เย่เฉินไม่ได้รับกำไลหยกนั้นมา

“ของที่ผมให้แล้วไม่มีทางเอาคืน อีกอย่างผมไม่อยากกินข้าวของพวกคุณฟรีๆ”

สามปีมานี้เย่เฉินได้คนตระกูลหวังเลี้ยงดู เขาไม่อยากจะให้คนครหา

คุณนายหวังพยักหน้าแล้วเก็บกำไลหยกกลับไป

หล่อนชอบกำไลหยกวงนี้มาก เมื่อวานตอนที่รู้ว่าเย่เฉินเป็นคนให้มายังใส่จนหลับไปด้วยความดีใจ

เย่เฉินกอดเจ้าพุดเดิ้ลฮัวฮัวแล้วกล่าว “ไม่มีอะไรล่ะก็ผมขอตัวก่อนนะ”

“เดี๋ยว” หวังเจียเหยารีบเรียกเย่เฉินเอาไว้แล้วกล่าว “ฉันอยากจะขอคุยกับนายตามลำพังหน่อยไม่รบกวนเวลานายนานนักหรอก”

ซูหลานเองก็เดินมาแล้วกล่าว “นั่นสิเย่เฉิน เธอมายังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลย นั่งสักหน่อยเดี๋ยวค่อยไป รีบร้อนไปแล้วมั้ง”

คุณนายหวังเองก็ขอร้องแทนหวังเจียเหยา “เป็นสามีภรรยากันหนึ่งคืนก็ถือว่าผูกพันกันลึกซึ้ง อย่างไรเสียพวกเธอก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาสามปี ถ้าเธอยังไม่ยอมอีก หวังเจียเหยาคงต้องคุกเข่าขอร้องเธอแล้วล่ะ”

เย่เฉินมองหัวเข่าของหวังเจียเหยา เขาไม่อยากจะเห็นหล่อนคุกเข่าอีกจริงๆ

“ก็ได้”

หวังเจียเหยาเดินขึ้นลงบันไดไม่ได้ เย่เฉินจึงลงลิฟต์ไปที่ห้องๆ หนึ่งในชั้นที่สองเป็นเพื่อนหล่อน

เพิ่งเข้าห้องไปเย่เฉินก็พบว่าห้องนี้ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างประณีต แต่สไตล์และบรรยากาศไม่ต่างจากห้องของหวังเจียเหยาที่วิลล่าเขตซินเฉิงมากนัก

เพียงครู่เดียวเย่เฉินคิดว่าตนเองกลับมาที่บ้านที่เขาเคยอาศัยเมื่อสามปีก่อน

“เย่เฉินห้องนี้ไม่มีเก้าอี้ พวกเรานั่งคุยกันบนเตียงแล้วกัน”

หวังเจียเหยานั่งลงบนเตียงก่อน

เย่เฉินไม่ได้นั่งลงข้างอีกฝ่าย “ผมยืนก็ได้”

หวังเจียเหยาไม่บังคับเขา หล่อนก้มหน้าลงเหมือนเด็กมัธยมต้นที่กำลังเขินอาย ขาสองข้างแนบสนิทบิดมือไปมา

น้ำเสียงก็อ่อนหวานอย่างยิ่ง

“เอ่อ เรื่องเมื่อวาน ขอบคุณนะคะ”

หวังเจียเหยาแหงนหน้ามองเย่เฉิน

เย่เฉินพบว่าหวังเจียเหยาในวินาทีนี้เหมือนตอนที่พวกเขาสองคนเพิ่งรู้จักกันไม่มีผิด

หวังเจียเหยาในตอนนั้นยังเป็นแค่นักศึกษา ที่บ้านก็จัดแจงส่งผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งให้มาเป็นสามี ในคืนแต่งงานหล่อนก็พูดจาแบบนี้

และนั่นเป็นท่าทีของหวังเจียเหยาที่เขาชอบที่สุด

นี่แน่นอนว่าเป็นแผนของซ่งหงเย่ที่ให้หวังเจียเหยาแสร้งทำแบบนี้ ซ่งหงเย่เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าช่วงที่เวลาที่สวยงามที่สุดตลอดกาลของความรักก็คือตอนที่มันเพิ่งเริ่มขึ้น ดังนั้นหล่อนต้องให้หวังเจียเหยาทำท่าทางเหมือนตอนที่เพิ่งรู้จักกัน

“ขอบคุณผม?”

