เถียนเอ๋อมองดูหลัวซื่อ เหมือนจะกล่าวอะไรแต่ก็ไม่กล้ากล่าว ทำท่าทางเหมือนอยากบอกแต่ก็ไม่อยากบอก “แม่เสี่ยวฮวา ข้าบอกเรื่องนี้กับเจ้า เจ้าห้ามพูดออกไปว่าข้าเป็นคนบอกเชียว! “
หลัวซื่อรีบพยักหน้า “บอกมา บอกมา ข้าไม่พูดแน่นอนว่าเจ้าเป็นคนบอก! “
เถียนเอ๋อกระแอมทีหนึ่ง มองหลัวซื่อ กล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจ “เจ้ารู้หรือไม่ว่า คนในหมู่บ้านพูดถึงเรื่องขาของเจ้าอย่างไร? “
หลัวซื่อ “ขาข้าทำไมหรือ? “
เถียนเอ๋อกล่าวด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “ว่ากันว่าขาเจ้าเป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะหกล้ม หากแต่เพราะโดนตี! “
“โดนตี? ” หลัวซื่อไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม “เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าข้าโดนตี! “
หลัวซื่อทำสีหน้างุนงง คนที่หกล้มจนขาหักคือตัวนางเองไม่ใช่หรือ?
“เวลานั้นไม่มีคนตีข้า! ” หลัวซื่อกล่าวอย่างไม่เข้าใจ
นางจำได้ว่าขณะนั้นนางอยู่คนเดียว ข้างกายไม่มีคนอื่น นางหกล้มเองจริงๆ !
เถียนเอ๋อเบ้ปาก “เจ้าลองนึกดูดีๆ ! “
หลัวซื่อคิดอย่างหนัก ก็ยังคิดไม่ออก “ข้าจำได้ว่าวันนั้นข้าเดินอยู่คนเดียว จู่ๆ ก็ปวดขา แล้วหกล้ม ไม่มีคนตีข้าจริงๆ ! “
เถียนเอ๋อโมโหจนแสดงสีหน้าเอือมระอา “เจ้าอย่านึกถึงวันที่เจ้าหกล้ม ลองนึกถึงหนึ่งวันก่อนหน้านั้น! “
หนึ่งวันก่อนหน้านั้น?
นางมีเรื่องบาดหมางกับเซี่ยยวี่หลัว เพื่อให้ตนไม่ต้องชดใช้ค่ายารักษาและแม่ไก่ให้เซียวจื่อเซวียน นางจึงตกลงกับเซี่ยยวี่หลัว ให้เซี่ยยวี่หลัวตบหน้าสองที เตะก้นสองครั้ง เรื่องนี้ก็ถือว่าหายกัน
หลังจากนั้นตัวนาง ก็ไม่เป็นอะไรนี่นา!
หรือว่า เซี่ยยวี่หลัวนั่นจะใช้เล่ห์กลอะไรลับหลัง!
หลัวซื่อยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ รีบดิ้นรนหันตัวลุกขึ้น เบิกดวงตาที่ราวกับกระดิ่งทองแดงกว้าง “เจ้าหมายความว่า ข้าถูกเซี่ยยวี่หลัวตีจนเป็นเช่นนี้? “
ถือว่าไม่โง่!
