ตอนที่ 102 : มิติไฟ 6 ดาว
“นายนี่คิดแต่จะเอาเปรียบคนอื่นจริง ๆ ” ฟ่านฉิงเหมยพูดขึ้น
“ฉิงฉิงพูดถูก ฉันเอาเปรียบแค่เธอ ฉันไม่คิดทำกับคนอื่นหรอก” หวังเย่าพูดขึ้น
“ฉันไม่ต้องการ” ฟ่านฉิงเหมยพูดขึ้น
….
หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จ เสี่ยวไป๋ก็ได้พาทั้งสองไปยังที่หมายอีกครั้ง
ผ่านไป 1 ชั่วโมงหวังเย่าก็พบพื้นที่ที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำ มันมีเมฆสีแดงขนาดใหญ่อยู่ด้วย และนั้นมันคือทางเข้าของมิติไฟ
ตามขนาดของเมฆแล้ว มิติไฟแห่งนี้เป็นมิติ 6 ดาวที่ใหญ่กว่ามิติที่ภูเขาจานน้อย หวังเย่ายังไม่เข้าไปจึงไม่อาจจะจินตนาการได้ว่าข้างในนั้นใหญ่มากแค่ไหน แต่ตามข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้ว มิติไฟนั้นมีขนาดเท่ากับทวีปเอเชีย
“นี่คือมิติไฟหรือ ? ” ฟ่านฉิงเหมยมองไปที่เมฆด้านหน้าด้วยความตะลึง
หวังเย่ากังวลขึ้นมา ทางเข้านี่สูงจากพื้นไป 300 เมตร ความสามารถในการกระโดดของการ์ฟิลด์นั้นแค่ 200 เมตร แม้ว่าจะกระโดดบนอากาศได้ แต่ก็สูงได้อีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ตอนนั้นเขารู้สึกเสียดายขึ้นมา หากเขาให้อินทรีย์กับโจวอวิ๋นไปแค่ตัวเดียว งั้นเขาก็ไม่ต้องรู้สึกจนปัญญาแบบนี้
ฟ่านฉิงเหมยมองไปที่หวังเย่าด้วยรอยยิ้ม
“ฉิงฉิง เธอมีวิธีอื่นไหม ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“แน่นอน” ฟ่านฉิงเหมยเอาเฮลิคอปเตอร์ลำเล็กออกมาจากกระเป๋ามิติ มันสามารถนั่งได้ 2-3 คน เธอยิ้มออกมา ก่อนจะพูดว่า “ฉันอยู่ในป่ามาหลายปี พอมีเงินเก็บที่จะซื้อพาหนะได้ เพราะว่ากระเป๋ามิติของฉันกว้างแค่ 10 ลูกบาศก์เมตร มันถึงใส่รถยนต์, มอเตอร์ไซค์, เฮลิคอปเตอร์และของอื่น ๆ ได้”
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เขามองไปที่กระเป๋ามิติตัวเองและสาบานกับตัวเองว่าต้องหากระเป๋ามิติที่ใหญ่พอจะใส่บ้านเข้าไปให้ได้
ไม่นานทั้งสองก็ได้บินขึ้นไปที่เมฆนั้น ก่อนจะเข้าไปด้านใน
ครั้งนี้พวกเขาใช้เวลาเดินทางกว่า 2 นาที
“ที่นี่คือมิติไฟหรือ ? ”
สีหน้าของหวังเย่าเปลี่ยนไป เขากับฟ่านฉิงเหมยยืนอยู่ที่เมฆทางออกที่อยู่เหนือพื้นดินขึ้นไปกว่า 100 เมตร บนท้องฟ้านั้นมีนกและสัตว์อสูรมากมายบินอยู่
ในหมู่พวกนั้นมีนกทองที่เลเวล 50-60 ปีกของมันยาวหลายร้อยเมตร
มันมีลูกนกทองอยู่ด้วย ปีกของมันส่องประกายสีทองออกมา สายตาของมันเย็นชา ตัวมันใหญ่อย่างกับเนินเขา
มันยังมีมังกรระดับสวรรค์อยู่หลายตัวด้วย รวมไปถึงนกลม, นกไฟที่อยู่ระดับสวรรค์ ส่วนที่โดดเด่นที่สุดคือกรงเล็บของมันที่คมกริบ
….
