ตอนที่ 100 : ความหนักแน่นและมั่นใจ
ความหนักแน่นและมั่นใจของหวังเย่านั้นทำให้ฟ่านฉิงเหมยหวั่นไหวไปด้วย
“ผมรับปากเลยว่าเราต้องไม่เป็นอะไร “ หวังเย่าแสดงสีหน้าจริงจังออกมา
ในบรรดามิตินอกที่ถูกค้นพบในโลก มิติไฟถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 50 เพราะระดับอันตรายสูงมาก มีแค่ทหารรับจ้างระดับสูงเท่านั้นที่กล้าเข้าไป ซึ่งพวกนั้นก็ไม่กล้าที่จะทำตัวครึกโครมเมื่ออยู่ในนั้น
แต่หวังเย่าไม่ได้คิดจะไปล่าสัตว์อสูรที่นั่น เขาแค่จะขโมยดอกไม้โลหิตมังกรเพลิง ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา เพราะตือโป๊ยก่ายนั้นสามารถไปที่ไหนก็ได้ ไม่มีใครเหมาะสำหรับส่งไปสังเกตการณ์มากกว่ามันอีกแล้ว
“ก็ได้ ฉันจะเชื่อนายสักครั้งแต่เมื่อไปถึงที่นั่น นายต้องฟังฉัน นายห้ามสร้างปัญหา” ฟ่านฉิงเหมยรู้สึกไม่สบายใจ เธอน่ะอยู่ด้านนอกมาหลายปี ส่วนหวังเย่ายังเด็กอยู่ เขาไม่ได้มีประสบการณ์มากนัก
หวังเย่าพยักหน้าตอบรับ “ได้”
“เอาล่ะ งั้นก็ไปกัน ที่หมายคือมิติไฟ”
ไม่นานหลังจากนั้น การ์ฟิลด์ก็ได้แบกหวังเย่า ส่วนฟ่านฉิงเหมยก็ขี่ม้าของเธอมุ่งหน้าไปทางตะวันตก ซึ่งอยู่ห่างจากภูเขาจันทรคติไม่ไกล
การ์ฟิลด์และม้านั่นรวดเร็วเป็นอย่างมาก ผ่านไปแค่ 1 ชั่วโมง พวกมันก็เดินทางได้ไกลกว่า 300 ไมล์ แม้แต่ภูเขาลูกใหญ่นั้นพวกมันก็วิ่งผ่านมาได้อย่างง่ายดาย
ยังไงซะ การ์ฟิลด์ก็เป็นแมว มันไม่ได้มีไว้เพื่อขี่ ความอึดของมันจึงมีจำกัด ตอนแรกอาจจะดูสบายแต่สุดท้ายความเร็วก็เริ่มลดลง
หวังเย่าเก็บการ์ฟิลด์และขึ้นไปขี่ม้ากับฟ่านฉิงเหมยแทน
“สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” สีหน้าของหวังเย่าดูอึดอัด เพื่อที่จะประหยัดเวลาและเรี่ยวแรงให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็เพื่อความสะดวกในการนั่ง เสี่ยวไป๋ของฟ่านฉิงเหมยจึงต้องใช้พลังเปลี่ยนร่าง จากขนาดตัวที่สูงกว่าสิบเมตรก็หดกลับมาเป็นม้าธรรมดา ๆ หากทั้งสองคนนั่งด้วยกัน มันจะไม่ใกล้กันเกินไปหน่อยหรือ
“นายไม่เป็นไรนะ” ฟ่านฉิงเหมยเองก็อึดอัดเช่นกัน เธอมองไปที่หวังเย่า และลูบผมตัวเองโดยไม่รู้ตัว “ แต่นายมีแฟนอยู่แล้ว เธอน่ะสวยกว่าฉันอีก ฉันเชื่อว่านายจะห้ามใจตัวเองได้ นายคงรู้ว่าอะไรถูกรึผิด”
