ส่วนที่ 5 ระบบพลิกบทนางรอง ตอนที่ 7 ระบบพลิกบทนางรอง (7)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ยามฟ้าสางประตูเมืองฐานชังหยาค่อยๆ แง้มออก กลุ่มผู้มีพลังพิเศษกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ามารับภารกิจแต่เช้า พากันเบียดเสียดออกทางประตูข้าง ผู้คนที่รอนอกประตูมาหนึ่งคืนมองคนในฐานอย่างเคารพยำเกรง แววตาเปี่ยมความปรารถนาและอิจฉา… 

 

 

วันนี้กลุ่มเล็กของฉู่เฟยหยางก็มารับภารกิจออกไปเหมือนปกติ ตอนเดินออกนอกประตูฉู่เฟยหยางก็ชะงักฝีก้าว เขาเห็นเงาของหลี่เทาในกลุ่มผู้มีพลังพิเศษที่กำลังต่อแถวเข้าเมือง 

 

 

เทียบกับเมื่อวานแล้ว วันนี้อารมณ์เขาสงบขึ้นเป็นกอง 

 

 

หรือว่า… 

 

 

ฉู่เฟยหยางจ้องตาค้าง เขาสังเกตเห็นข้างกายหลี่เทาไร้เงาบุตรและภรรยา กลับกันมีเด็กชายอายุราวๆ แปดเก้าขวบยืนอยู่หลังหลี่เทา เหมือนจะเข้าเมืองกับเขา 

 

 

สมัยนี้คนที่ทอดทิ้งบุตรภรรยาไม่เป็นที่เกลียดชังเหมือนแต่ก่อน ตรงกันข้ามสามารถตัดใจอย่างเด็ดขาด ทำใจฆ่าญาติพี่น้องที่ติดเชื้อด้วยมือตัวเอง กลับกลายเป็นวีรบุรุษในดวงใจของทุกคน 

 

 

ฉู่เฟยหยางเก็บสายตาไม่ไปสังเกตการเคลื่อนไหวของหลี่เทาอีก 

 

 

เขาไม่มีอารมณ์ยุ่งเรื่องชาวบ้าน ขณะเดียวกันเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นว่าถูกหรือผิด เพราะเขาเองก็เคยทอดทิ้งภรรยาอ่อนแอ…อันเป็นที่รัก 

 

 

เมื่อหันหลังกลับ เห็นซูเหยียนตามติดอยู่ข้างหลัง ในใจฉู่เฟยหยางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ฉันผิดต่อเธอ แต่ว่า…เธอวางใจ! ฉันจะช่วยเธอดูแลคนสนิทชองเธอเพียงหนึ่งเดียวให้ดี คราวนี้ไม่มีทาง…ทอดทิ้งเธออีก 

 

 

ฉู่เฟยหยางพาคนออกไปเงียบๆ  

 

 

เขาไม่ทันสังเกตซูเหยียนที่เดินตามหลังเขาตลอด ตอนจากไปเธอหันกลับมองหลี่เทาที่กำลังยืนอยู่แวบหนึ่ง… 

 

 

ด้านหลังหลี่เทามีเด็กผู้ชายหน้าตาดียืนอยู่เงียบๆ ถึงจะอยู่ในยุคโลกาวินาศที่สถานการณ์อันตราย แต่เด็กผู้ชายคนนั้นดูสะอาดสะอ้าน เรียบเฉยอย่างยิ่ง 

 

 

ตอนนี้พลังควบคุมพืชของซูเหยียนยังไม่ตื่นขึ้น แต่เธอกลับมีแรงดึงดูดต่อบรรดาพืชให้เป็นมิตรตั้งแต่เกิด 

 

 

เมื่อครู่แค่ชำเลืองมองปราดเดียว ซูเหยียนก็สัมผัสถึงกลิ่นอายความคุ้นเคยบนตัวเด็กผู้ชายคนนั้น 

 

 

กลิ่นอายแบบนั้นเหมือนกับกลิ่นอายบนตัวพี่สาวเธอ แต่ว่า…พี่เขยบอกว่าพี่สาวตายไปแล้วแท้ๆ… 

 

 

ซูเหยียนหันหน้ากลับเดินตามหลังฉู่เฟยหยาง ลูกตาที่ใสสะอาดจ้องมองเบื้องหลังชายตรงหน้า จู่ๆ แววตากลับเปลี่ยนแปลงซับซ้อน… 

 

 

“ผมชื่อหลี่เทา อายุสามสิบสองปี พลังพิเศษ สายวารีระดับสอง!” 

