ตอนที่ 82 บอกความจริงคนตระกูลหวัง

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

เย่เฉินเองก็ไม่สนใจหญิงชราที่เคยทำตัวเย่อหยิ่งไม่สนใจใครของตระกูลหวังเช่นกัน

เขาไม่ได้มาเพื่อใครในตระกูลนี้แต่เขามาเพื่อสุนัขตัวหนึ่ง

“ฮัวฮัวล่ะ?” เย่เฉินถามขณะมองหวังซ่าวเจี๋ย

หวังซ่าวเจี๋ยเป็นคนเดียวในตระกูลหวังที่เขายินดีจะพูดคุยด้วยในตอนนี้

หว่างซ่าวเจี๋ยรีบตอบทันที “ในห้องครับ พี่ไปหาน้องเจียเหยาเถอะครับ”

ซูหลานเองก็รีบเดินมาด้านหน้าพลางกล่าว “เย่เฉินอย่าโกรธเจียเหยาเลยนะที่ไม่ได้ออกมารับเธอ เมื่อวานเจียเหยาคุกเข่านานเกินไปน่ะ เมื่อวานปฐมพยาบาลกันที่โรงพยาบาลอยู่ตั้งหลายชั่วโมง ตอนนี้เพิ่งจะดีขึ้นมานิดหน่อยแต่ยังเดินไม่ได้”

เย่เฉินรู้ว่าหวังเจียเหยาร่างกายบอบบางต้องคุกเข่าอยู่ถึงสองชั่วโมง ตอนนี้ลุกขึ้นยืนก็อาจจะลำบากเอาการ

ทว่าคำพูดเหลวไหลเรื่องปฐมพยาบาลหลายชั่วโมง เย่เฉินไม่มีทางเชื่อ

สามปีที่ผ่านมาเขาเป็นคนดูแลหวังเจียเหยามาตลอด เขาฟูมฟักดูแลอีกฝ่ายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สุขภาพของอีกฝ่ายเป็นอย่างไรเขารู้ดีกว่าใครทุกคน

แต่เขาก็ไม่พูดอะไรและเดินตรงดิ่งเข้าไปในบ้าน

เพิ่งจะถึงชั้นแรกที่คุ้นเคย เย่เฉินก็เห็นหวังเจียเหยานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกำลังอุ้มเจ้าฮัวฮัวไว้ในอ้อมแขน

ส่วนบนโต๊ะอาหารนั้นมีอาหารต่างๆ วางเรียงรายเต็มโต๊ะไปหมด สามปีที่แล้วไม่เคยจะอุดมสมบูรณ์แบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ

เย่เฉินเห็นที่ขาหน้าของเจ้าฮัวฮัวมีผ้าพันแผลพันอยู่จริงๆ เขารู้สึกสงสารมันอย่างยิ่งรีบเดินตรงดิ่งไปหามันทันที

เพิ่งจะไปถึงตัวฮัวฮัว สิ่งที่เย่เฉินเห็นเป็นสิ่งแรกคือรอยแผลบนขาหวังเจียเหยา

หวังเจียเหยาใส่กระโปรงสั้น เดิมทีเจ้าตัวคิดจะใส่ประโปรงยาวซ่อนรอยแผลนั้นสักหน่อยแต่ถูกซ่งหงเย่ด่าเสียยกใหญ่

ใส่กระโปรงยาวแล้วจะขอคะแนนความเห็นใจจากเย่เฉินได้ยังไง!

ทว่าพอเห็นรอยแผลบนขาหวังเจียเหยาแล้ว เย่เฉินกลับไม่ได้เห็นใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด

เพราะตอนหล่อนเปิดห้องกับฟางเชาก็ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเขาเช่นกัน!

“เย่เฉินนายมาแล้วเหรอ”

หวังเจียเหยาริมฝีปากซีดเผือดก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแผ่วเบาและอ่อนระโหย

แต่หวังเจียเหยาที่ปากซีดเซียวใบหน้าซีดเผือดดูอ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรงก็ยังสวยจนน่าหลงใหล

เย่เฉินไม่สนใจอีกฝ่ายและไม่ได้ไถ่ถามอะไร เขายื่นมือออกรับฮัวฮัวในอ้อมกอดอีกฝ่าย

หลังจากที่ฮัวฮัวเห็นเย่เฉิน มันก็ตื่นเต้นดีใจจนกระโดดโผเข้ามาหาเย่เฉิน

เห็นฮัวฮัวเดินมาหาด้วยขากะเผลกๆ เย่เฉินก็รู้ว่าฮัวฮัวต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน

เย่เฉินเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง เขาไม่อยากให้คนตระกูลหวังทำอะไรแบบนี้อีกเพื่อหาเรื่องพบเขา

ดังนั้นเย่เฉินจึงกล่าวกับคุณนายหวัง “คุณนายหวัง ผมหวังว่าคุณจะขายสุนัขตัวนี้ให้ผม ผมยินดีจ่ายให้คุณล้านหยวน”

คุณนายหวังถือไม้เท้าเดินเข้ามาแล้วกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเฉินเอ้ย นั่งลงกินอะไรก่อนสิ เราเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ฮัวฮัวเป็นของย่า ย่อมแปลว่าเป็นของเธอเหมือนกัน พูดเรื่องซื้อเรื่องขายอะไรกัน ชักจะเกรงใจกันเกินไปแล้ว”

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “ผมและหวังเจียเหยาหย่ากันแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนครอบครัวเดียวกันกับคุณสักหน่อย ผมไม่คิดจะกินอาหารมื้อนี้ด้วยซ้ำไป เดี๋ยวพอผมซื้อสุนัขตัวนี้แล้วก็จะไปทันที”

เย่เฉินแน่วแน่อย่างยิ่งทำให้คนตระกูลหวังเสียหน้าอย่างมาก

คุณนายหวังกล่าว “ก็ได้ ถึงจะไม่กินข้าวด้วยกัน อย่างน้อยก็บอกพวกเราหน่อยว่ามันเรื่องอะไรกัน? เธอมีเงินมากมายขนาดนั้นแล้วทำไมถึงต้องแต่งเข้าบ้านเรา? ทำไมบอกแค่คุณปู่ที่ตายไปแล้วเพียงคนเดียว? เฉินเอ๋อร์ ถ้าเธอไม่บอกความจริงเรามา ถ้าย่าตายก็คงตายตาไม่หลับ!”

เย่เฉินรู้ว่าสามปีมานี้คนทั้งตระกูลหวังต่างก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร

วันนี้เขาก็ควรจะอธิบายให้ทุกคนได้รู้!

เย่เฉินกล่าวว่า “ก็ได้ในเมื่อทุกคนอยากรู้ ผมก็จะบอก ตระกูลเย่ของเรามีกฎประหลาด ผู้ชายจะต้องถูกทดสอบ ถึงจะสืบทอดธุรกิจของที่บ้านได้ ปู่ของผมต้องการจะฝึกจิตใจและนิสัยของผม เมื่อสามปีก่อนถึงได้จัดแจงให้ผมมาเป็นเขยของตระกูลหวังของคุณ

ถึงแม้ว่าตระกูลหวังจะเป็นแค่ตระกูลชั้นสองเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีหน้ามีตาอยู่บ้าง ลำพังแค่ตัวผมเองก็คงจะยากที่จะได้แต่งเข้า ดังนั้นคุณปู่ของผมก็ไปเจอคุณปู่ของหวังเจียเหยาเข้าเลยปรึกษาเรื่องนี้กับเขา เขาดีใจมากที่จะได้ดองกับตระกูลเย่ของเรา แต่คุณปู่ของผมบอกกับเขาว่าต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ทั้งตระกูลจะมีเขารู้ได้แค่คนเดียว ทันทีที่แพร่งพรายเรื่องนี้กับพวกคุณ สัญญาเรื่องแต่งงานให้ถือว่าเป็นโมฆะไป!”

พอได้ยินแบบนี้ทุกคนก็เข้าใจแจ่มแจ้งทันที

“มิน่าก่อนพ่อจะตายถึงได้อ้ำๆ อึ้งๆ! สองปีมานี้ผมยังเอาแต่คิดเลยว่าพ่ออยากจะบอกอะไรกับผมกันแน่ถึงได้ลังเลขนาดนั้น?”

หวังจื้อหย่วนย้อนคิดเรื่องในอดีตแล้วนึกขึ้นได้

ปู่ของหวังเจียเหยาไม่กล้าพูดอะไร เพราะทันทีที่บอกเรื่องนี้กับหวังจื้อหย่วนและซูหลาน ท่าทีที่พวกเขามีต่อเย่เฉินต้องเปลี่ยนไปแน่นอน

ทันทีที่ดีกับเขามากขึ้น การขัดเกลานิสัยและจิตใจของเย่เฉินี้ก็จะไม่มีความหมายอะไร

และในเวลานี้เองก็ได้เห็นคุณนายหวังพุ่งไปสั่งสอนหวังเจียเหยา “หวังเจียเหยา! ผู้ชายที่ดีอย่างเย่เฉินแบบนี้ไปหาที่ไหนก็ไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าแกจะไม่รู้จักทะนุถนอมเขา!”