หวังเย่าไม่ได้คิดอะไรมากและพูดขึ้น “ผมกับจ้าวเมิ่งซีไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันแต่เธอนอนอยู่ในห้องนอน ส่วนผมนอนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น พวกเรายังบริสุทธิ์อยู่”
“หือ ? เป็นแบบนั้นได้ยังไง ? ” ฟ่านฉิงเหมยไม่อยากจะเชื่อ “พวกนายอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน พวกนายกล้าแสดงความรักต่อหน้าคนอื่นแต่กลับไม่คิดจะชิงสุกก่อนห่ามงั้นหรือ ? หวังเย่า อย่าบอกนะว่านายนกเขาไม่แข็ง ? ”
หวังเย่าหน้าแดงและเถียงขึ้นมา “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ผมน่ะแข็งทุกเช้า…เราแค่สนใจเรื่องการฝึกฝน ยังไงซะเราก็ยังเด็กกันอยู่”
“ฉันแค่ล้อนายเล่นน่า นอกจากนี้นกเขาของนายจะใช้การได้รึไม่ มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันไม่ใช่หรือ ? ”
ฟ่านฉิงเหมยดูเผินๆ เหมือนเจ้าหญิงน้ำแข็ง แต่เมื่อสนิทกับเธอก็จะพบว่าความจริงแล้วเธอเป็นคนที่รักอิสระและเปิดเผยเอามาก ๆ
“ถ้านายยังไม่ได้กินเธอก็ดีแล้ว ม้านี่วิ่งได้ 3,000 ไมล์ต่อวัน เราจะไปถึงมิติไฟในวันนี้”
“ก็ดี” หวังเย่ารู้สึกว่าฟ่านฉิงเหมยพูดมีเหตุผล แต่การที่ผู้หญิงพูดแบบนี้ออกมานั้นก็ทำให้หวังเย่าลังเลว่าเธอปลอบใจเขารึเปล่า ?
เมื่อเก็บการ์ฟิลด์เข้ากำไล หวังเย่าก็โดดขึ้นมานั่งอยู่ด้านหลังฟ่านฉิงเหมย ทั้งสองอยู่ชิดกันอย่างมาก และม้านี่ก็ไม่มีอาน มันมีแค่ผ้าปูเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ต่างจากการนั่งบนขนม้าตรง ๆ
“เร่งความเร็ว” ฟ่านฉิงเหมยสั่งการออกมา พร้อมกับม้าที่เร่งความเร็วขึ้นอีก แต่หวังเย่าที่เพิ่งขี่ม้าเป็นครั้งแรกนั้นปรับตัวตามไม่ทัน เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจับมือหวังเย่าเอาไว้ ไม่งั้นหวังเย่าคงตกจากม้าแน่
ฟ่านฉิงเหมยคิ้วขมวดเล็กน้อย เธอจับมือของหวังเย่าและพูดขึ้น “นี่นายขี่ม้าครั้งแรกงั้นหรือ ? ”
“ผมไม่เคยจับม้ามาก่อนด้วยซ้ำ” หวังเย่าตอบกลับด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
“เข้าใจแล้ว” ฟ่านฉิงเหมยแสดงท่าทีผ่อนคลายออกมาและพูดขึ้น “จับฉันไว้แน่น ๆ ก็พอ”
หวังเย่ากางมือออกและจับไปที่เอวของฟ่านฉิงเหมย นิ้วของเขาสั่นเพราะรับรู้ได้ถึงความไออุ่นที่ร้อนออกมาจากเอวบาง ๆ ของเธอ
