้ว จึงตะคอกอย่างดุร้ายทันที “เจ้าคือเซี่ยยวี่หลัว? “
ทว่าหลัวไห่ตี้ที่อยู่ข้างๆ กลับยังจับจ้องไปที่เซี่ยยวี่หลัวอย่างเหม่อลอย
เมื่อครู่เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่หน้าประตู เผชิญกับสองพี่น้องที่มาหาเรื่องถึงที่ เดิมคิดอยากจะเตะให้กระเด็นเสีย แต่หลังจากครุ่นคิดโดยละเอียด หากเวลานี้ตนเองใช้กำลัง ก็เท่ากับเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าตนเองรู้วิชาป้องกันตัวไม่ใช่หรือ เช่นนั้นหลัวซื่อมาหาเรื่องนาง ปากหนึ่งใบริมฝีปากสองกลีบ พูดไปพูดมาคงพูดให้ชัดเจนได้ยาก
นางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว สุดท้ายจึงทิ้งความคิดที่จะใช้กำลัง
แสร้งทำเป็นอ่อนแอแล้วกัน!
เมื่อครู่นี้สีหน้าของนางยังนิ่งสงบดุจสายน้ำ เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างกายก็แข็งเกร็ง ตัวนางเกร็งจนเหมือนเต่าที่แบกกระดองไว้ หากพานพบกับภัยอันตราย ก็แทบอยากมุดหลบเข้าไปในกระดองเต่าทันที
เซี่ยยวี่หลัวกลัวจนสีหน้าขาวซีด “พวก… พวกท่านเป็นใคร? “
พอได้ลองแสดงละคร เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่างานประกาศผลรางวัลออสการ์ยังสามารถมอบตุ๊กตาทองคำให้นางได้ ดูท่าจะแสดงละครได้สมจริงมากทีเดียว!
เซียวซานที่อยู่ข้างๆ แทบกุมขมับ กล่าวกับเซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ “เมื่อครู่ข้าพูดเรื่องพี่น้องสกุลหลัวตั้งนาน นางไม่ได้ยินสักนิดเลยงั้นหรือ! “
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้สนใจเซียวซาน และไม่ว่างจะสนใจเขา ขณะนี้เซียวจื่อเซวียนกำลังมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความกังวลอย่างยิ่ง
หลัวไห่ตี้เอาแต่จ้องมองเซี่ยยวี่หลัว ดวงตาไม่ขยับแม้แต่น้อย
แม่นางน้อยรูปร่างบอบบาง ทั้งงดงามและน่าเอ็นดู เพียงเห็นก็รู้สึกอ่อนระทวยถึงกระดูก ดวงตาทั้งคู่ที่ฉายประกายมักมากในกาม แทบจะแนบติดอยู่บนตัวพี่สะใภ้ใหญ่ของเขา เซียวจื่อเซวียนแค้นจนอยากควักลูกตาคู่นั้นออกมา
เขาเกลียดชังแววตาเช่นนั้น!
เซียวจื่อเซวียนเดินขึ้นหน้า ขวางอยู่ตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว กางแขนคู่ออกปกป้องเซี่ยยวี่หลัว “พวกท่านจะทำอะไร? ”
ร่างกายเล็กๆ นั่น คิดจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อขวางกั้นแววตาน่าขยะแขยงนั่นแทนเซี่ยยวี่หลัว ภายในใจเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก
หลัวไห่เทียนไม่เห็นเด็กเล็กแค่นี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ไม่มองเซียวจื่อเซวียนด้วยซ้ำ “เจ้าก็คือหญิงเลวที่ตีจนน้องสาวข้ากระดูกหักงั้นหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวแสดงสีหน้าเหมือนผู้ถูกปรักปรำ “ท่าน… ท่านพูดอะไร? ข้า… ข้าฟังไม่เข้าใจ! ”
ช่วงหลายวันนี้เซี่ยยวี่หลัวใช้ไข่ไก่ประคบรอยฟกช้ำบนใบหน้าเซียวจื่อเซวียน ใบหน้าเขาจึงหายดีแล้ว
เมื่อหลัวซื่อเห็นว่าเซียวจื่อเซวียนหายแล้ว ภายในใจก็ยิ่งโมโห “เซี่ยยวี่หลัว เจ้าอย่าแสร้งวางตัวเป็นผู้ดีทั้งที่กระทำชั่วช้าลับหลัง หากไม่ใช่เพราะเจ้าเตะข้า ข้าจะหกล้มได้อย่างไร! ชดใช้เงิน เจ้าต้องชดใช้เงิน หากไม่ได้ห้าตำลึง ข้าก็จะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน! ”