เถียนเอ๋อพยักหน้า “ปกติเจ้าแข็งแรงดี หลังจากโดนเซี่ยยวี่หลัวตี วันต่อมาก็หกล้มจนกระดูกหัก บนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้ได้อย่างไร! “
หลัวซื่อโมโหจนดึงผ้านวมบนที่นอนขึ้น โมโหถึงขีดสุด “เซี่ยยวี่หลัวที่สมควรตายนั่น ข้าคิดไม่ถึงเลยว่านางจะเล่นลูกไม้ลับหลังด้วย หากไม่ใช่เพราะเจ้าบอก ข้ายังคงนึกว่าข้าหกล้มเอง พอเจ้าพูด ข้าคิดว่าอาจเป็นเพราะเซี่ยยวี่หลัวไม่ผิดแน่ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แต่จิตใจช่างชั่วร้ายอำมหิตนัก! “
เถียนเอ๋อเห็นหลัวซื่อก่นด่าเซี่ยยวี่หลัว ภายในใจรู้สึกดีใจยิ่งนัก แต่กลับทำทีเป็นทอดถอนใจ “เจ้าอย่าพูดเชียวว่าข้าเป็นคนบอก! คนในหมู่บ้านล้วนแต่พูดเรื่องนี้กันอย่างลับๆ แต่ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้า ข้าสนิทกับเจ้า เห็นว่าเจ้าเสียท่าแล้วยังไม่รู้ตัวถึงได้บอก ไม่เช่นนั้น ข้าจะมาพูดเรื่องนี้ให้ถูกเกลียดชังทำไมกัน! “
หลัวซื่อรีบจับมือเถียนเอ๋อ ให้คำมั่นสัญญา “แม่ต้าหมิน เจ้าวางใจได้ ข้าไม่พูดแน่ว่าเจ้าเป็นคนบอก! นางสารเลวที่สมควรตายนั่น ข้าไม่ปล่อยนางไปแน่! “
เถียนเอ๋อบรรลุเป้าหมายแล้ว กำชับให้หลัวซื่อพักผ่อนดีๆ แล้วจึงจากไป
หลัวซื่อถูกวาจาของเถียนเอ๋อยุแหย่จนเพลิงโทสะลุกโชน จะพักผ่อนดีๆ ได้อย่างไร โชคดีที่เวลานี้ต้าจ้วงกลับมาแล้ว หลัวซื่อให้เงินเขาสองอิแปะเป็นค่าแรง ให้เขาไปหมู่บ้านข้างๆ ตามคนจากบ้านเดิมของนางมา
หมู่บ้านสกุลหลัวอยู่ใกล้กับหมู่บ้านสกุลเซียวมาก ใช้เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาก็ถึงแล้ว เมื่อต้าจ้วงกลับมา ลุงและน้าของเขาก็ตามกลับมาด้วย ทั้งคู่รูปร่างกำยำ หน้าตาดุร้าย
เมื่อเห็นหลัวซื่อขาหัก ก็รีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ยินว่าถูกหญิงชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันตี สามพี่น้องปรึกษาหารือกันเสร็จ ก็รีบหาประตูบานหนึ่งมาใช้ต่างเปล ยกหลัวซื่อไปบ้านเซี่ยยวี่หลัวทันที
ระหว่างทางจากบ้านหลัวซื่อไปบ้านเซี่ยยวี่หลัว ต้องผ่านตัวหมู่บ้าน ชาวบ้านในหมู่บ้านเห็นหลัวซื่อถูกพี่น้องจากบ้านเดิมของนางยกไว้ ร้องไห้โวยวายตลอดทาง “ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ไม่อยากมีชีวิตแล้ว! เซี่ยยวี่หลัวตีข้าจนขาหัก ข้าจะเอาเรื่องเจ้าให้ถึงที่สุด! “
ต้าจ้วงและเสี่ยวฮวาเห็นว่ามีเรื่องสนุกให้ดู จึงเล่นซนกันอยู่ข้างๆ มีเด็กจำนวนไม่น้อยตามมาดูด้วย หลัวซื่อยิ่งร้องไห้โวยวายเสียงดังกว่าเดิม ดึงดูดความสนใจจากผู้คนแทบทั้งหมู่บ้าน
เซียวซานเห็นว่าสถานการณ์ดูผิดปกติ จึงรีบวิ่งไปส่งข่าวอย่างรวดเร็ว
เซี่ยยวี่หลัวกำลังเขียนซีโหยวจี้อยู่
เด็กสองคนถอนหญ้าเลี้ยงกระต่ายอยู่ที่สวนหลังบ้าน ประตูหน้าลงกลอนไว้ เมื่อเซียวซานมาเคาะประตู เขาเคาะประตู “ปังปังปัง” ดังสนั่นหวั่นไหว เซียวจื่อเซวียนอยู่สวนหลังบ้านยังได้ยิน
รีบวิ่งมาเปิดประตู มองผ่านช่องประตูจึงเห็นเซียวซานทำสีหน้าวิตกกังวลอยู่ข้างนอก เซียวจื่อเซวียนรีบเปิดประตูบ้าน “เซียวซาน เจ้าเป็นอะไรไป? “
เซียวซานเบียดเข้ามา ก่อนจะปิดประตู กล่าวอย่างรีบร้อน “ข้าเป็นอะไรที่ไหนกัน พวกเจ้าต่างหากที่เป็นอะไร ไม่รู้ว่าแม่เสี่ยวฮวาฟังข่าวลือมาจากใคร บอกว่าที่นางขาหักเพราะโดนพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าตี พี่น้องจากบ้านเดิมของนางกำลังยกนางเดินมาทางนี้! บอกว่าจะคิดบัญชีกับพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า! “
สีหน้าเซียวจื่อเซวียนพลันดูขาวซีด
ทั้งสองคนหันมองไปทางเซี่ยยวี่หลัวทันที
ห้องของเซียวยวี่มีหน้าต่างบานหนึ่ง หันออกมาทางลานหน้าบ้านพอดี
เซี่ยยวี่หลัวย้ายตำแหน่งของโต๊ะหนังสือภายในห้อง ย้ายมาริมหน้าต่าง นางจัดวางโถดินเผาไว้ตรงขอบหน้าต่าง ในโถดินเผามีดอกท้อสีแดงงดงามเสียบอยู่ ใบหน้าด้านข้างของนางอยู่ด้านหลังดอกท้อพอดี
ใบหน้าอันงดงาม ดอกไม้อันงดงาม เทียบไม่ได้เลยว่าดอกไม้งามกว่าหรือคนงามกว่า!
