ตอนที่ 101 : จีบ

“ หวังเย่า ทำไมตัวนายถึงได้ร้อนแบบนี้ ?”  ฟ่านฉิงเหมยรู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองก็ร้อนเช่นกัน

หวังเย่าถูกถามแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองที่ฟ่านฉิงเหมย และอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เขารู้สึกว่ามีพลังในตัวเขาที่ไม่อาจจะควบคุมได้กำลังจะระเบิดออกมา

“รุ่นพี่ฟ่าน ผม…”  หวังเย่าไม่ได้พูดต่อเพราะทันใดนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปจูบเธอทันที

ฟ่านฉิงเหมยราวกับโดนฟ้าผ่า ในหัวเธอมีแต่ความว่างเปล่า เธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไง  เธอจำได้แค่ว่าปากของเธอถูกปากของหวังเย่าประกบเอาไว้ ก่อนที่จะมีลิ้นแทรกเข้ามาในปากแล้วพัวพันกับลิ้นของเธอ

พวกเขาจูบกันนานกว่า 3 นาที จนกระทั่งฟ่านฉิงเหมยหายใจไม่ออก หวังเย่าถึงได้ถอนปากกลับมา

เสี่ยวไป๋ยังคงวิ่งต่อไป ตัวของมันกระเพื่อมไปมา หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะประคองฟ่านฉิงเหมยเอาไว้ในอ้อมแขน

ใจของทั้งสองเต้นรัวเพราะอยู่ใกล้กันอย่างมาก ทั้งสองได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย พวกเขาทั้งกังวลและตื่นเต้น

ผ่านไปหลายนาที หวังเย่าถึงได้เปิดปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่ฟ่าน ผมเรียกพี่ว่าเสี่ยวฉิงได้มั้ย ? ”

ฟ่านฉิงเหมยไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เธอได้แต่ก้มหน้ามุดเข้าไปในอ้อมแขนของหวังเย่า

“พี่ฟ่าน ผมรู้ว่าพี่น่ะรักอิสระ อันที่จริงแล้วผมเองก็เหมือนกัน”  หวังเย่าพูดขึ้น  “ผมชอบพี่ และผมก็รู้สึกได้ว่าพี่เองก็ชอบผมด้วย ในเมื่อเราต่างก็รู้สึกดีต่อกัน งั้นก็อย่าสนใจสายตาคนอื่นแล้วมาเป็นแฟนกัน ผมจะปกป้องพี่เอง”

ฟ่านฉิงเหมยได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที เธอทั้งแปลกใจและเขินอาย เธอกัดปากแล้วพูดขึ้นมา  “มันเป็นไปได้จริง ๆ หรือ ? ”

“แน่นอน” หวังเย่าพูดขึ้น

“แล้วจ้าวเมิ่งซีล่ะ  ? นายจะทิ้งเธอรึไง นั่นคือเทพธิดาของทุกคน ถ้านายทิ้งเธอ ฉันจะเชื่อใจนายได้ยังไง  เผื่อว่าวันหนึ่งนายเจอคนที่ดีกว่า นายจะไม่ทิ้งฉันรึไง ? ”

หวังเย่าไม่คิดจะปฏิเสธ เขาเห็นด้วยกับคำพูดของเธอและพยักหน้า “เสี่ยวฉิง เราต่างก็รู้สึกดีต่อกัน ฉันชอบเธอและเธอก็ชอบฉัน แต่ฉัน หวังเย่า เป็นลูกผู้ชายพอ ฉันจะไม่ผิดคำพูด เมิ่งเอ๋อร์คือแฟนฉัน เธอเองก็จะเป็นแฟนฉันด้วย เธอรับได้ไหม ? ”  หวังเย่าน้ำเสียงอ่อนลง

“ฉัน…นายคิดแบบนั้นจริง ๆ หรือ ? ”  ฟ่านฉิงเหมยหวั่นไหวและพูดขึ้น  “ตราบใดที่น้องเมิ่งยอมรับในตัวฉัน งั้นฉันก็คิดว่ามันน่าสนใจ”

 เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงสิ่งที่แม่เธอบอกมาก่อนหน้านี้ก่อนที่จะตาย  “ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จมักจะมีความรักที่จริงใจให้กับผู้หญิงที่เขารัก”

“หวังเย่าน่ะต่างจากคนทั่วไป เขาต้องประสบความสำเร็จในอนาคตแน่ เขาจะดูแลฉันได้ดีแน่ ๆ ”  ฟ่านฉิงเหมยคิดและพูดขึ้นมา  “ไม่ต้องพูดแล้ว กอดฉันไว้ให้แน่น ๆ แล้วไม่ต้องเรียกฉันว่าพี่แล้ว”

หวังเย่าได้ยินแบบนั้นก็รู้แล้วว่าฟ่านฉิงเหมยตกลงเป็นแฟนกับเขา เขาแสดงสีหน้ายินดีออกมาและอดไม่ได้ที่จะกอดเธอไว้แน่น

ตกเย็น หวังเย่าก็เดินทางมาได้กว่า 2,000 ไมล์ ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากมิติไฟแค่ 200 ไมล์เท่านั้น

“เสี่ยวฉิง วันนี้เราคงไปไม่ทัน คาดว่าการที่เสี่ยวไป๋แบกพวกเราสองคนพร้อมกัน คงทำให้ความเร็วของมันลดลง”  หวังเย่าพูดขึ้น