หลัวไห่เทียนทำตามวาจาของหลัวซื่อ ยื่นมือไปตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว กล่าวด้วยท่าทางดุดัน “น้องสาวข้าขาหัก ค่ากินค่าอยู่ หาหมอกินยาล้วนต้องใช้เงิน ทั้งยังทำงานไม่ได้ถึงสามเดือน วันนี้หากเจ้าไม่ชดใช้ให้ห้าตำลึง ข้าก็จะพังบ้านของเจ้าเสีย! ”
ดวงหน้าของเซี่ยยวี่หลัวที่ขาวเนียนดุจหยก ดวงตาคู่งามที่ฉายประกายระยิบระยับดุจดวงดารา ราวกับกวางน้อยที่ตื่นตกใจ ดูน่าสงสารจับใจ
เซี่ยยวี่หลัวมองหลัวไห่เทียนด้วยแววตาตื่นกลัวยิ่ง “ท่าน ท่านมีสิทธิอะไรมาพังบ้านข้า พวกเรา… พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย! ”
หลัวซื่อตะคอก “เซี่ยยวี่หลัว เจ้ามันหญิงกาลกิณี หากไม่ใช่เพราะเจ้าเล่นลูกไม้ ขาของข้าจะหักได้อย่างไร! ”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตกตะลึงยิ่ง ดวงหน้าเล็กสีชมพูอ่อนนุ่มพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด ทว่ายังพยายามกล่าวอ้างถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง “แม่เสี่ยวฮวา ข้าไม่เข้าใจวาจาของท่านเลย ท่านบอกว่าโดนข้าเตะ เวลานั้นข้าเตะส่วนไหนของท่าน? ข้าเตะท่านจนเจ็บ หรือเตะท่านจนลุกไม่ขึ้นงั้นหรือ? ข้า ข้าเตะท่านเพียงเบาๆ เท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเลย! ข้า… ข้าไม่รู้เรื่องด้วย! ”
นางแสดงสีหน้าเหมือนถูกปรักปรำ กลัดกลุ้มจนหยาดน้ำตาแทบไหลริน
ชาวบ้านที่มามุงดูมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นกับตาว่าประตูใหญ่บ้านเซี่ยยวี่หลัวโดนสองพี่น้องสกุลหลัวเตะจนพังเสียหาย และเห็นกับตาว่าสองพี่น้องสกุลหลัวบังคับขู่เข็ญเซี่ยยวี่หลัว
ครอบครัวดีๆ หนึ่งครอบครัว โดนคนจากบ้านสกุลหลัวบีบคั้นจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวทำสีหน้าน่าสงสาร ช่างน่าเห็นอกเห็นใจ “พี่น้องทุกท่านในหมู่บ้าน เวลานั้นแม่เสี่ยวฮวาตีจื่อเซวียนจนใบหน้าเขียวช้ำปูดบวม หัวหน้าหมู่บ้านบอกแล้วว่าให้ชดใช้ค่ายารักษาและแม่ไก่ แต่นางไม่ยินยอม เวลานั้นข้าแค่ไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกับคนในหมู่บ้าน จึงเห็นด้วยกับวิธีการตีคืนเพื่อระบายความโมโหนี้! ”
มีคนพยักหน้า “จริงด้วย จริงด้วย แม่เสี่ยวฮวา เรื่องนี้เจ้าเองก็ตอบตกลง! ”
“เวลานั้นเจ้าก็สบายดี ทุกคนล้วนเห็นกับตา ยิ่งไปกว่านั้น ขณะนั้นภรรยาเซียวยวี่ไม่ได้ออกแรงมากเท่าไร ตัวเจ้าเองกระโดดโลดเต้นได้ วันต่อมาเจ้าหกล้มเอง เรื่องนี้จะโทษคนอื่นได้อย่างไร! ”
คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านล้วนเป็นคนมีเหตุผล เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ลงมือตีอย่างรุนแรง ตัวเองหกล้มแล้วยังจะโทษผู้อื่น เช่นนี้มันเกินไปแล้ว!
เมื่อเห็นผู้คนในหมู่บ้านที่มุงดูช่วยพูดแทนตัวเอง เซี่ยยวี่หลัวจึงเช็ดคราบน้ำตาทีหนึ่ง
แสร้งทำเป็นน่าสงสาร ใครๆ ก็ทำเป็น!
ท่าทางร่ำไห้เศร้าโศกของนาง แค่เห็นก็สงสารจับใจ
หลัวไห่ตี้มองจนแววตาเหม่อลอยอีกครั้ง