 

 

ยามนี้ หลี่เทาถึงจุดลงทะเบียนหน้าประตูเมืองแล้ว หลังแสดงพลังพิเศษสายวารีของตนให้ผู้ตรวจสอบดู หลี่เทาก็ได้รับหมายเลขลำดับเข้าเมืองเรียบร้อย เยี่ยนอวี่ที่คอยตามหลังหลี่เทาไม่ได้เปิดเผยพลังพิเศษของตัวเอง หลี่เทากลับพูดว่าเขาเป็นหลานชายตน กลายเป็นคนในครอบครัวของผู้มีพลังพิเศษเข้าฐานชังหยากับหลี่เทาอย่างราบรื่น… 

 

 

สามสิบลี้นอกฐานชังหยา พื้นที่ที่ถูกยึดครอง 

 

 

จางย่าเหมยน้ำตานองหน้ามองลูกชายตนวิ่งไปวิ่งมาในดงซอมบี้ สถานที่เต็มไปด้วยเสียง “แฮ่~แฮ่~แฮ่” ดังระงม ในสายตาคนอื่นกลายเป็นซอมบี้เท่ากับสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ความเป็นคน 

 

 

แต่ในฐานะแม่ จางย่าเหมยกลับยอมให้ลูกชายมีชีวิตต่อไปในสภาพนี้ ยิ่งไปกว่านั้น… 

 

 

เขาไม่มีวันเป็นแบบนี้ตลอดไป สักวันหนึ่งเขาต้องกลายเป็นเหมือนซอมบี้สองตัวข้างกายนายน้อย มีสติสัมปชัญญะ และเปิดปากพูดได้ 

 

 

ยามนี้ ‘ซอมบี้’ สองตัวที่ถูกเอ่ยว่าเป็นตัวอย่างกำลังง่วนอยู่กับการพลอดรัก… 

 

 

ซูรุ่ย “เสี่ยวหว่าน คุณดูสภาพซอมบี้ของผมตอนนี้สิ เข้าคู่กับคุณดีเนอะ” 

 

 

ซูหว่าน ‘อุบาทว์ชะมัด ฉันน่าเกลียดขนาดนี้เลยเหรอ’ 

 

 

ซูรุ่ย “ในใจผมเสี่ยวหว่านสวยที่สุดแล้ว มาๆ ไม่เชื่อผมจุ๊บที! จุ๊บทีเดียวเอง!” 

 

 

ซูหว่าน ‘ไปตายซะ~’ 

 

 

โครม! 

 

 

ดอกเตอร์ผู้น่าเวทนาถูกซอมบี้สาวป่าเถื่อนซัดแขนเข้าดงซอมบี้ที่อยู่ไม่ไกล~ 

 

 

เห็นซูรุ่ยกลิ้งหลุนๆ บนพื้น เพราะอุปกรณ์ปลอมตัวรกรุงรังเต็มตัวทำให้ตอนเขาพลิกไปพลิกมาเสียแรงมาก เห็นสภาพน่าอับอายของเขาเป็นครั้งแรก ซูหว่านที่อยู่ข้างๆ อดขำไม่ได้ 

 

 

ถึงสภาพเธอตอนนี้จะยังเป็นซอมบี้สาว แต่เมื่อเผยรอยยิ้ม แววตาของเธอช่างอ่อนโยนใสบริสุทธิ์ 

 

 

เหลือบเห็นรอยยิ้มของซูหว่าน ซูรุ่ยจึงแกล้งตายบนพื้น ดวงตาจับจ้องซูหว่านไม่กะพริบ ทำท่าทางน่าสงสารเหมือนถูกภรรยากลั่นแกล้ง…  

 

 

‘ดอกเตอร์แอลศักดิ์ศรีของนายอยู่ที่ไหน’ 

 

 

เห็นหน้าเขาบอกบุญไม่รับ ซูหว่านก็อดก้าวไปยืนข้างหน้าซูรุ่ยไม่ได้ เธอค่อยๆ โน้มเอวยกมือราวกับจับไก่ ดึงร่างสูงโปร่งของซูรุ่ยขึ้นมาในคราวเดียว 

 