ฟ่านฉิงเหมยหน้าแดงเล็กน้อย ความจริงมันเป็นอย่างที่หวังเย่าพูดซะเมื่อไหร่ เสี่ยวไป๋อยู่ระดับราชา มันสามารถแบกสัมภาระที่หนักกว่า 3-5 ตันได้ง่าย ๆ โดยที่ความเร็วไม่ลดลงเลยด้วยซ้ำ

เหตุผลที่มันเดินทางช้าก็เพราะฟ่านฉิงเหมยจงใจให้มันลดความเร็วลง เพื่อที่เธอจะได้อยู่กับหวังเย่าได้นานขึ้น

“แล้วตอนนี้เราอยู่ไหน ? ”  ฟ่านฉิงเหมยพึมพำออกมา

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะเป็นป่าที่ไหนสักแห่ง”  หวังเย่าปล่อยมือฟ่านฉิงเหมยและกระโดดลงจากม้า ก่อนจะพูดขึ้น  “คืนนี้เราต้องพักกันในถ้ำ”

หวังเย่าได้ใช้ใบมีดลมอีกครั้ง  10 นาทีต่อมาเขาก็ทำการขุดถ้ำที่พอจะจุคนสองคนขึ้นมาได้ เขาได้ก่อกองไฟพร้อมกับใช้หินปิดปากถ้ำเอาไว้

ฟ่านฉิงเหมยโรยเถ้าไว้ด้านนอก ว่ากันว่ามันสามารถกันสัตว์อสูรไม่ให้เข้าใกล้ กลิ่นของเถ้าไม่ได้ส่งผลต่อคนแต่เมื่อสัตว์อสูรได้กลิ่น พวกมันจะรู้สึกอึดอัด

ด้วยความอบอุ่นจากกองไฟ ทั้งสองก็ได้พากันกินข้าวและพูดคุยกันอยู่ด้านในอย่างสบายใจ

“เสี่ยวฉิง เธออยากนอนกับฉันมั้ยคืนนี้ ? ”  หวังเย่าไม่อาจจะกดความต้องการทางร่างกายได้ ร่างกายที่เติบโตอย่างสมบูรณ์ของฟ่านฉิงเหมยนั้นน่าดึงดูดกว่าของจ้าวเมิ่งซีเสียอีก

“ไม่ นายกับเสี่ยวเมิ่งยังไม่ได้มีอะไรกัน ฉันไม่อาจจะแซงหน้าเธอได้ ไม่งั้นมันก็ดูเหมือนว่าฉันเอาเปรียบเธอ” ฟ่านฉิงเหมยตัดสินใจที่จะปฏิเสธ

“งั้นก็มาให้ฉันจูบสักครั้งหน่อย”  หวังเย่าเดินเข้าไปจูบฟ่านฉิงเหมย   “พี่ฟ่าน ฝันดีนะ”

“อย่าเรียกฉันว่าพี่ เรียกฉันว่าฉิงฉิง นี่คือชื่อเล่นของฉัน”

“ได้ ฉิงฉิง ฝันดี”  หวังเย่าเดินเข้าไปในเต็นท์และหัวเราะออกมา

แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้นอนด้วยกัน แต่พวกเขาก็ยังนอนไม่หลับ ยังพูดคุยเรื่องต่าง ๆ แม้จะอยู่คนละเต็นท์ ส่วนมากเป็นหวังเย่าที่ฟังฟ่านฉิงเหมยพูดเรื่องต่าง ๆ ออกมา

เมื่อรู้ว่าเธอตัวคนเดียวในป่าตลอดหลายปีมานี้ เขาก็ยิ่งสงสารเธอขึ้นไปอีกโดยเฉพาะกับการที่ฟ่านฉิงเหมยได้สูญเสียแม่ไปตอนอายุ 10 ปี จากนั้นพ่อของเธอก็หาภรรยาใหม่แทบจะในทันที ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ขาดการดูแลจากพ่อ ตลอดหลายปีมานี้เธอต้องอยู่เพียงลำพัง

หวังเย่าเดินออกจากเต็นท์ตัวเองและมุ่งหน้าไปที่เต็นท์ของฟ่านฉิงเหมย   “ฉิงฉิง ให้ฉันนอนด้วยเถอะ”  หวังเย่าพูดขึ้น

ฟ่านฉิงเหมยไม่ได้ตอบกลับอะไรและให้หวังเย่าเข้ามากอดเธอ แต่ที่หางตาของเธอนั้นมีน้ำตาไหลอออกมา

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองก็ได้หลับไปอย่างสบายใจ

ตอนที่หวังเย่าตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าฟ่านฉิงเหมยนั้นตื่นขึ้นมาก่อนแล้ว เธอมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลก ๆ

หวังเย่าพบว่าตอนนั้นเธอแสดงท่าทีเอียงอายออกมา แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้แก้ผ้าแต่น้องชายของเขาก็ยังตื่นขึ้นมาราวกับหิวโหย

“ทำไมเธอถึงตื่นเช้าแบบนี้ ? ”  หวังเย่าอยากหันเหความสนใจ

ใครจะไปคิดว่าฟ่านฉิงเหมยกลับตอบกลับมาเช่นนี้  “น้องชายนายจิ้มฉัน”

หวังเย่าได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาและยิ้มบาง ๆ “ครั้งหน้าฉันจะระวัง มันอาจจะเชื่อฟังรึดุร้ายไปบ้าง แต่ครั้งหน้าฉันจะนุ่มนวลกว่านี้”