บทที่ 90

ถังหยินครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจสั่งให้จางโจวอยู่ที่เมืองชายแดนแห่งนี้ ไม่ต้องติดตามไป เพราะถ้าเกิดว่ามีเรื่องร้ายแรงขึ้นในเมืองชายแดน จางโจวจะได้อยู่เตรียมรับมือ

“แต่…” ถึงจางโจวจะเห็นด้วย แต่เขาก็ยังคิดว่ามันไม่ถูกต้อง “ถ้างั้นเอาแบบนี้ไหมนายท่าน ให้ท่านอยู่ที่นี่ ส่วนข้ากับพวกทหารจะไปเอง”

ถังหยินพูดเสียงต่ำ “นี่ไม่ใช่เวลามาแย้งข้า ทำตามคำสั่ง !”

ได้ยินแบบนี้จางโจวก็เงียบปากตัวเอง ก่อนจะรีบจัดหาม้าพร้อมทั้งทหารที่มีฝีมือด้านนี้ให้ตามถังหยินไป

ชายหนุ่มพาสองพี่น้องฉางกวงและทหารอีก 120 นายออกจากเมืองชายแดนตรงไปยังเมืองหวาง

พวกเขามีจำนวนกว่า 100 นายและเดินทางไปสมทบเมืองหวางที่ได้รับการโจมตีจากพวกมอร์ฟีสก่อน นับได้ว่าเป็นแผนที่บ้าดีเดือดมากในสายตาของจางโจว

แน่นอนว่าถังหยินไม่ได้บ้าบอขนาดนั้น เขาวางแผนรัดกุมมาเป็นอย่างดีแล้ว เพราะเท่าที่รู้ พวกทหารนับพันของพวกมอร์ฟีสนั้นเป็นเพียงพวกทหารชั้นเลวธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อย เพราะยังไงเสียพวกเขาก็มีสองพี่น้องฉางกวงที่เก่งกาจอยู่ไม่ใช่หรือ ?

นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มจะได้ประจันหน้ากับพวกมอร์ฟีส ครั้งนี้ถึงถือเป็นโอกาสอันดี ที่จะได้เรียนรู้เล่ห์กลแพรวพราวของอีกฝ่าย ที่ทำให้เขตปิงหยวนแห่งนี้ต้องระทมมากขนาดนี้อยู่หลายปี

ด้วยเมืองหวางอยู่ใกล้กับเมืองชายแดนมาก ดังนั้นจึงสามารถเดินทางมาถึงได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 1 ชั่วยาม

เมื่อมาถึงเมืองหวาง พวกเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ดังออกมาจากด้านใน

ถังหยินจึงรีบเร่งความเร็วและตะโกน “เตรียมเข้าประจัญบาน !” จากนั้นเขาก็เรียกเกราะปราณออกมา

หยวนอู่และหยวนเปียวเองก็เตรียมพร้อมสู้รบ พวกเขาเรียกใช้อาวุธกับเกราะปราณขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

เมื่อเข้าใกล้เมือง พวกเขาก็เห็นเข้ากับทหารของรัฐเบสซ่า

พวกมอร์ฟีสพวกนี้มีร่างกายที่แข็งแรงและสูงกว่าพวกเฟิง พวกเขาสวมเกราะเหล็กไร้หมวก ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย และบางคนเองก็มีสีบนหน้ามากมายผสานกับผิวสีแทนของพวกเขาจนทำให้ดูราวกับสัตว์ป่า

คนพวกนี้โหดร้ายและทารุณเป็นอย่างมาก พวกเขาสังหารทุกอย่างที่เห็นอย่างไร้ปรานีและปล้นสะดมทุกสิ่งอย่าง

พวกมอร์ฟีสที่อยู่ด้านนอก กำลังพยายามขนสมบัติขึ้นไปยังรถม้า และเมื่อพวกเขาเห็นถังหยิน คนพวกนี้ก็รีบวางสิ่งของก่อนเตรียมอาวุธ ก่อนจะพุ่งเข้ามาในทันที !

ทั้งสองกำลังจะเข้าปะทะกัน แต่ทว่าก็ได้ยินเสียงขวานที่ถูกขว้างผ่านอากาศมาใส่ถังหยินที่อยู่ด้านหน้าสุดขึ้นเสียก่อน

ชายหนุ่มหลบมันได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะชักดาบทั้ง 2 เล่มขึ้นมา เพื่อปัดป้องขวานบินที่เหลือ

โดยไม่ทันให้พวกมันตั้งตัว ถังหยินพลันควบม้าด้วยความเร็ว และพุ่งทะยานเข้าใส่ฝูงพวกมอร์ฟีสในทันที !

