ส่วนที่ 5 ระบบพลิกบทนางรอง ตอนที่ 8 ระบบพลิกบทนางรอง (8)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

สายลมพัดโชย ผืนป่ามืดครึม 

 

 

ซูรุ่ยยังคงสวมชุด ‘ซอมบี้’ พะรุงพะรังปลอมตัว ขณะที่จางย่าเหมยกล่อมให้หลี่เสี่ยงน้อยเข้านอน 

 

 

ซูรุ่ยคอยคุ้มกันซูหว่านอยู่ใกล้ๆ เขารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของซูหว่านกำลังมาถึงจุดคอขวด พลังวิญญาณเข้มข้นนั่นต้องการจะทะลวงระดับแต่กลับหาจุดวิกฤตนั่นไม่เจอ! 

 

 

เธอจะได้เลื่อนขั้นในคืนนี้ แต่จะกลายพันธุ์หรือไม่ ไม่มีใครรู้ 

 

 

ร่างของซูหว่านเปล่งประกายแสงสีเขียวอ่อนๆ ดูลึกลับ อาบคลุมไปด้วยแสงสีเขียว ร่างที่เดิมทีสูงใหญ่ของเธอตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นใกล้เคียงกับร่างของมนุษย์ทั่วไป 

 

 

แสงสว่างคลุมเครือ แต่ก็เห็นรูปร่างสมส่วนของเธอได้เลือนราง 

 

 

ซูรุ่ยมองซูหว่านเงียบๆ จดจ้องจนขมวดคิ้ว…พลังวิญญาณของซูหว่านผันผวนอย่างมาก แสงสว่างบนร่างเธอวาบประกายเดี๋ยวเจิดจ้าเดี๋ยวหม่นหมอง ผ่านแสงสีเขียวนั้น ซูรุ่ยเห็นใบหน้าซูหว่านบิดเบี้ยว… 

 

 

… 

 

 

“ผมไม่เคยรักคุณ” 

 

 

สวนดอกยิปโซเบ่งบานอยู่จนทั่วดุจดวงดาว น้ำเสียงของผู้ชายอ่อนนุ่มน่าฟังเหมือนอย่างเคย แต่คำที่พูดออกมาหลับบาดใจคน 

 

 

ไม่เคยรัก! 

 

 

เป็นคำสารภาพที่ไร้สาระ! 

 

 

เมื่อก่อนที่ดูแลอย่างอ่อนโยนคืออะไร 

 

 

เมื่อก่อนที่อาลัยอาวรรักจากฉันนับเป็นอะไร 

 

 

“เธอ…” 

 

 

ซูหว่านรู้สึกว่าเสียงของตนเองกำลังสั่นเครือ “หยุด หยุดล้อเล่นเถอะ” 

 

 

“ผมไม่ได้ล้อเล่น” 

 

 

สายตานิ่งเฉยของผู้ชายตกกระทบลงบนใบหน้าของซูหว่าน “เสี่ยวหว่าน นี่คือบัตรเชิญร่วมงานแต่งงานของผมกับชินชิง อย่ามาสายล่ะ!” 

 

 

งานแต่ง บัตรเชิญ แดงสดดั่งสีเลือด 

 

 

สิ่งที่ฉันมักจะทุ่มเทร้องขอแต่ไม่ได้ ทว่าคนอื่นกลับได้มาอย่างง่ายถึงขนาดนั้น 

 

 

เพราะอะไรคุณถึงต้องดึงฉันขึ้นมาจากเหวลึกในนรกครั้งแล้วครั้งเล่า พอผ่านไปเพียงชั่วพริบตา หันกลับมาอีกทีก็ทำให้ฉันตกลงสู่ความมืดมิดชั่วนิรันดร์ 

 

 

ฉันซูหว่าน… 

 

 

จะไม่ให้อภัย! 

 

 

ไม่ มี วัน ให้ อภัย! 

