ตอนที่ 103 : เฉี่ยนเจินเฉียน
“น่าเหลือเชื่อที่มีตัวตนที่แปลกประหลาดแบบนี้อยู่ในโลก” ฟ่านฉิงเหมยทึ่ง จากนั้นเธอก็ถามขึ้นมา “นายได้มันมาได้ยังไง มันอยู่ระดับไหน ? ”
หวังเย่าเห็นว่าเธอสงสัย เขาจึงเล่าว่าได้มันมาอย่างไร รวมไปถึงการที่เขาตามสกังค์เข้าไปในสุสาน และพบทางเข้าเขตลับในสุสานด้วย
“น่าทึ่งจริง ๆ นายนี่โชคดีจริงๆ ” ฟ่านฉิงเหมยได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอ้าปากค้าง
หวังเย่าหัวเราะออกมา “ฉันแค่คนที่มีความทะเยอทะยาน ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายหากสำรวจต่อไป”
นี่คือความจริง แม้แต่เขาก็เชื่อแบบนั้น ด้วยการที่มีระบบอยู่ด้วย ตราบใดที่มีเวลามากพอและไม่ตายไปซะก่อน งั้นอนาคตของเขาก็ต้องสดใส
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดมากแล้ว” ฟ่านฉิงเหมยกรอกตาใส่
ทั้งสองคนพูดหวานกันอยู่ได้ไม่นานก่อนจะกลับมาพูดคุยปกติดังเดิม
“นายต้องระวังตัวด้วย ฉันจะรอนายกลับมา” ฟ่านฉิงเหมยจูบเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
หวังเย่าพยักหน้าก่อนจะเดินหน้าต่อ
เขาต้องไปขโมยดอกไม้โลหิตมังกรเพลิง การกระทำนี้อันตรายเป็นอย่างมาก หวังเย่าไม่อาจจะให้ฟ่านฉิงเหมยตามมาได้ เพราะเธอช่วยอะไรได้ไม่มากและมีแต่จะเป็นตัวถ่วง
เมื่อวิ่งเข้ามาในป่าก็พบว่าต้นไม้โบราณที่นี่บดบังแสงสว่างส่วนมาก ทำให้ป่าค่อนข้างมืด หวังเย่าใช้เวลาไม่นานก็ปรับตัวได้
มันมีสัตว์อสูรอยู่ในป่านี้ด้วย มีสัตว์อสูรอยู่มากมายรวมถึงเป็นสัตว์อสูรที่รูปร่างแปลกประหลาด สกิลของมันเองก็แปลกมากเช่นกัน
เช่นแมงมุมเข็ม ร่างของมันเล็กเท่ากับเข็มแต่มีพิษถึงตาย แน่นอนว่าหวังเย่าไม่ได้สนใจอะไรมัน ในเมื่อเขาสวมชุดที่ดีและมีสกิลร่างคิงคองของหงอคงด้วย ดังนั้นเข็มพิษของแมงมุมจะแทงทะลุชุดและร่างกายของเขาได้ยังไง ? มันเป็นไปไม่ได้
มันยังมีแมลงแปลก ๆ อย่างหนอนหญ้าเหมันต์ ส่วนล่างของมันเป็นแมลงขนาดเท่ากับกระท่อม ส่วนบนนั้นเป็นป่า กิ่งไม้พวกนั้นเคลื่อนไหวไปมาได้ราวกับใช้เป็นอาวุธ
มันยังมีหมาป่าเงิน, ค้างคาวมังกร, จิ้งจอกสองหัว ในหมู่พวกนี้มีเสือสามตาอยู่ด้วย มันสามารถยิงพลังงานออกมาจากตาของมันได้
หวังเย่าไม่ได้เดินทางเร็วนัก เขาเดินอยู่ในป่าโดยมีอสูรทั้งสองคอยระวังให้ซึ่งทำให้เขาหลีกเลี่ยงจากสัตว์อสูรที่น่ากลัวได้
หลังจากที่เดินทางได้ 1 ชั่วโมง หวังเย่าก็มาถึงแม่น้ำซึ่งเขาได้เห็นก่อนตั้งแต่ตอนที่อยู่ทางออกแล้ว รูปร่างของแม่น้ำนี้ราวกับมังกรที่ขดตัวไปมายาวหลายพันไมล์
หวังเย่าหยุดอยู่ที่แม่น้ำและคิดหาทางจะข้ามแม่น้ำนี้ ในแม่น้ำนี้มีปลาขนาดใหญ่ มันเป็นสัตว์ที่ดุร้าย หวังเย่าไม่สงสัยเลยว่าหากเขาลงไปในน้ำ เขาคงไม่เหลือแม้แต่กระดูก
“คงต้องอ้อมไปอย่างเดียว” เขาไม่มีทางอื่น เขาได้แต่ต้องขึ้นไปที่ต้นน้ำ เมื่อเดินมาประมาณ 7-8 ไมล์ เขาก็ตาเป็นประกายขึ้นมา เขาได้พบกับมนุษย์อยู่ตรงหน้าเขา
“ชุดระดับ SS งั้นหรือ ?” หวังเย่าทึ่ง อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดระดับ SS เขามีมีดสีแดงสะท้อนแสงพร้อมกับรองเท้าที่ดูเหมือนจะทำด้วยเหล็กอัลลอยที่เตะหินแตกได้