กึ่ง !

เสียงกระแทกดังออกมา หน้าอกของชายคนที่รับเกือกม้ากระเด็นถอยออกมาด้านหลัง จนทหารที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้นพากันล้มตามไปด้วย เปิดโอกาสให้ถังหยินได้เปลี่ยนอาวุธของตัวเองให้กลายเป็นเคียวยาว

ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงมันฟาดฟันเหล่ามอร์ฟีสที่อยู่รอบตัวจนขาดสองท่อน

อ๊าก !

ความเหี้ยมหาญของถังหยินไม่ได้ทำให้พวกมอร์ฟีสหวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับกัน มันกลับยิ่งทำให้พวกเขาบ้าเลือดมากยิ่งขึ้นไปอีก ! คนพวกนั้นพากันเข้ามาล้อมถังหยินไว้ และใช้หอกแทงเข้ามา

แม้ว่าชายหนุ่มจะทรงพลัง แต่ทว่าถังหยินก็ไม่ชินกับการต่อสู้บนหลังม้า เพราะเขาต้องแบ่งแยกสมาธิเพื่อปกป้องชีวิตของม้าตัวเองไปด้วย ดังนั้นในเวลานี้เอง พี่น้องฉางกวงจึงได้พุ่งเข้ามาช่วยเขาไว้

หอกทั้งสองเหมือนดั่งอสรพิษร้ายที่แทงออก ทำให้พวกมอร์ฟีสส่งเสียงกรีดร้องออกมา โลหิตสาดกระจายลงไปบนพื้น

เมื่อผสานกับการโจมตีของถังหยิน จึงทำให้พวกมอร์ฟีสตายไปมากกว่า 10 ศพในทันที

ในตอนนี้เอง มันก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากในเมืองหวาง ทำให้ถังหยินเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่เขาจะเห็นเข้ากับทหารมอร์ฟีสกว่าพันนายกำลังวิ่งออกมาจากเมืองมุ่งตรงมาทางนี้ !

ถังหยินตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาลงจากม้า และเดินเข้าไปหาพวกมันอย่างไม่หวั่นเกรง

ชายหนุ่มเหวี่ยงเคียวกวาดในแนวนอนเพื่อจัดการศัตรูจนขาดสองท่อน ทิ้งไว้เพียงเลือดที่ไหลนองไปทั่วบริเวณ

แม้จะมีทหารมอร์ฟีสล้มตายไป ทว่ามันก็มีคนใหม่วิ่งกรูกันเข้ามา พวกมันเหยียบศพสหายของตัวเอง และเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน เข้าล้อมถังหยินเอาไว้ทั้งหน้าและหลัง ก่อนที่จะใช้อาวุธระยะประชิดทุกชนิดเข้าห้ำหั่นกับเขา

ด้วยเกราะปราณที่มี จึงทำให้ถังหยินไม่ต้องหลบและเหวี่ยงเคียวออกไปได้เรื่อย ๆ

ไม่นานนัก พวกมอร์ฟีสนับ 30 นายก็ได้ตายลงด้วยน้ำมือของเขา ทิ้งไว้เพียงซากศพของคนพวกนั้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น หากแต่พวกมันก็ยังพุ่งเข้าใส่ถังหยินไม่หยุดหย่อน !

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างวุ่นวาย และเพราะคนของมอร์ฟีสเยอะกว่า จึงทำให้ชายหนุ่มต้องแยกออกมาจากพี่น้องฉางกวง

พวกมอร์ฟีสนั้นดุดันและมีกันมากมาย ต่อให้มีคนล้มตายไป ทว่าที่เหลือก็พร้อมที่จะเข้ามาแทนที่ตลอดเวลา

เขาได้ยินเสียงการต่อสู้ในเมืองดังขึ้น และคาดเดาว่านั่นน่าจะเป็นพวกทหารประจำการที่กำลังต่อสู้กันอยู่

ถังหยินจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองจัดการพวกมันได้มากเท่าไหร่ แต่พลังของเขาก็ลดลงไปมากจากการสู้รบนี้

ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้พวกทหารศัตรูเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะจับหลังคอของพวกมันเอาไว้ และใช้เพลิงแห่งความมืดเผามันจนกลายเป็นฝุ่นผงไป

เมื่อพวกมอร์ฟีสเห็นไฟสีดำ พวกมันก็พากันตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะบ้าเลือดและเข้าโจมตีใส่ถังหยินแบบลืมตัวกลัวตายไปเลย

ถังหยินยิ้มออกมา เขาใช้ไฟเผาพวกศัตรูเรื่อย ๆ จนรอบ ๆ กายเต็มไปด้วยเกราะเปล่ามากมายหล่นอยู่เต็มพื้น

ระหว่างที่เขากำลังไล่เผาพวกมันอย่างบ้าคลั่งนั่นเอง หลังของชายหนุ่มก็พลันถูกกระแทกเข้าอย่างรุนแรงจนร่างของเขากระเด็นไปข้างหน้า

ตู้ม !