 

 

สิ่งที่ฉันไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวัง…อย่าหวัง… 

 

 

“เสี่ยวหว่าน” 

 

 

“เสี่ยวหว่าน” 

 

 

“ผมคือซูรุ่ย! คุณได้ยินผมไหม” 

 

 

ดวงไฟสุกสว่าง สีเลือดแดงสด ซูหว่านที่ตกอยู่ในภวังค์กลับได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง 

 

 

อ่อนโยนถึงขนาดนั้น สนิทสนมถึงขนาดนั้น 

 

 

ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเธอ ค่อยๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นอีกครั้ง 

 

 

ซูรุ่ย… 

 

 

ซูรุ่ย… 

 

 

ท่ามกลางดวงไฟโชติช่วง เงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากเปลวไฟ สิ่งพุ่งกระโจนตัวเข้ามาหา กลับเป็นความอบอุ่นอ่อนโยนไร้ที่เปรียบ 

 

 

เขาคือ… 

 

 

… 

 

 

ซูหว่านลืมตาขึ้นทันที… 

 

 

กลางภูเขามืดมิด ลมหนาวแผดเสียงก้อง 

 

 

ซูรุ่ยยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและวิตกกังวล 

 

 

เบื้องลึกในดวงตาของซูหว่านวาบประกายสีแดงเลือดสายหนึ่ง เธอค่อยๆ เปิดปากเอ่ย “ฉัน…” 

 

 

“เธอทำสำเร็จแล้ว” 

 

 

ซูรุ่ยมองซูหว่าน หัวใจที่บีบรัดแน่นดวงนั้น ในที่สุดก็ผ่อนคลายลง 

 

 

เธอเลื่อนขั้นสำเร็จแล้ว! 

 

 

แต่ซูหว่านในเวลานี้กลับไม่ได้รู้สึกยินดีขนาดนั้น เธองงงันอยู่บ้าง ในขณะที่กำลังเลื่อนขั้นเมื่อครู่เธอคล้ายกับว่าได้ย้อนกลับไปในอดีต และยังได้พบกับผู้ชายคนนั้น อีกครั้ง 

 

 

สวีเช่อ… 

 

 

ซูหว่านหลุบตาลงน้อยๆ 

 

 

นึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตอีกครั้ง คล้ายกับว่าหัวใจไม่ได้เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนขนาดนั้นแล้ว 

 

 

ผู้ชายคนนั้น เป็นหนามแทงใจของเธอมาโดยตลอด เป็นความเกลียดชังที่เธอไม่อาจลืมเลือน แต่ตอนนี้ ซูหว่านกลับรู้สึกว่า ผู้ชายคนนั้นไม่เหมือนคนที่ทำให้ผู้คนยากลืมเลือนชั่วชีวิตอย่างที่เธอจิตนาการเอาไว้ 

 

 

อย่างน้อย… 

 

 

เธอก็นึกภาพเขาไม่ออกแล้ว 

 

 

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่จำได้ เหลือเพียงความรำคาญใจในปีนั้นที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจจนทำให้คนหายใจไม่ออก! 

 

 

คล้ายกับว่าคำปฏิญาณว่า ‘ไม่มีวันให้อภัย’ ภายใต้ดวงแสงสุสกาวเต็มฟ้าในปีนั้น คือข้อผูกมัดเพียงหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ ระหว่างเธอกับเขา… 

 

 

“คุณเป็นไรไหม” 

 

 

เมื่อเห็นว่าซูหว่านเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดจา ซูรุ่ยพลันก้าวไปข้างหน้าอย่างอดไม่ได้ คิดอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสไหล่ของซูหว่าน 

 

 

“ไม่เป็นไร” 

 

 

ซูหว่านเงยหน้า ส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับซูรุ่ย “นายลองทาย…ฉันกลายพันธุ์แล้วมีพลังพิเศษอะไร” 

 

 

“หืม” 

 

 

ซูรุ่ยครุ่นคิดเล็กน้อย “คงไม่ใช่สายรักษาเหมือนกับเจ้าของร่างเดิมหรอกนะ” 

 

 

“ไม่ใช่สายรักษา แต่เป็นสายลวงตา!” 