เย่เฉินประหลาดใจน้อยๆ เขาเมื่อวานทั้งโหดเหี้ยมไร้น้ำใจแถมปล่อยให้อีกฝ่ายคุกเข่าอยู่กลางสายฝนในสวนที่วิลล่าถึงสองชั่วโมงไม่ได้สนใจอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

หวังเจียเหยาไม่เกลียดเขาแต่ยังขอบคุณเขาเหรอ?

หวังเจียเหยากล่าวเสียงเบา “พยาบาล…บอกฉันหมดแล้วล่ะ”

ตอนพูดประโยคนี้หวังเจียเหยายังดูเขินอายน้อยๆ ด้วย

“อ้อ”

เย่เฉินถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้พยาบาลไม่เชื่อฟังเขาแต่บอกความจริงกับหวังเจียเหยา

ทว่าความจริงที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร

หวังเจียเหยาเป็นลม เย่เฉินถึงอุ้มมาในห้องเพื่อไม่ให้เจ้าหล่อนต้องตากฝน นี่คือเรื่องปกติที่คนทำกัน

อย่าว่าแต่หวังเจียเหยาเป็นถึงอดีตภรรยาของเขาเลย ถึงจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปหรือต่อให้เป็นคนเร่ร่อนเขาก็จะทำแบบนี้

ดังนั้นพยาบาลจะฟังเขาไหม เขาไม่สนใจ

ใครจะรู้หวังเจียเหยากลับพูดว่า “เย่เฉินเมื่อคืนที่นายทำกับฉัน…ฉันไม่โทษนายหรอก”

เย่เฉินนิ่งไป ฟังจากน้ำเสียงของหวังเจียเหยาแล้วเหมือนเขาไปเอาเปรียบหญิงสาวอย่างไรชอบกล

เย่เฉินชักจะเริ่มหัวเสีย “ใช่ เมื่อคืนวานตอนผมเห็นคุณเป็นลม ผมก็เลยอุ้มคุณเข้าวิลล่า ทำไมเหรอ? ผมอุ้มคุณไม่ได้เหรอ? ผมอุ้มคุณแค่นิดเดียวคุณก็โทษผมเหรอไง!”

เย่เฉินโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้วเพราะเมื่อสามปีก่อนหวังเจียเหยาก็ทำแบบนี้กับเขา!

อย่าว่าแต่อุ้มเลย แค่มือยังไม่ให้แตะด้วยซ้ำ!

มีครั้งหนึ่งทั้งสองคนลองขับรถพอร์ชโบราณช่วงปี 80 เป็นรุ่นเกียร์กระปุก

เพราะหวังเจียเหยานั่งค่อนข้างตรงกลาง ตอนที่เย่เฉินแตะเกียร์ ไม่ทันระวังมือไปแตะต้นขาหล่อนเข้า

หวังเจียเหยาโกรธอย่างมาก ด่าเขาอยู่นาน บอกว่าเย่เฉินหน้าไม่อาจฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งหล่อน!

ชีวิตแบบนี้ช่างน่าขับข้องใจจริงๆ!

เป็นสามีภรรยากันแต่ทำไมแตะต้องกันไม่ได้!

คุณปู่ให้เขาแต่งเข้ามาที่นี่เพื่อเป็นเขยไม่ได้ให้มาเป็นคนรับใช้!

ถ้าหากแตะต้องภรรยาตนเองไม่ได้ แล้วการที่เขาอยู่ที่บ้านหลังนี้จะต่างอะไรกับคนรับใช้?

“ไม่เลยๆ อย่าโกรธเลยนะ ที่รัก นายทำอะไรกับฉันก็ได้ ฉันจะโทษนายได้ยังไง?”

หวังเจียเหยารีบไปกอดเขา แต่ถูกเขาผลักออก

“อย่าเรียกผมว่าที่รัก เรียกผมว่าเย่เฉินก็พอ!”