ถังหยินกระแทกเข้ากับกำแพงจนเกิดเป็นรูและส่งให้ร่างของเขากลิ้งเข้าไปตามรูนั่น

ถ้าไม่มีเกราะปราณ กระดูกของชายหนุ่มคงแตกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว

เมื่อตั้งหลักได้ เขาก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และถึงใบหน้าของถังหยินจะเต็มไปด้วยฝุ่นผงมากมาย หากแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บมากนัก เขาแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ก่อนที่จะเห็นเข้ากับชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่นอกกำแพง

เขามีร่างสูงใหญ่ และแขนขาที่หนามากเสียจนทำให้ดูโดดเด่นท่ามกลางทหารธรรมดา

ค้อนที่อยู่ในมือของเขาน่าจะหนักได้มากกว่าพันจิน ครึ่งหนึ่งเป็นสีดำและอีกครึ่งเป็นสีขาว ทั้งตัวค้อนมีแต่หนามเต็มไปหมด

นั่นต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ของมอร์ฟีสแน่ ! ร่างของถังหยินสั่น เขารีบเดินออกมา ก่อนจะยกเคียวขึ้นอย่างช้า ๆ ไปยังชายร่างใหญ่

คำพูดไม่สำคัญ ทว่าการกระทำนั้นต้องชัดเจน !

ในตอนนี้ชายร่างใหญ่กำลังประหลาดใจ เพราะไม่ใช่แค่การที่เขาไม่สามารถฆ่าถังหยินในการโจมตีครั้งเดียวได้ หากแต่เป็นเพราะชายหนุ่มนั้นดูแทบจะไม่บาดเจ็บเลยต่างหาก !

เขาตะลึงสักพักก่อนที่จะคำรามก้องและพุ่งเข้าใส่ถังหยิน

ทุกย่างก้าวที่เขาวิ่งมา พื้นดินก็เกิดการสั่นไหว …ยังไม่ทันได้โจมตี เพียงแค่วิ่ง เจ้าคนประหลาดผู้นี้ก็สามารถทำให้ทุกคนหวาดกลัวได้แล้ว

แต่ไม่ใช่กับถังหยิน !

ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามาพร้อมเหวี่ยงค้อนขึ้นสูง แล้วเขาก็พุ่งเข้าไปด้านหลังของอีกฝ่าย

ตู้ม !

ค้อนนั่นกระแทกเข้ากับพื้นดินจนเกิดหลุมกว้างหลายจั้ง

ทว่าเมื่อฝุ่นควันหายไป ชายร่างใหญ่ก็ต้องประหลาดใจที่ถังหยินไม่อยู่ตรงหน้าเขาอีกแล้ว

ใบหน้าของคนประหลาดผู้นั้นเต็มไปด้วยความสงสัย หรืออาจจะเป็นเพราะเขาใช้แรงมากเกินไปจนถังหยินเละไปแล้วกันนะ ?

เมื่อเขากำลังยกค้อนขึ้นมาดู ชายร่างใหญ่ก็ต้องพบว่าไหล่ของตนนั้นกำลังถูกอะไรบางอย่างกดทับลงมา

ก่อนที่จะได้ทันทำอะไร เขาก็ได้ยินเสียงตะโกน “ข้าขอกินเจ้าละนะ !”

เขาไม่เข้าใจภาษาของพวกเฟิง แต่เมื่อได้ยินคำดังกล่าว มันก็ทำให้เขาเปลี่ยนสีหน้าและเงยหน้าขึ้นมองทันที

นั่นก็คือมือหนึ่งข้างที่พุ่งเข้ามา

ตู้ม !

จากมุมที่เขาเห็น ก็คือถังหยินที่ยืนอยู่บนไหล่ของเขา

ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าเขาแท้ ๆ แล้วไปโผล่อยู่ที่ไหล่ได้ยังไงกัน ? ชายร่างใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

และก่อนที่จะได้ปัดถังหยินออกไป ไฟสีดำก็พลันถูกจุดติดขึ้นที่หัวของคนตัวใหญ่และลามไปทั่วร่างแล้ว…