บทที่ 83 เจ้าทำให้อาจารย์ปลื้มใจจริงๆ

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 83 เจ้าทำให้อาจารย์ปลื้มใจจริงๆ!
“อะแฮ่มๆ ดูท่าแขกทุกท่านคงจะหิวแล้ว”

เสิ่นเซี่ยวเหมือนมีความคิดบางอย่างจึงเอ่ยยิ้มๆ “ถ้าอย่างนั้นหลงเอ๋อร์ เอ้าเอ๋อร์ เทียนเอ๋อร์ พวกเจ้านั่งด้วยกันเถอะ!”

เสิ่นหลงงุนงง

เสิ่นเอ้างุนงง

เสิ่นเทียน “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”

สามพี่น้องนั่งข้างกัน เสิ่นเทียนกลับค่อนข้างชอบแบบนี้ สารภาพตามตรง หลังทะลุมิติมาโลกนี้ได้หลายวัน เขาโดดเดี่ยวมากจริงๆ

แม้จะมีลุงกุ้ยอยู่ข้างกาย แต่ก็อ่อนน้อมถ่อมตนเกินไป มองว่าเป็นคนอื่นคนไกล ส่วนพวกแฟนคลับในสวนหมื่นวิญญาณก็เกรงใจเกินไปจริงๆ ทำให้เขารู้สึกไม่ดีมาก

วันนี้ได้สนทนาในระดับเดียวกันกับพี่ชายทั้งสองคน เสิ่นเทียนรู้สึกอบอุ่นมาก

เขาพูดกับเสิ่นเอ้าว่า “พี่หก ครั้งนี้ส่งพี่ออกเดินทาง น้องไม่ควรมาสายเลย เพื่อเป็นการขอโทษ น้องเลยตั้งใจเตรียมของขวัญมาให้พี่ชิ้นหนึ่ง”

พอได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียนแล้ว เสิ่นเอ้าอดตึงเครียดในใจมิได้

อะไรนะ น้องสิบสามเจ้าจะมาก็มาเถอะ จะเอาของขวัญอะไรมา!

พูดอย่างกับว่าเจ้าให้แล้ว พี่จะกล้ารับอย่างนั้นแหละ

เสิ่นเอ้าหัวเราะแห้งๆ “ไฉนน้องสิบสามต้องเกรงใจเช่นนั้น เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องรักใคร่กัน ไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญทำเป็นคนอื่นคนไกลกันเช่นนั้น”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า “จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร!”

“พี่หกอยู่ช่วงสร้างฐาน เป็นพี่น้องกันจะไม่แสดงออกได้อย่างไร ถ้าอย่างนั้นข้ายังถือว่าเป็นน้องพี่อยู่รึ”

เสิ่นหลงข้างๆ อึ้งไป ก่อนจะก้มหน้ากินอาหารเงียบๆ

ทางด้านเสิ่นเทียนเอ่ยจบก็หยิบตลับไม้เล็กขนาดเท่าฝ่ามือมาจากอกเสื้อ เขาดันตลับไม้เล็กไปอยู่หน้าเสิ่นเอ้า “พี่หกดู ชอบหรือไม่”

สารภาพตามตรง หากเป็นไปได้ เสิ่นเอ้าก็ไม่อยากรับของขวัญเสิ่นเทียน

ถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าน้องชายคนนี้ของตนไม่ได้มีสภาพการเงินคล่องนัก ตนเป็นพี่ชาย เสิ่นเอ้าไม่อยากเห็นเสิ่นเทียนใช้จ่ายสิ้นเปลืองจริงๆ

แต่พอเห็นแววตาเฝ้ารอและจริงใจของเสิ่นเทียนแล้วเขาก็ใจอ่อน

เฮ้อ ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ก่อนหน้านี้ก็ซวยขนาดนั้นแล้วด้วย ถ้าไม่รับของขวัญนี่อีก จะยังมีอะไรแย่กว่าคลาดเจอท่านเซียนในสวนหมื่นวิญญาณอีกหรือ

น่าจะ เอ่อ น่าจะไม่ซวยกว่านั้นอีกกระมัง!

…..

เสิ่นเอ้าหยิบผ้าแพรผืนหนึ่งมาจากอกเสื้อ จากนั้นห่อตลับหยกนั้นอย่างระมัดระวัง

เสิ่นเทียนอดรู้สึกอบอุ่นในใจมิได้ ยังเอาผ้าแพรมาห่ออีก จริงจังเช่นนี้ พี่หกคงให้ความสำคัญกับของขวัญของตนมากน่าดู!