 

 

พลังพิเศษประเภทสายวิญญาณ ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนและด้านมืดในจิตใจมนุษย์ เพื่อสร้างสถานการณ์ที่สมจริงที่สุด! 

 

 

ภาพลวงตาเหรอ… 

 

 

ซูรุ่ยมองไปยังซูหว่าน “เสี่ยวหว่านคุณเก่งที่สุดเลย! จะว่าไปตอนที่เลื่อนขั้นเมื่อกี้คุณเข้าไปในมิติมายามาใช่ไหม แล้วเห็นผมหรือเปล่า เห็นหรือไม่เห็น” 

 

 

“ไม่เห็น!” 

 

 

เมื่อตกอยู่ภายใต้สายตาคล้ายกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้มของซูรุ่ย ซูหว่านทำเพียงหันหน้าไปอีกทางอย่างเย็นชา “ฉันจะไปเห็นนายได้ยังไง เป็นไปไม่ได้” 

 

 

“แหะ” 

 

 

เมื่อเห็นเธอปฏิเสธอย่างร้อนรน ซูรุ่ยแววตาเป็นประกาย ก้าวไปข้างกายซูหว่านแล้วหัวเราะคิกคัก “ผมเฝ้าคุณมาเกือบทั้งคืน ทั้งหนาวทั้งง่วง ขอผมพิงคุณหน่อย ให้ผมได้ไออุ่นสักแป๊บหนึ่ง” 

 

 

“ฉันเป็นซอมบี้” 

 

 

ซูหว่านจำเป็นต้องบอกความจริงเรื่องหนึ่งให้เขาฟังอย่างใจเย็น…ซอมบี้ไม่มีอุณหภูมิร่างกาย! ไอคิวฉลาดล้ำของนายล่ะดอกเตอร์ 

 

 

ไม่ว่าใบหน้าของซูหว่านจะเย็นชาเพียงใด ซูรุ่ยก็ยังคงพิงศีรษะลงบนไหล่ของซูหว่านอย่างไม่สนใจ สองแขนกอดเกี่ยวแขนของเธอเอาไว้แน่น… 

 

 

นับตั้งแต่ที่ได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้ในร่างของประธานจอมเผด็จการฟังจื่อมู่ที่โลกนั้น ซูรุ่ยก็อาศัยร่างคุณชายใหญ่ซือถูแสดงความรักออกมาอย่างหน้าไม่อาย เพื่อหยั่งเชิงและลดช่องว่างกำแพงในหัวใจของซูหว่าน 

 

 

ที่เรียกว่าไล่ตามหญิงสาวจะกลัวก็แต่การติดพัน แม่ทัพซูรู้สึกว่าตนเองค้นพบวิธีตามจีบภรรยาแล้ว… 

 

 

ต้องตามติดเธอทุกเวลา แสดงความรักกับเธอทุกนาที! 

 

 

ว่ากันว่าถ้าแสดงความรักเยอะทำให้รักร้าว~ แต่เขาคิดว่านั่นจะต้องไม่ใช่รักแท้แน่นอน! 

 

 

แม่ทัพซูเชื่อมั่นว่า รักแท้นั้นคือการแสดงออกมา! 