เซียวซานมองแวบเดียว เพียงรู้สึกว่าดอกไม้อันงดงามนั่น ไม่อาจเทียบกับรูปโฉมงามสะคราญได้เลย!
เซี่ยยวี่หลัวดูท่าทางจะไม่ได้ยินวาจาที่เซียวซานกล่าวด้วยความร้อนใจเมื่อครู่ สีหน้าของนางยังปกติ เมื่อเขียนตัวอักษรสุดท้ายเสร็จ ยกขึ้นมาเป่าหมึกบนนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะหันตัวไปเก็บของที่ตัวเองเขียนและใส่กุญแจไว้
เซียวซานเห็นนางไม่ร้อนใจแม้แต่น้อย เขากลับร้อนใจจนแทบออกควัน “จื่อเซวียน เจ้าคิดหาวิธีเร็ว พี่น้องของแม่เสี่ยวฮวาอยู่ที่หมู่บ้านสกุลหลัวมีชื่อเสียงเหม็นเน่ายิ่งกว่าก้อนหินในหลุมส้วมเสียอีก หากพวกเขามาหาเรื่องถึงบ้านจริง พี่ใหญ่ของเจ้าก็ไม่อยู่บ้าน เรื่องนี้จะทำอย่างไร! “
เซียวจื่อเซวียนก็ร้อนรนจิตใจเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน เขารู้ว่าคนจากครอบครัวหลัวซื่อล้วนต่อกรได้ยากนัก นอกจากนั้น ที่แม่เสี่ยวฮวากล่าวมาก็ไม่ผิด ที่นางขาหัก พี่สะใภ้ใหญ่มีส่วนจริง
เพียงแต่ เรื่องนี้ต่อให้เก็บจนเน่าอยู่ในท้องเขาก็พูดออกมาไม่ได้!
เซี่ยยวี่หลัวปิดประตูห้องของเซียวยวี่ เดินออกมาช้าๆ จากนั้นจึงเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? “
นางไม่รู้สึกวิตกกังวลแม้แต่น้อย
เซียวซานหงุดหงิดจนแทบอยากเอาหัวโขกกำแพง
เขาพูดไปตั้งมากมาย ระยะห่างแค่สองเมตร นางจะไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียวเชียวหรือ?
มิน่าล่ะนางถึงได้นิ่งสงบถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เซียวจื่อเซวียนบอกเล่าเรื่องที่หลัวซื่อจะมาคิดบัญชีด้วยถ้อยคำกระชับ เซี่ยยวี่หลัวเพียงขานตอบว่า อ่อ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“พี่สะใภ้ใหญ่ อย่างน้อยท่านก็ลองคิดหาวิธีว่าจะแก้ไขอย่างไรด้วยสิขอรับ! ” เซียวซานร้อนใจจนแทบจะเรียกเซี่ยยวี่หลัวว่าท่านแม่
เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าอะไรคือ ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจแต่ขันทีกลับร้อนรน ทำไมพี่สะใภ้ใหญ่ของเซียวจื่อเซวียนถึงเอื่อยเฉื่อยได้ถึงเพียงนี้!
ไหนว่าเป็นคนฉุนเฉียวและมุทะลุไม่ใช่หรือ?
ทำไมเวลานี้ถึงดูเรื่อยเฉื่อยนัก!
เสียงก่นด่าประหนึ่งภูตผีร่ำไห้หมาป่าเห่าหอน ดังขึ้นจากด้านนอก “เซี่ยยวี่หลัว นางสารเลวไสหัวออกมาเสีย ไสหัวออกมา…”
เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะ “ได้ยินหรือไม่? คิดหาวิธีไม่ทันแล้ว เขามาหาถึงหน้าประตูแล้ว! “
เซียวซานแทบอยากคารวะนาง อีกฝ่ายมาหาเรื่องถึงหน้าประตูแล้ว ท่านยังจะหัวเราะได้อีก