ตอนนี้ขาหญิงสาวได้รับบาดเจ็บ ร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นจึงไม่สามารถเกาะแกะวอแวเขาได้เหมือนเมื่อวานแล้ว

หวังเจียเหยาเองก็รู้สึกว่าตนเองขับข้องใจเช่นกัน “เย่เฉินฉันเกือบจะทำเรื่องผิดกับนายก็จริง แต่นายไม่ได้ทำอะไรผิดเหรอ? นายเป็นคนมีเงินกลับมาหลอกพวกเราบอกว่าตัวเองเป็นยาจก นายหลอกฉันมาสามปีเต็มๆ! ถ้านายบอกความจริงฉันตั้งแต่แรก ฉันคงจะไม่เหลือบแลคนอย่างฟางเชาด้วยซ้ำไป!”

เย่เฉินเองก็รู้ว่าตนเองปกปิดความจริงเอาไว้ถึงสามปี จุดนี้ออกจะไม่ยุติธรรมกับหวังเจียเหยาจริงๆ

เย่เฉินกล่าวว่า “คุณพูดถูก ผมปกปิดความจริงมาสามปี ผมผิดเองเอาแบบนี้แล้วกัน รอคุณหายดีแล้วไปกินข้าวกัน ตอนนั้นผมจะชดเชยให้คุณ”

“ชดเชยเหรอ?”

ในใจหวังเจียเหยาปลื้มปิติอย่างยิ่ง!

ชดเชยอะไรกัน?

เขาจะคืนดีกับหล่อนแล้วใช่ไหม?

เขาจะแต่งงานกับหล่อนอีกรอบใช่ไหม?

สวรรค์ รถมายบัครุ่นลิมิเต็ดคันนั้น วิลล่าพักร้อนที่ภูเก็ตจะกลายเป็นของหล่อนหมดเลยใช่ไหมนะ?

หวังเจียเหยาดึงมือเย่เฉินด้วยความตื่นเต้น “ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไร พรุ่งนี้ก็ได้ พรุ่งนี้พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ!”

เย่เฉินมองขาของหวังเจียเหยาแล้วกล่าว “ก็ได้ พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้”

“จะไปไหน? ร้านบะหมี่กุ๊กไก่ที่นอกเมืองเหรอ?” หวังเจียเหยาถาม

เย่เฉินยิ้มแล้วกล่าว “ผมเป็นประธานบริษัทแล้ว จะพาคุณไปร้านอาหารเล็กๆ ได้ยังไงกัน ไปที่เรือนหลงจิ่งกันเถอะ คุณชอบบรรยากาศที่นั่นมากเลยไม่ใช่เหรอ?”

“ได้ค่ะ!” หวังเจียเหยากล่าวอย่างยินดี

เย่เฉินแกะนิ้วหวังเจียเหยา “ผมควรกลับได้แล้ว”

“ฉันจะไปส่ง”

“ไม่ต้อง พักผ่อนเถอะ”

เย่เฉินอุ้มเจ้าพุดเดิ้ลฮัวฮัวออกจากห้องแล้วเดินลงไปด้านล่าง

“แหม เย่เฉิน คุยไปได้เพียงครู่เดียวทำไมถึงออกมาแล้วล่ะ คุยกันนานๆ หน่อยสิ”

ซูหลานเห็นเย่เฉินลงมาเร็วจึงไม่ใคร่จะพอใจนัก

พวกเขาทั้งบ้านต่างก็หวังว่าเย่เฉินจะนอนกับหวังเจียเหยาสักคืน ยังไงเสียในสายตาคนตระกูลหวังตอนนี้ เย่เฉินลุ่มหลงหวังเจียเหยาอย่างมาก

เย่เฉินกล่าว “ไม่จำเป็นพรุ่งนี้พวกเรานัดกันกินข้าวแล้ว”

พอได้ยินแบบนี้พวกซูหลานก็ดีใจอย่างมาก!

มีพัฒนาการนี่!

คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะยอมไปกินข้าวกับหวังเจียเหยา!

นี่แปลว่าระหว่างพวกเขาสองคนน่าจะยังเป็นไปได้!

หวังหยวนหยวนเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกริษยาอย่างมาก รีบเดินมาแล้วกล่าวว่า “เย่เฉิน ฉันรู้สึกว่าพวกเราก็จะต้องคุยกันตามลำพังบ้างนะ!”

เย่เฉินไม่เปิดโอกาสให้หล่อน “เธอไปเล่นที่อื่นไป”