เล่มที่ 4 บทที่ 94 ท่านมีอคติต่อนาง

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวจื่อเซวียนนำเงินสามตำลึงเศษออกมาจากอกเสื้อ “พี่สะใภ้ฟ่าน พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าให้ข้านำเงินมาคืนให้พี่เซียวยิง ครั้งก่อนที่คัดตำรายังติดค้างอยู่สามตำลึงเศษ ตอนนี้พวกเราคืนให้ท่าน ขอบคุณท่านมากขอรับ! ”

เขาวางเงินไว้บนโต๊ะ จากนั้นกล่าวอำลาฟ่านซื่อ แล้วจึงกลับไป

เงินสามตำลึงบนโต๊ะยังมีไออุ่นจากมือของเด็กคนนั้นอยู่ ฟ่านซื่อเหม่อลอยไปครู่ใหญ่ จนถึงเวลาที่เซียวยิงกลับบ้าน เห็นเงินบนโต๊ะจึงถามว่ามาจากที่ใด!

ฟ่านซื่อกล่าว “จื่อเซวียนนำมาคืนเจ้าค่ะ! ”

“จื่อเซวียน? ” เซียวยิงขมวดคิ้วมุ่น “บอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรีบคืนเงินไม่ใช่หรือ? เขานำเงินมาคืน พวกเขาจะใช้อะไร? ”

ฟ่านซื่อบอกต่อวาจาของเซียวจื่อเซวียน เซียวยิงขมวดคิ้วเป็นปมยิ่งกว่าเดิม “สถานการณ์ในบ้านเซียวยวี่เป็นอย่างไรข้ารู้ดีที่สุด เงินสามตำลึงนี่อาจเป็นเงินที่เซียวยวี่ใช้จ่ายอย่างประหยัดเก็บออมไว้ก็เป็นได้ เฮ้อ เซี่ยยวี่หลัวนั่นไม่ใช่คนดีอะไร หากไม่ใช่เพราะนาง ครอบครัวเซียวยวี่ก็คงไม่เป็นเช่นทุกวันนี้! ”

ฟ่านซื่อมีความคิดเห็นต่างกัน “วันนี้จื่อเซวียนมา ข้าให้ขนมเขาสองชิ้น เขาไม่ได้กิน ท่านทราบหรือไม่เจ้าคะ ว่าเขาพูดกับข้าอย่างไร? ”

เซียวยิงไหวคิ้วทีหนึ่ง “พูดอย่างไร? หรือว่าเขากินแล้ว กลับไปสตรีชั่วร้ายนั่นจะให้เขาคายออกมาหรืออย่างไร! ”

ฟ่านซื่อยิ้มขมด้วยความจนใจ ส่ายหน้าพร้อมกล่าว “ท่านพี่ ท่านมีอคติต่อเซี่ยยวี่หลัวมากเกินไป วันนี้ได้พบจื่อเซวียน ข้ากลับมองสตรีผู้นี้ต่างจากเดิมเจ้าค่ะ! ”

เซียวยิงพึมพำ “จะต่างจากเดิมได้อย่างไร ก็ยังคงเห็นแก่ตัว”

จะดีเพียงไหนเชียว เพราะเห็นแก่หน้าของเซียวยวี่เท่านั้น ตัวนางยังคงเป็นคนเห็นแก่ตัวตามเคย

ฟ่านซื่อกล่าว “จื่อเซวียนบอกข้าว่า พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาบอกเขาว่า อย่ากินของของคนอื่นโดยง่ายเจ้าค่ะ! ”

“คนอื่น? ” เซียวยิงโมโหเกรี้ยวกราด “เซี่ยยวี่หลัวนั่น คิดจะยุแหย่ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพวกเซียวยวี่ให้แตกแยกกันงั้นหรือ? พวกเราเป็นคนอื่นหรืออย่างไรกัน? ”

“ท่านพี่…” ฟ่านซื่อกล่าวเสียงสูง “จื่อเซวียนยังไม่เท่าไร อย่างไรเสียก็เป็นเด็กผู้ชาย แต่จื่อเมิ่งล่ะเจ้าคะ? นางเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก หากคิดว่าเชื่อใจพวกเราได้จึงกินของที่พวกเราให้ แล้วหากมีคนคิดร้ายล่ะเจ้าคะ? ตัวเขาไม่อยู่บ้าน เด็กผู้หญิงตัวเล็กเพียงนั้น จะปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยได้อย่างไร? ”