 

‘เอาล่ะ เลิกเล่นได้แล้ว นายไปดูหลี่เสี่ยงน้อย ฉันไปดูดซึมแกนผลึกตรงนู้นก่อน’ 

 

 

สื่อสารทางจิตกับซูรุ่ยไม่กี่คำ ซูหว่านก็หันหลังเดินไปที่พักชั่วคราวที่อยู่ไม่ไกล ที่นี่เป็นสถานที่ปักหลักชั่วคราวของพวกเขา ตั้งอยู่ด้านในสุดของพื้นที่ที่ถูกยึดครอง มีผู้มีพลังพิเศษน้อยคนจะมาที่นี่ ซูหว่านสามารถดูดซึมแกนผลึกที่นี่ได้อย่างสบายใจ ไม่นานเธอก็จะเลื่อนขั้นเป็นซอมบี้ระดับสามแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ตัวเองจะกลายพันธุ์สำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับคราวนี้แล้ว! 

 

 

เห็นซูหว่านไปดูดซึมแกนผลึก ซูรุ่ยจำใจต้องไปข้างๆ มองหลี่เสี่ยงน้อยจากไกลๆ เมื่อวานตอนเย็นเยี่ยนอวี่กรอกยาหลี่เสี่ยงน้อยไปหนึ่งขวด เป็นไวรัสซอมบี้ที่ศึกษาและทำการผลิตล่าสุดในห้องทดลอง ไวรัสชนิดนี้หากติดเชื้อเข้าจะกลายเป็นซอมบี้เหมือนเดิม แต่จะรักษาอารมณ์และความรู้สึกพื้นฐานเอาไว้  

 

 

ดังนั้นหลี่เสี่ยงน้อยตอนนี้ยังออกเตร็ดเตร่ไปทั่วเหมือนเด็ก เมื่อเผชิญหน้ากับแม่ของตัวเอง เขาก็มีความรู้สึกพึ่งพาตามธรรมชาติ ดังนั้นเขาไม่มีทางไปทำร้ายจางย่าเหมย 

 

 

อันที่จริงซูรุ่ยมีความเห็น อยากฉีดไวรัสให้จางย่าเหมยเลย แต่เธอคนนั้นเธอกลับปฏิเสธ 

 

 

เธอไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง เธอเพียงแค่เป็นห่วงถ้าตัวเองต่อต้านไวรัสล้มเหลว กลายเป็นซอมบี้ที่ไร้สติสัมปชัญญะ เธอจะไม่อาจเห็นลูกตัวเองอีก และก็จะไม่อาจปกป้องลูกตัวเอง 

 

 

นี่ก็คือความรักของแม่ ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก 

 

 

“ขอบใจมากนะ” 

 

 

เห็นซูรุ่ยยืนอยู่ข้างตัว จางย่าเหมยอดไม่ได้ที่จะกล่าวขอบคุณอีกครั้ง เมื่อคืนพวกเขาสามคนคงจบชีวิตกันหมดแล้ว แต่เพราะมีพวกซูหว่านถึงเปลี่ยนโชคชะตาทั้งครอบครัว  

 

 

จางย่าเหมยเป็นคนธรรมดาซื่อสัตย์จริงใจ เธอเหมือนกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ชีวิตนี้ไม่เคยอยู่อย่างผิดวิสัย เมื่อมาถึงยุคโลกาวินาศ ทำให้จิตใจเธอพังทลาย 

 

 

อาการติดเชื้อของลูกชายหลี่เสี่ยงเป็นเหมือนฟางข้าวเส้นสุดท้ายที่ทับอูฐตาย เมื่อคืนวานจางย่าเหมยสิ้นหวังแล้วจริงๆ  

 

 

แต่ยามเธอสิ้นหวังถึงที่สุด สวรรค์กลับประทานความหวังใหม่มาให้เธอ… 

 

 

“นี่เป็นยาตัวใหม่ล่าสุด ทำให้ผู้ติดเชื้อมีความเป็นไปได้สูงที่จะรักษาจิตสำนึกของมนุษย์!” 