“บังเอิญได้พบกับคนที่แข็งแกร่งเข้าแล้ว” หวังเย่าคิดกับตัวเอง เขาราวกับได้กลิ่นเงินจากตัวอีกฝ่าย
“ เขาเป็นใครกัน ? ” หวังเย่ายังไม่เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย เขาอยู่ห่างออกมา 500 เมตร ไม่นานเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมามองที่เขา หวังเย่าจึงเดินเข้าไปหา
“สวัสดี ขอถามอะไรหน่อยได้รึเปล่า ? ” หวังเย่าเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเป็นมิตร
ผลก็คือชายวัยกลางคนกลับดึงลูกธนูออกมา ก่อนจะยิงใส่เขา
หวังเย่าอึ้ง ชายคนนี้เป็นคนด้วยกันแท้ ๆ แต่กลับไม่คิดจะพูดคุยและจะฆ่าเขาอย่างเดียว
เขาได้กระโดดขึ้นสูงกว่า 100 เมตรขึ้นไปบนกิ่งไม้ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างและพบว่าตำแหน่งที่เขากระโดดมาก่อนหน้านี้มีเสือดาวเลเวล 44 นอนแน่นิ่งอยู่
มันตายแล้ว ชายวัยกลางคนได้ยิงธนูเข้าใส่มัน
หวังเย่ารู้ว่าเขาเข้าใจผิดไป เขาจึงกระโดดลงมาและมองไปที่อีกฝ่ายด้วยท่าทีเก้อเขินพร้อมกับขอโทษออกมา “ขอบคุณที่ช่วยผม”
เขาเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนเหมือนกันจึงลดความระวังลง เสือดาวนี่เก่งในเรื่องการซ่อนตัว โชคดีที่ชายวัยกลางคนนี้สายตาว่องไวพอ
แต่หวังเย่าเองก็รู้ว่าถึงเขาจะโดนโจมตี แต่ก็คงไม่บาดเจ็บหนักนักเพราะร่างคิงคองของเขาไม่ได้มีดีแค่ชื่อ
“ไม่เป็นไร” ชายวัยกลางคนหันไปมองหวังเย่าและพูดขึ้น
หวังเย่าเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายและพูดขึ้น “ผมถามหน่อย คุณเป็นผู้ตรวจสอบใช่มั้ย ? ”
เขาเห็นว่าตราของชายวัยกลางคนมีตราสีทองอยู่ เขาเป็นผู้ตรวจสอบ 4 ดาว เขารู้มาจากหลี่ว่านเฟิงและได้ลองค้นหาข้อมูลนี้ จากนั้นเมื่อได้เข้าร่วมสาขาตรวจสอบแล้วเขาก็รู้เกี่ยวกับผู้ตรวจสอบมากขึ้น
ชายวัยกลางคนมองไปที่หวังเย่า ก่อนจะพยักหน้าและพูดขึ้น “ใช่ เด็กอย่างนายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นผู้ตรวจสอบ ? นายไม่ได้มีตราผู้ตรวจสอบนี่”
หวังเย่ารีบตอบกลับ “ ผมรู้จักผู้ตรวจสอบ 4 ดาวคนหนึ่ง และผมเองก็เป็นนักศึกษาสาขาตรวจสอบของมหาวิทยาลัยหัวเซี่ย”
“แบบนี้นี่เอง” ชายวัยกลางคนกระจ่าง จากนั้นเขาก็ได้ถามหวังเย่าด้วยความสนใจ “นายบอกว่ารู้จักผู้ตรวจสอบ 4 ดาว นายบอกชื่อได้มั้ย ? บางทีฉันอาจจะรู้จัก”
หวังเย่าส่ายหน้า “คุณไม่น่าจะรู้จัก ผมเป็นคนจากเมืองอรุณ ผู้ตรวจสอบคนนั้นประจำอยู่ที่เมืองอรุณ เขาชื่อ หลี่ว่านเฟิง”
“ฮ่าฮ่า นายเข้าใจผิดแล้ว หลี่ว่านเฟิงน่ะฉันรู้จัก นายอาจจะไม่เชื่อแต่ฉันกับเขาเคยเรียนด้วยกัน ฉันแก่กว่าเขา 2 ปี ฉันไม่คิดเลยว่าผ่านมา 20 ปีเขาจะกลายเป็นผู้ตรวจสอบ 4 ดาวแล้ว”
ชายวัยกลางคนที่ดูเย็นชากลับหัวเราะออกมา รอยยิ้มของเขาเหมือนจะเป็นมิตรอย่างมาก
หวังเย่าเองก็คิดไม่ถึง เขารีบถามขึ้นมา “ผมชื่อหวังเย่า ตั้งแต่ที่พ่อแม่ตายไปแล้ว ลุงหลี่ก็กลายเป็นผู้ปกครองของผม ผมขอถามทีว่าคุณชื่ออะไร ? ”
“นายเรียกฉันว่าเฉี่ยนเจินเฉียนก็ได้”