เซียวยิงบุ้ยปาก ไม่ได้กล่าวอะไร

วาจานี้มีเหตุผลยิ่ง

ฟ่านซื่อกล่าวต่อ “เซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน ในบ้านมีเพียงเซี่ยยวี่หลัวที่เป็นสตรี ต้องเลี้ยงเด็กสองคน ระวังตัวในทุกเรื่อง ย่อมไม่ใช่เรื่องผิด ดังนั้น ข้ารู้สึกว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้คิดไม่ดีต่อพวกเรา แต่นางเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กสองคน”

เซียวยิงยังไม่ได้กล่าวอะไร ช่วงเช้าฟ่านซื่อออกไปเดินเล่นข้างนอก ย่อมได้ยินเรื่องราวมาอีกเรื่องด้วย “ได้ยินมาว่าหลัวซื่อภรรยาของเซียวไฉซุ่นหกล้ม ท่านก็ได้ยินมาเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ? ”

เซียวยิงพยักหน้า “ช่วงเช้าก็ได้ยินมาบ้าง”

ฟ่านซื่อปิดปากหัวเราะ “ท่านทราบหรือไม่ว่า หนึ่งวันก่อนหลัวซื่อจะหกล้มเกิดอะไรขึ้นบ้าง? ”

เซียวยิงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น? ”

ฟ่านซื่อบอกเล่าสิ่งที่ตนเองได้ยินมาให้เซียวยิงฟังอย่างละเอียด เซียวยิงได้ฟังแล้วก็ตกใจมาก “เป็นไปได้อย่างไร? ”

“ข้าก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ ท่านพิจารณาดู หากเซี่ยยวี่หลัวไม่ดีต่อเซียวจื่อเซวียนจริง เหตุใดจึงต้องฝืนยื้ออยู่บ้านหลัวซื่อเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้เซียวจื่อเซวียนด้วยเจ้าคะ? ”

เซียวยิงเงียบขรึมไม่กล่าวอะไร ตามนิสัยปกติของเซี่ยยวี่หลัว อย่าว่าแต่ทวงคืนความยุติธรรมให้เซียวจื่อเซวียนเลย อาจตบเซียวจื่อเซวียนสักสองฉาดด้วยซ้ำ

ฟ่านซื่อเห็นว่าสามีตนเองไม่กล่าวอะไร คิดว่าเขาฟังแล้วเห็นพ้องกับตน จึงกล่าว “ข้ากลับคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวผู้นี้เป็นคนเอาใจใส่ บางทีนางอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านกล่าวมาก็เป็นได้”

เซียวยิงส่งเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่ง “เจ้าไม่เคยพบนาง เจ้าไม่รู้! ”

ครั้งนั้นเขาเคยพบเซี่ยยวี่หลัว รูปร่างหน้าตางดงาม แต่ฝีปากของนาง เพียงเอ่ยวาจา…

เซียวยิงหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่พบเซี่ยยวี่หลัวในครานั้นก็พลันส่ายหน้า น่าอนาถใจนัก!

หน้าตาไม่เลว แต่ในหัวสมองกลับไม่มีอะไรเลย!

ไม่รู้หนังสือแม้แต่น้อย นางครุ่นคิดวิธีสกปรกต่ำช้าเพียงใด จึงได้แต่งกับเซียวยวี่ที่มีความรู้เต็มเปี่ยมกัน!

เช่นนี้ไม่ต่างกับคนหนึ่งที่เป็นฟ้า และอีกคนที่เหมือนดิน นำมาฝืนมัดรวมกัน!

ฟ่านซื่อได้แต่ส่ายหน้าด้วยความละเหี่ยใจ รู้ว่าสามีตนเองมีความสัมพันธ์อันดีกับเซียวยวี่ จึงมีอคติต่อเซี่ยยวี่หลัวเป็นอย่างมาก ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวเลวร้ายจนสามีของนางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกัน บอกว่าแต่งกับสตรีเช่นนี้ถือว่าโชคร้ายเสียยิ่งกว่ากระไร!

เพียงแต่ นางรู้สึกว่าสตรีผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ !

เถียนเอ๋อเดินบิดเอวไปมาอยู่ในหมู่บ้าน เดินไปพลาง แทะเมล็ดทานตะวันไปพลาง อาศัยจังหวะช่วงที่ไม่มีใครสังเกต รีบสาวเท้าเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวฮวา

หลัวซื่อยังนอนอยู่บนเตียงร้องโอดโอยไม่หยุด ในบ้านเงียบเหงามาก ได้ยินแต่เสียงฟึดฟัดของหลัวซื่อ

เด็กสองคนออกไปเล่นนานแล้ว เซียวไฉซุ่นก็ต้องไปทำงานในไร่นา ไม่อาจอยู่ในบ้านทั้งวัน หลัวซื่อนอนอยู่บนเตียง ปากแห้งผากราวกับมีไฟแผดเผา ก่นด่าไม่หยุด ไม่มีแม้แต่คนจะมาช่วยรินน้ำให้

เถียนเอ๋อเข้าไป เรียกหาแม่เสี่ยวฮวา

เมื่อเห็นแม่เสี่ยวฮวานอนอยู่บนเตียง ขาถูกแขวนไว้สูง คนที่เมื่อไม่กี่วันก่อนยังแข็งแรงมีชีวิตชีวา วันนี้กลับต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ก็อุทานด้วยความเห็นอกเห็นใจและรีบเทน้ำหนึ่งถ้วย

น้ำเย็นชืดนานแล้ว แต่หลัวซื่อยังคงดื่มรวดเดียวจนหมด

หลังจากดื่มหมด หลัวซื่อนอนลง เห็นเถียนเอ๋อก็โวยวายทันที “แม่ต้าหมิน ฮือฮือฮือ… ตาบ้านั่นคิดแต่จะหาเงิน แม้แต่ข้าก็ไม่สนใจ เด็กสองคนยังเล็กขนาดนั้น ดูแลคนเป็นที่ไหนกัน! ”

ฮือฮือฮือ นางนอนซมอยู่ในบ้านมาหลายวัน ธรรมดาอย่าว่าแต่คนคุยด้วยเลย ข้างกายไม่มีแม้แต่คนที่จะช่วยรินน้ำยกน้ำชาให้ด้วยซ้ำ

เมื่อนึกได้เช่นนี้ หลัวซื่อก็รู้สึกอัดอั้นใจนัก ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีคนที่พอจะพูดคุยด้วยได้มาที่บ้าน หลัวซื่อจึงปรับทุกข์ ระบายความอัดอั้นทั้งหมดในช่วงหลายวันนี้ให้นางฟัง

เถียนเอ๋อรู้ว่านางรู้สึกอัดอั้นใจ จึงทนฟังนางระบายความทุกข์อย่างใจเย็น จากนั้นจึงตบไหล่นางเบาๆ พร้อมกล่าว “อย่าเสียใจเลย ไฉซุ่นก็ไม่มีทางเลือก ทั้งสี่คนต้องกินข้าว เจ้าจะให้เขาอยู่ที่บ้านตลอดก็ไม่ได้ หากไฉซุ่นอยู่แต่ที่บ้านตลอด สามีที่ไม่เอาไหนเช่นนั้น ครอบครัวเจ้าจะมีชีวิตดีถึงเพียงนี้หรือ? “

เซียวไฉซุ่นปลูกพืชผลเป็น ทั้งยังล่าสัตว์เป็น ที่บ้านได้กินเนื้อสัตว์เป็นประจำ ไม่รู้ว่ามีคนในหมู่บ้านอิจฉามากถึงเพียงใด

หลัวซื่อส่งเสียงเย็นในลำคออย่างได้ใจ “นั่นก็จริง! “

นางช่างเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วนัก!

แววตาของเถียนเอ๋อ ไม่รู้ว่าฉายประกายอิจฉาหรือริษยา นางเหลือบมองหลัวซื่อแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะละสายตา เอ่ยถามด้วยท่าทางเป็นห่วง “แม่เสี่ยวฮวา เจ้าดูสิ ปกติเจ้าเป็นคนแข็งแรงถึงเพียงนั้น เหตุใดวันนั้น หกล้มทีเดียวขาถึงหักได้ล่ะ? “

หลัวซื่อก็กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร! วันนั้นช่างแปลกประหลาดนัก ทั้งที่เป็นทางเดินเช่นปกติ วันนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เกิดรู้สึกเจ็บแปลบตรงขา ข้าทนไม่ไหว จากนั้นจึงหกล้ม พอล้มกระดูกก็หัก! “

หลัวซื่อบ่นอุบ “มันช่างน่าแปลกนัก! “

เถียนเอ๋อมองดูหลัวซื่อ เหมือนอยากกล่าวอะไรแต่ก็ไม่กล่าวออกมา “แม่เสี่ยวฮวา…”

หลัวซื่อเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของนาง จึงเกิดความรู้สึกสงสัย “แม่ต้าหมิน เจ้ามีเรื่องอะไรอยากบอกข้าใช่หรือไม่? “

สตรีผู้นี้ ทำตัวลับๆ ล่อๆ อ้ำๆ อึ้งๆ ต้องมีเรื่องอะไรแน่!