 

 

ค่ำคืน ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว 

 

 

ซูหว่านเอียงหัวเล็กน้อย สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือใบหน้าหลับใหลของซูรุ่ย 

 

 

ใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลาโดดเด่นใบนั้น ถูกเขาเปลี่ยนโฉมไปจนจำเค้าเดิมไม่ได้ แต่ซูรุ่ยที่เป็นแบบนี้ ทำให้ซูหว่านรู้สึกสบายใจ  

 

 

มองใบหน้าน่าหวาดกลัวสีเขียวใบนั้น มองไปมองมา ซูหว่านพลันหัวเราะขึ้นมาเสียงเบาอย่างอดไม่ได้… 

 

 

เช้าตรู่ ซูหว่านถูกใครบางคนปลุกขึ้นมา 

 

 

เธอลืมตาขึ้นเล็กน้อย เห็นซอมบี้หลี่เสี่ยงตัวน้อยนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเธอพร้อมกับเล็บยาวที่พยายามล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า 

 

 

สิ่งที่อยู่ในกระเป๋า ก็คือแกนผลึกที่เมื่อวานซูหว่านดูดซับไปไม่หมด 

 

 

“อยากได้เหรอ” 

 

 

ซูหว่านมองไปที่ดวงตาดำเข้มของหลี่เสี่ยง 

 

 

“แฮ่~แฮ่” 

 

 

หลี่เสี่ยงน้อยครุ่นคิดแล้วพยักหน้า เป็นเด็กที่ฉลาดจริงๆ!  

 

 

จางย่าเหมยมองซูหว่านและลูกชายของเธอพูดคุยกันอยู่ด้านข้าง เธออดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “คุณ…คุณ…พูดได้เหรอ” 

 

 

“อีกไม่นาน ลูกชายของคุณก็จะพูดได้อีกครั้ง” 

 

 

ซูหว่านไม่ได้มองใบหน้าตื่นตกใจของจางย่าเหมย เธอหยิบแกนผลึกระดับต่ำสุดออกมาเม็ดหนึ่ง และโบกมันไปมาต่อหน้าหลี่เสี่ยงน้อย “หนุ่มน้อย รู้ไหมว่าของสิ่งนี้เป็นของดี นายดูดซับพลังเป็นเหรอ” 

 

 

จะสอนหลี่เสี่ยงน้อยให้ดูดซับแกนผลึกได้ยังไง นี่เป็นปัญหาที่ยากข้อหนึ่ง เพราะเขายังเด็ก มีข้อจำกัดในการเรียนรู้ ซูหว่านในตอนนี้หาทางสื่อสารกับเขาไม่ได้เลย 

 

 

“ผมสอนเขาได้” 

 

 

ซูรุ่ยที่อยู่ด้านข้างไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ สายตาตกกระทบลงบนร่างของหลี่เสี่ยงน้อย… 

 

 

อืม กระดูกของเด็กคนนี้น่าทึ่ง เหมาะกับการฝึกยุทธ์ ถ้าอย่างนั้น…เรื่องการกอบกู้โลกอะไรนั่น ก็ต้องพึ่งเขากับเยี่ยนอวี่น้อยแล้ว! 

 

 

แม่ทัพซูแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ตนเองนั้นรับหน้าที่แค่การแสดงความรักก็พอแล้ว! 

 

 

ถ้าหลี่เสี่ยงน้อยพูดได้ก็คงจะบอกว่า อาจารย์ คุณพอก่อนได้ไหมครับ! 

 

 

ถ้าเยี่ยนอวี่มาได้ยินความในใจของซูรุ่ยก็คงจะบอกว่า แค่กๆ อันที่จริงแล้วฉันคิดว่า หน้าที่กู้โลกอันยิ่งใหญ่นี้ ฝากไว้กับหลี่เสี่ยงน้อยคนเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว! ซูเหยียน คุณรอผมก่อน!  

 

 

แน่นอนถ้าหลี่เสี่ยงน้อยล่วงรู้เรื่องเหล่านี้ก็คงจะบอกว่า แล้วเรื่องครองโลก ราชาซอมบี้ที่เคยคุยกันเอาไว้ล่ะ นี่ไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว! เฮ้! สาวน้อยตรงนั้นน่ะ หยุดก่อน~~