เสิ่นเอ้าเปิดตลับหยกออกช้าๆ มีประกายแสงกระบี่สีเงินสาดออกมา พบว่าในตลับหยกขนาดเท่าฝ่ามือนั้นบรรจุกระบี่สีเงินเล็กเอาไว้เล่มหนึ่ง

กระบี่เล่มนี้มีความยาวประมาณสองนิ้ว ประกายแสงสีเงินทุกส่วนเปล่งประกายอย่างยิ่งดูสวยงาม ช่วงที่เห็นกระบี่เล่มนี้ แม้แต่เสิ่นเอ้ายังอดสูดลมหายใจเย็นๆ ไม่ได้

“นี่มันกระบี่บินเงินผ่องอาวุธอาคมระดับสูง ทุกส่วนหลอมขึ้นจากเงินวิญญาณเหมันต์ขาวที่เบาบางที่สุด น้องสิบสามเจ้าได้สมบัติชิ้นนี้มาจากที่ใด มันมีค่าอย่างน้อยก็สามหมื่นศิลาวิญญาณแล้วนะ!”

เสิ่นเอ้าแอบอึ้งในใจ รู้กันดีว่าอาวุธอาคมจำพวกกระบี่ปกติจะเป็นแบบประกอบกัน ผู้ฝึกกระบี่ส่วนใหญ่จะขี่กระบี่เดินทางหรือขี่กระบี่สังหารศัตรู ใช้เป็นอาวุธอาคมแบบเดียวกัน

ทว่าอาวุธอาคมที่เหมาะกับการสังหารศัตรูก็ไม่แน่ว่าจะเหมาะกับการขี่กระบี่เหาะเหินเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกบำเพ็ญบางตระกูลที่มีเหมืองแร่จะเตรียมกระบี่สองเล่ม หนึ่งไว้สังหารอีกหนึ่งไว้หนี

แต่กระบี่เงินผ่องนี่อยู่ในกระบี่บินพิเศษ มีคำสรรเสริญและชื่อเสียงที่ดียิ่ง

หากใช้กระบี่บินเงินผ่องเหาะเหิน มันจะมีความเร็วกว่าอาวุธอาคมชั้นสูงธรรมดาถึงสามส่วน! อย่าดูถูกสามส่วนนี่เชียว บางครั้งเจ้าถูกกลุ่มผู้แข็งแกร่งเขตแดนพลังเดียวกันล่าสังหาร

สามส่วนนี่ก็สลัดเจ้าหลุดจากผู้ล่าสังหาร ช่วยชีวิตเจ้าได้

หรือบางทีเจ้ากับศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกันออกไปฝึกบำเพ็ญด้วยกัน เจอสัตว์อสูรระดับสูงน่าสะพรึง ตอนนี้เจ้าไม่ต้องร้อนรน ให้ขี่กระบี่เงินผ่องหนีไปก็จบ

แม้สัตว์อสูรจะเร็วกว่าเจ้าสิบเท่า เจ้าก็ไม่ต้องกังวล ขอแค่เจ้าขี่กระบี่เร็วกว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องเจ้าก็พอ

กล่าวโดยสรุปคือ กระบี่บินคุณภาพดีบางทีก็ไม่ทำให้กำลังรบเจ้าสูงขึ้น แต่ถ้าเจออันตราย มันจะทำให้เจ้ามีโอกาสหนีรอดเพิ่มขึ้นหลายเท่าแน่นอน

นี่ก็คือของขวัญที่ดีที่สุดที่น้องเสิ่นเทียนให้เสิ่นเอ้า

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย เขาเตรียมข้อแก้ตัวไว้ก่อนแล้ว

“กระบี่เล่มนี้ข้าเก็บมาได้”

เจ้าเก็บกระบี่เงินผ่องมาได้?

เสิ่นเอ้ามองเสิ่นเทียนด้วยความสงสัย ด้วยดวงชะตาของน้องสิบสามจะไปเก็บของดีๆ เช่นนี้มาได้อย่างไร

คงไม่ใช่ของไม่ได้มาตรฐานมีตำหนิที่มีผู้ฝึกบำเพ็ญบางคนใช้แล้วทิ้งไว้หรอกกระมัง!

ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวตอนข้าขี่กระบี่บินแล้วจู่ๆ ก็ระเบิดตัวเองนะ

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเอ้ายังอดหนาวสั่นมิได้

“น้องสิบสาม เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเป็นของขวัญที่ตั้งใจเลือกมาให้ไม่ใช่รึ”

เสิ่นเทียนชะงักไป ใบหน้าหล่อเหลาแดงขึ้นมา “อะแห่มๆ ใช่ ข้าตั้งใจออกจากวังไปเก็บมา”

เสิ่นเอ้าหน้าดำมืดเล็กน้อย เขามักจะรู้สึกว่าหากรับกระบี่นี้ ภายภาคหน้าอาจจะเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางได้ แต่เห็นสีหน้าเฝ้ารอตาปริบๆ ของน้องสิบสามแล้ว เขาก็ฝืนใจปฏิเสธไม่ลง

เขาหยิบผ้าแพรมาจากอกเสื้ออีกสองผืนแล้วห่อตลับหยกไว้อย่างระมัดระวัง จากนั้นส่งตลับหยกให้คนสนิทเสี่ยวหลี่จื่อข้างๆ

เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ซาบซึ้งน้ำใจเจ้ามาก ขอบใจ”

ขณะเดียวกันเสิ่นเอ้าตัดสินใจแล้ว รอจนงานเลี้ยงวันนี้จบลง ข้าจะเอากระบี่นี่ไปขายทันที

อ้อ ใช่!

แล้วก็ให้เงินเสี่ยวหลี่จื่อสักก้อน ให้เขาออกจากวังไปเลยเถอะ!

…….

ขณะที่เสิ่นเอ้ากำลังวางแผนในใจว่าหลังเข้าแดนเทวาดาวประกายพรึกแล้วจะปิดด่านบำเพ็ญ ไม่ถึงช่วงดวงจิตอรุณไม่ออกมาเลยดีหรือไม่นั้น

ทันใดนั้นมีดวงตะวันสีม่วงมหึมารวมขึ้นด้านบนตำหนักไร้พรมแดน แรงกดดันมหาศาลแผ่คลุมทุกมุมทันที ทำให้คนหายใจลำบาก

กลางดวงตะวันสีม่วงนั้นรวมออกมาเป็นนักพรตวัยกลางคนสวมชุดคลุมเต๋าสีม่วงสลับขาวคนหนึ่ง เขาแบกกระบี่ยาวข้างหลัง แผ่ความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่รวมถึงปราณกระบี่มหาศาลออกมาทั่วร่าง

วินาทีที่เขาปรากฏกาย แม้แต่จักรพรรดิเหยียนเสิ่นเซี่ยวยังเกร็งไปทั้งตัว

เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนนี้เลย

ชิ้ง!

เสียงกระบี่ดังขึ้นแทงทะลวงนภา

กระบี่ยาวด้านหลังคนนั้นพลันออกจากฝัก ในชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นเศษเงาสีม่วงร่างหนึ่ง จนเมื่อเขาโผล่มาอีกครั้งก็ยืนอยู่กลางตำหนักไร้พรมแดนแล้ว กระบี่ยาวกลับเข้าฝักดังชิ้ง

ตอนนี้เองในที่สุดทุกคนก็เห็นหน้าตาของคนนั้นชัดเจน

เสิ่นเอ้าตาเป็นประกาย “อาจารย์ ท่านมาได้อย่างไร”

……..

คำพูดของเสิ่นเอ้าทำให้ทุกคนในตำหนักถอนหายใจโล่งอก ก็คิดว่ามีศัตรูแข็งแกร่งบุกโจมตี ทุกคนเตรียมพร้อมหนีเรียบร้อยแล้ว

ที่แท้ก็เป็นอาจารย์ของเสิ่นเอ้า หรือก็คือเซียนผู้สูงศักดิ์แห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกท่านนั้น!

นึกถึงตรงนี้ ความคิดทุกคนในตำหนักไร้พรมแดนสั่นไหวขึ้นมา

ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นผู้สูงศักดิ์ช่วงดวงจิตดรุณจริงๆ! ถ้าได้เข้าไปกอดต้นขา นั่นคือโชควาสนายิ่งใหญ่

เพียงแต่ว่าตอนที่ทุกคนมองผู้สูงศักดิ์จื่อหยางนั้นกลับรู้สึกเย็นเยือกไปทั้งตัว

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางมีปราณกระบี่เย็นเยียบวนเวียนรอบกาย ดูไม่อยากถูกรบกวนอย่างชัดเจน

เขากำป้ายคำสั่งสีทองในมือ ตอนนี้กำลังเปล่งแสงสว่าง

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางพยักหน้าเหมือนมั่นใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะเก็บป้ายคำสั่งสีทองเข้าอกเสื้อ กวาดสายตามองเสิ่นเอ้าข้างๆ

สีหน้าเย็นชาในตอนแรกพลันกลายเป็นมีเมตตาและอ่อนโยน สง่าและเป็นกันเอง

“ฮ่าๆๆๆ อาจารย์เดาไว้ไม่ผิด คือเจ้า คือเจ้านี่เอง! เจ้าลูกศิษย์ ไม่นึกเลยนะว่าเจ้าจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย เจ้าทำให้อาจารย์ปลื้มใจจริงๆ!”

…………………………………………..……