“จับแน่นขึ้นอีก” ฟ่านฉิงเหมยกุมมือเพื่อให้กอดแน่นกว่าเดิม มันทำให้อกของเขาต้องมาแนบกับหลังของฟ่านฉิงเหมย ความใกล้ชิดนี้เขาถึงกับได้กลิ่นหอมจากตัวของเธอ
หวังเย่าใจสั่น ไม่สิ มันไม่ใช่แค่ใจสั่นแล้วแต่นี่คือใจเต้นรัวราวกับแผ่นดินไหว เลือดในตัวสูบฉีด ถึงเขาจะนั่งอยู่นิ่ง ๆ แต่น้องชายของเขาก็ไม่ได้นิ่งไปด้วย
ฟ่านฉิงเหมยสีหน้าแข็งทื่อไป เธอรู้สึกร้อน ๆ ที่ด้านหลังและมีบางอย่างทิ่มใส่ตัวเธอ ในหัวของเธอมีความคิดแปลก ๆ โผล่ขึ้นมา
“หวังเย่า นายนั่งดี ๆ ” ฟ่านฉิงเหมยสูดหายใจเข้าลึกๆและคิดจะสั่งให้ม้าวิ่งเร็วกว่าเดิม
การที่ม้าวิ่งเร็วกว่าเดิมก็หมายความว่าตัวต้องสัมผัสกันมากขึ้น ทั้งสองกอดกันไว้แน่น หวังเย่าถึงกับบังเอิญไปโดนหน้าอกของเธอด้วย เขารู้สึกได้ถึงความนุ่มผ่านเสื้อผ้าของเธอ
ทั้งสองต่างก็เงียบไม่พูดอะไรออกมา พวกเขาพากันอึดอัดกับบรรยากาศเช่นนี้
เดินทางมาได้ 2 ชั่วโมง หวังเย่าก็คุ้นกับการวิ่งของม้า เขาคิดว่าเขาคงขี่ม้าได้แล้ว
“ลองให้ผมนั่งหน้าหน่อยสิ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะลูบผมของเธอและบังเอิญไปโดนหน้าของเธอ เสียงของเขาดังเข้าไปในหูของเธอราวกับว่าเขากระซิบอยู่ใกล้ ๆ
“ก็ได้” ฟ่านฉิงเหมยตัวอ่อนยวบในทันที เธอรีบไปด้านหลังหวังเย่าและให้หวังเย่ามาขี่ม้าด้านหน้าแทน
หวังเย่ารู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดผ่านหน้าไป เขาไม่ได้ใส่หมวก เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าฟ่านฉิงเหมยเองก็ไม่ได้ใส่หมวกเช่นกัน ใบหน้าที่งดงามของเธอแดงขึ้นมา จมูกเองก็แดงด้วย เขาถึงกับรู้สึกสงสารเธอ
“จับผมไว้แน่น ๆ ผมจะรับลมแทนพี่เอง” หวังเย่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ฟ่านฉิงเหมยกอดหวังเย่าเอาไว้แน่นพร้อมกับซบหน้าลงที่หลังของเขาราวกับเป็นคู่รัก ในหัวของเธอกลับเกิดความคิดแปลก ๆ ขึ้นมา “น่าอายจริง ๆ ทำอย่างกับฉันเป็นแฟนเขา”
หลังจากนั้นเธอก็สลัดความคิดนี้ออกจากหัว “เขามีแฟนอยู่แล้ว ห้ามคิดเกินเลย”
เธอรู้สึกสับสน ตอนนี้มีความคิดสองอย่างกำลังเถียงกันอยู่ในใจของเธอ
ตอนที่ฟ่านฉิงเหมยยังลังเลอยู่นั้น หวังเย่าก็รู้สึกได้ว่าหน้าอกของเธอเสียดสีไปกับหลังของเขา มันทำให้เขาร้อนรุ่มกว่าเดิม แม้ว่าสายลมจะเยือกเย็นแต่เพราะเขาได้ดูดซับหินห้าสีเข้าไปจึงทำให้เลือดสูบฉีดดีขึ้นกว่าเดิม ร่างกายของเขาจึงร้อนขึ้นเรื่อย ๆ