เมื่อกลับมาที่พื้นก็พบว่ามีสันขนาดใหญ่ยืดยาวไปหลายหมื่นไมล์ มันมีภูเขาลูกเล็กอยู่นับไม่ถ้วน
ภูเขาหลายลูกมีควันปะทุออกมา บางครั้งมันถึงกับมีลาวาถูกพ่นออกมาซึ่งทำท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันดำ ราวกับสัตว์อสูรขนาดใหญ่อ้าปากของมันอยู่
รอบ ๆ ภูเขานี้ไม่มีต้นไม้อยู่มากนัก พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยลาวาที่เย็นตัวลง
สัตว์อสูรหลายตัวได้ยึดครองอาณาเขตเอาไว้ มันวิ่งไปมาตามภูเขาต่าง ๆ ราวกับราชาเพื่อดูแลอาณาเขตของตัวเอง
หวังเย่ามองไปรอบ ๆ เขาก็เห็นสิงโตทอง, เสือหลากสีหรือแม้แต่งูยักษ์ที่ตัวใหญ่อย่างกับภูเขาด้วย
แน่นอนว่ามันมีมังกรอยู่
มังกรเพลิงคือมังกรที่แท้จริง มันคือมังกรที่คล้ายกับตำนานของจีน มันมีตัวคล้ายกับงู, มีสองเขา มันไม่ได้มีรูปร่างเหมือนกับมังกรทางตะวันตก
มังกรนี้ตัวยาวกว่า 100 ฟุต และมันบินสูงไปบนภูเขาไฟที่สูงกว่า 3,000 ฟุต มันคือผู้สร้างที่ทำให้เกิดสันเขาที่นี่ขึ้นมา
หวังเย่าและฟ่านฉิงเหมยมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปสนใจมังกรไฟขนาดใหญ่เข้า ตัวของมันแดงก่ำและสะท้อนแสง สายตาของมันสอดส่องไปทั่วอาณาเขตของมันด้วยความเย็นชาราวกับมั่นใจตัวเอง
“ฉิงฉิง เราโชคดีที่ได้พบกับมังกรไฟทันทีที่เข้ามา” หวังเย่ายิ้มออกมา
ฟ่านฉิงเหมยเองก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี ยังไงซะมิติไฟนี้ก็ใหญ่พอ ๆ กับทวีปเอเชีย มันยาวและกว้างหลายแสนไมล์ หากต้องค้นหาทุกพื้นที่แล้ว ก็อาจจะใช้เวลาเป็นสิบ ๆ ปีกว่าจะเจอมังกรไฟ
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ ? ” ฟ่านฉิงเหมยถามขึ้นมา
แม้ว่าจะพบกับมังกรแล้วแต่ก็ยังอยู่ห่างจากมันอย่างน้อย 100 ไมล์ มันมีภูเขาหลายลูกอยู่คั่นกลางอยู่
ทั้งสองไม่อาจจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินไปได้ เพราะท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยสัตว์อสูรและคืออาณาเขตของพวกมัน หากต้องการจะขึ้นไปยังยอดภูเขาไฟแล้วก็ได้แต่เดินไปเท่านั้น “
“เดินทางกันได้แล้ว และระวังตัวด้วย” ทั้งสองได้เดินทางเข้าไปในหุบเขาทันที
เมื่อไม่ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ทั้งสองก็ต้องงมทิศทางกันเอาเอง หวังเย่าได้เรียกตือโป๊ยก่ายและการ์ฟิลด์ออกมานำหน้า
การ์ฟิลด์ได้เปลี่ยนร่างให้ยาวกว่า 80 เซนติเมตร ตัวของมันเล็กและว่องไว มันมีความสามารถในการร่อนที่สูงอยู่ด้วย
ตือโป๊ยก่ายเองก็โดดเด่น มันเป็นตัวตนที่เหมือนกับควัน มันสามารถดูดซับแสงเข้ามาในตัวเพื่อใช้งานการหายตัวเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ความสามารถในการขโมยเงานั้นสามารถทำให้มันเปลี่ยนเป็นเงาและไปที่ไหนก็ได้
ทันทีที่ตือโป๊ยก่ายถูกปล่อยออกมา มันก็ได้กลายเป็นเงาของหวังเย่า ก่อนจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อสำรวจเส้นทางข้างหน้า
การ์ฟิลด์ระวังด้านหลัง
“ไปกันเถอะ” หวังเย่าพูดขึ้น
ฟ่านฉิงเหมยมองไปที่เงาบนพื้นด้วยความแปลกใจ “หวังเย่า นี่อะไรกัน ? ”
“นี่คือหนึ่งในอสูรของฉัน ตัวมันเหมือนกับควัน ครั้งนี้เราจะทำสำเร็จหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับมัน” หวังเย่าตอบกลับ