 

 

“พวกคุณยินดีจงรักภักดี ตามฉันไปสร้างโลกใบใหม่หรือเปล่า” 

 

 

คนที่ไม่เคยสิ้นหวังอย่างแท้จริง ไม่มีทางเข้าใจทางรอดสถานการณ์เลวร้าย 

 

 

ในยุคโลกาวินาศอันโหดร้าย ปุถุชนคนธรรมดายังคงเป็นคนกลุ่มใหญ่และกลุ่มคนอ่อนแอที่สุด พวกเขาตะเกียกตะกายในดงซอมบี้ ผู้มีพลังพิเศษมองพวกเขาเป็นภาระ พวกเขาต้องทำทุกวิถีทาง ทิ้งเกียรติยศ ความภาคภูมิ บางครั้งถึงขนาดต้องขายวิญญาณและร่างกาย ทอดทิ้งทุกอย่างเพียงเพื่อแลกโอกาสยืดลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกไป 

 

 

จางย่าเหมยไม่เข้าใจ ทำไมโลกใบนี้ถึงเปลี่ยนเป็นอย่างนี้ 

 

 

บรรดาผู้มีพลังพิเศษที่สูงส่ง เมื่อก่อนพวกเขาก็เคยเป็นหนึ่งในคนธรรมดาไม่ใช่เหรอ 

 

 

พวกเขาพูดครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเพื่อโลกใบใหม่ เพื่ออนาคตของมนุษย์ ต่อให้พวกเขาพยายามตระเวนเสียสละเลือดเนื้อแค่ไหน แต่ว่าพวกเขาเคยหันกลับไปมองดูคนธรรมดาที่ถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าของพวกเขาบ้างหรือไม่ ว่าต้องใช้ชีวิตอย่างไร 

 

 

ความจริงผู้มีพลังพิเศษก็ดี ซอมบี้กลายพันธุ์ก็ช่าง เมื่อนานมาแล้วพวกเขาล้วนเป็นมนุษย์เช่นกัน 

 

 

อย่างนั้นต่อไปไม่ว่าใครปกครอง สำหรับคนทั่วไปจะแตกต่างอะไร 

 

 

จางย่าเหมยทอดถอนใจ พูดกับซูรุ่ยอย่างซาบซึ้งและเคารพยำเกรง “ต่อไป…เสี่ยวเสี่ยงเขาจะเปิดปากพูดได้เหมือนคุณไหม” 

 

 

จางย่าเหมยเรียกร้องไม่มาก เธอแค่อยากได้ยินลูกเรียกตัวเองว่า ‘แม่’ อีกครั้ง 

 

 

ซูรุ่ยที่อยู่ข้างๆ มองจางย่าเหมยแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเย็นชา 

 

 

ผู้หญิงอายุสามสิบต้นๆ ผ่านชีวิตยากลำบากในยุคโลกาวินาศอย่างโชกโชน ตอนนี้ดูไม่อ่อนวัย ไม่สวยอีกแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้กลับทำให้ซูรุ่ยรู้สึกถึงความจริงใจและอบอุ่น 

 

 

นี่สินะที่เรียกว่าแม่ 

 

 

“ลูกชายของคุณ…เขาไม่เพียงจะกลับมาเหมือนคนปกติ ต่อไป…เขาจะเข้มแข็ง เข้มแข็งขนาดที่ปกป้องคุณ ปกป้องครอบครัวคุณได้” 

 

 

ซูรุ่ยมองออกว่าหลี่เสี่ยงน้อยเป็นเด็กฉลาด อีกอย่างอายุอานามเขาเหมาะสมจะเรียนรู้ทักษะทุกอย่าง  

 

 

ตอนนี้จางย่าเหมยยังไม่รู้ว่าในใจซูรุ่ยคิดอยากรับหลี่เสี่ยงน้อยเป็นศิษย์ เธอได้ยินคำพูดของซูรุ่ยก็คิดไปว่าเขาปลอบประโลมตน จนกระทั่งหลายปีต่อมา เมื่อลูกชายตัวเองยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ จางย่าเหมยยังไม่อาจลืมผืนป่าตอนนั้น รวมถึงสามีภรรยา ‘ซอมบี้’ ที่ชอบพลอดรักกันในป่าผืนนั้น 

 

 

เคยมีคนพูด โลกาวินาศเป็นโลกที่โหดร้ายสิ้นหวังที่สุด ขณะเดียวกันมันก็เป็นโลกอันงดงาม… 

 

 

เพราะในโลกใบนี้ มักมีปาฏิหาริย์อันงดงามบังเกิดขึ้นอยู่เสมอ!