หวังหยวนหยวนเดินมาและกล่าวว่า “จริงด้วย เรื่องนี้พี่ทำไม่ถูกนะคะ ถ้าคนที่แต่งงานกับเย่เฉินคือฉัน ฉันไม่มีทางทำแบบพี่เจียเหยาแน่!”

“เย่เฉินอยากจะแต่งเข้าต่ออีกสักปีไหม คราวนี้แต่งกับฉัน ให้ฉันฝึกเองดีไหม?”

เย่เฉินมองหวังเจียเหยาอย่างจนคำพูด “ผมขอบคุณนะแต่ผมไม่ต้องการ!”

นี่มันบ้าชัดๆ แต่งเข้าตระกูลหวังมาสามปีแล้วจะให้ทนแต่งเข้าต่ออีกหนึ่งปีเหรอ?

นิสัยและจิตใจนั้นถูกฝึกซ้อมจนด้านชาไปแล้ว !

“หยวนหยวนอย่าพูดเหลวไหล!”

คุณนายหวังตำหนิหลานสาว

จากนั้นคุณนายหวังก็มองไปที่เย่เฉินอีก “เฉินเอ๋อร์เมื่อสามปีก่อนพวกเราทุกคนทำตัวไม่ดีกับเธอ วันนี้พวกเราคนตระกูลหวังทุกคนขอดื่มให้เธอเพื่อเป็นการขอโทษ! จื้อเฉียง จื้อหย่วน รีบรินเหล้าเร็ว!”

“ครับคุณแม่”

คนแซ่หวังทุกคนต่างถือจอกเหล้าเพื่อจะดื่มเหล้าขอโทษเขา

เย่เฉินกอดสุนัขเอาไว้แล้วมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา

รอจนพวกเขาดื่มเสร็จ เย่เฉินก็กล่าวว่า “บอกราคาได้หรือยังครับ? พวกคุณจะขอโทษหรือไม่ผมไม่สนใจ แต่พวกคุณสบายใจได้ผมไม่คิดจะล้างแค้นพวกคุณหรอก ส่วนโปรเจกต์อีผิ่นเจียเหยา บริษัทเราก็จะยังร่วมมือกับคุณต่อ แต่แค่โปรเจกต์นี้เท่านั้น ต่อไปถึงจะอยากร่วมมือต่อก็อย่าได้หวังเลย”

คุณนายหวังมองหวังเจียเหยาอย่างสับสนแล้วกล่าวว่า “เฉินเอ๋อร์ ย่ารู้ว่าเธอชอบเจ้าพุดเดิ้ลตัวนี้ เธออยู่บ้านเรามาสามปี ย่ารักมันขนาดไหนเธอก็น่าจะรู้ เอาแบบนี้ดีไหมในสัปดาห์หนึ่งฮัวฮัวอยู่กับเธอห้าวัน แล้วอยู่กับย่าสองวันแบบนี้ดีไหม?”

เย่เฉินรู้ดีว่าคุณนายหวังรักสุนัขตัวนี้มาก หญิงชราไม่มีเพื่อนดังนั้นหล่อนจึงเห็นสุนัขตัวนี้เป็นเหมือนเพื่อน

เย่เฉินพยักหน้า “ได้ คุณบอกราคามาสิ”

“ไม่เอาเงิน ไม่เอาเงิน!” ซูหลานเดินมาพร้อมส่งยิ้ม “คนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นพูดเรื่องเงินอะไรกัน แล้วอีกอย่างคราวก่อนเธอให้กำไลหยกมาราคาตั้งสิบล้าน!”

ซูหลานลำพองใจ ลูกเขยของเธอเป็นเจ้าของของขวัญราคาแพงชิ้นนั้น!

คุณนายหวังมองกำไลหยกที่อยู่บนแขนซ้ายแล้วปลดออกส่งให้เย่เฉิน “เฉินเอ๋อร์ ขอบคุณนะที่ให้ของขวัญย่าราคาแพงขนาดนี้ ฉันที่เป็นย่าที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่คนเป็นย่าควรทำด้วยซ้ำ ย่าไม่คู่ควรจะได้รับของขวัญของหลานเลย เธอเอากลับไปเถอะ!”