เซียวยิงแสดงสีหน้าอึมครึม ไม่มองเซี่ยยวี่หลัวด้วยซ้ำ ส่งเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่ง “ข้าทำเพื่อจื่อเซวียนและจื่อเมิ่ง ฮึ มีปัญหากับใครไม่มี กลับไปมีปัญหากับหลัวซื่อ”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงเบา “พี่สะใภ้ใหญ่ทำเพราะหวังดีต่อพี่รองเจ้าค่ะ! ”
เซียวยิงหัวเราะอย่างเย็นเยียบ “ดีต่อพี่รองของเจ้าก็ควรเรียกเงิน” หรือหากไม่ไหวเอาแต่แม่ไก่มาก็ได้ จะได้บำรุงร่างกายเด็กสองคน
ดูสิเด็กสองคนตัวผอมจน…
เซียวยิงหันมองเด็กสองคน เดิมทีคิดจะเอ่ยวาจาเยาะเย้ยถากถางเซี่ยยวี่หลัว แต่เมื่อลองมองเด็กสองคนดีๆ เขาก็ถึงกับผงะไป
นึกว่าตัวเองดูผิดไป เขารีบกะพริบตาปริบๆ มองดูอย่างละเอียด ไม่มองยังไม่รู้ มองแล้วถึงกับตกใจสะดุ้ง เวลานี้เด็กสองคน… ทั้งอ้วน ทั้งขาว ดูดีกว่าเมื่อก่อนมากนัก
นี่เพิ่งผ่านไปนานเพียงใด…
เขาน่าจะไม่ได้กลับมาแค่เดือนกว่าเท่านั้น เด็กสองคนนี้ แต่งกายสะอาดสะอ้าน ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ผิวขาวมีสีแดงเลือดฝาด ทั้งใบหน้าและร่างกายล้วนอ้วนขึ้น เห็นได้ชัดว่าได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
เซี่ยยวี่หลัวเลี้ยงดูเด็กสองคนได้ดีถึงเพียงนี้เชียว?
น่าจะเพราะเห็นว่าเซียวยวี่ไปสอบ อาจสอบได้เป็นซิ่วไฉกลับมา ให้นางได้โอ้อวด จึงดูแลเด็กสองคนเป็นการทำดีเอาหน้าเท่านั้น!
พอคิดได้ดังนี้ จึงเข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที
เซียวยิงไม่มองเซี่ยยวี่หลัวสักนิด กล่าวกับเซียวจื่อเซวียน “ตอนนี้พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ข้างนอก พวกเจ้าต้องอยู่บ้านดีๆ อย่าก่อเรื่องวุ่นวาย หากพี่ใหญ่ของเจ้ารู้ เขาที่อยู่ข้างนอกจะสงบใจได้อย่างไร! ”
เซียวจื่อเซวียนกล่าว “พี่เซียวยิง ท่านวางใจได้ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลพวกเราอย่างดีทุกวัน! ”
ถือว่าไม่เลวจริงๆ เด็กๆ มีน้ำมีนวลขึ้นแล้ว
จื่อเมิ่งก็กล่าวเสียงใส “พี่สะใภ้ใหญ่ทำอาหารอร่อยให้พวกเรากินทุกวันด้วยเจ้าค่ะ! ”
พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ จื่อเซวียนและจื่อเมิ่ง เรียกเซี่ยยวี่หลัวว่าพี่สะใภ้ใหญ่อย่างจริงใจ หากไม่ใช่เพราะสนิทสนม ย่อมไม่เรียกเช่นนี้
ฟ่านซื่อก็เห็นว่าช่วงนี้เด็กสองคนเกาะติดอยู่ข้างกายเซี่ยยวี่หลัว ทั้งยังมีท่าทางของเซียวจื่อเซวียนที่ปกป้องเซี่ยยวี่หลัวเมื่อครู่ ความห่วงใยและกังวลที่ฉายอยู่ในเบื้องลึกของแววตา ย่อมแสร้งทำไม่ได้!
ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสองคนและพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเขา ดูกลมเกลียวและเป็นธรรมชาติมาก เซี่ยยวี่หลัวเลี้ยงดูเด็กสองคนเป็นอย่างดี!
เซียวยิงบุ้ยปากทีหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงพาบุตรกลับไป
ละครตลกบทหนึ่งปิดฉากลงเช่นนี้เอง หลัวซื่อน่าจะไม่กล้ามาอีก เซี่ยยวี่หลัวจึงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
เล่นละครก็เหนื่อยเหมือนกัน!
เซียวซานเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวกลับสู่สภาพนิ่งสงบดุจสายน้ำอีกครั้ง ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สตรีผู้นี้เปลี่ยนหน้าได้หรืออย่างไร? ทำไมถึงเปลี่ยนเร็วนัก!
รู้สึกเหมือนท่าทางหวาดกลัวเมื่อครู่ เป็นการเสแสร้งแกล้งทำอย่างไรอย่างนั้น
หลัวไห่ตี้โดนพี่ชายของเขาลากตัวไปอย่างไม่เต็มใจ เดินไปไกลแล้ว เขายังชะเง้อคอดู หลัวไห่เทียนเห็นท่าทางไม่เอาไหนของน้องชายตนเอง “ทำไม? ดูเจ้าสิไม่เอาไหนเสียจริง ไม่เคยเห็นผู้หญิงหรือไง! ”
หลัวไห่ตี้กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทางบ้าตัณหา “พี่ใหญ่ ข้าไม่เคยพบเห็นหญิงงามเช่นนั้นมาก่อนเลย! หากได้ร่วมหลับนอนกับสตรีเช่นนั้น ต่อให้ต้องตายเร็วขึ้นอีกสิบปี ข้าก็ยินยอม! ”
หลัวไห่เทียนแต่งภรรยาแล้ว หลัวไห่ตี้ยังไม่ได้แต่ง เมื่อเห็นรูปโฉมของเซี่ยยวี่หลัว จะรู้สึกอ่อนระทวยจนเดินไม่ไหวก็ถือว่าปกติ
หลัวไห่เทียนถ่มน้ำลายทีหนึ่ง “เจ้าสาม นั่นเป็นคนที่เคยแต่งงานแล้ว ไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์อะไร ไม่เห็นน่าสนใจตรงไหน! ”
หลัวไห่ตี้ส่ายหน้า “จะเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์หรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือหน้าตาดี พี่ใหญ่ ข้าแค่มองนาง ก็รู้สึกอ่อนระทวยไปถึงกระดูกเลย”
“เวลานี้เรามีปัญหากับคนของหมู่บ้านสกุลเซียวแล้ว หากไปหมู่บ้านสกุลเซียวอีก จะไม่โดนไล่ตะเพิดออกมาหรือ? ” หลัวไห่เทียนรู้สึกหวั่นเกรงเล็กน้อย
หลัวไห่ตี้หัวเราะ “พวกเราคงไปอย่างเปิดเผยไม่ได้แน่ แต่พวกเราแอบไปได้นี่นา! ”
“แอบไป? ” หลัวไห่เทียนยังไม่เข้าใจ “จะแอบไปอย่างไร? ”
หลัวไห่ตี้หัวเราะอย่างได้ใจ “พี่ใหญ่ ท่านลืมเซียวเฉิงซานแล้วงั้นหรือ? เจ้านั่นได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มโสด ชั่วชีวิตนี้ยังไม่เคยได้แตะต้องสตรีเลย! หากพวกเราให้ผลประโยชน์เขาเล็กน้อย เขาจะไม่ช่วยอำพรางให้พวกเราเชียวหรือ? ”
เมื่อได้ฟังว่าหลัวไห่ตี้คิดหาวิธีไว้แล้ว หลัวไห่เทียนรู้ว่าน้องชายของตนเองเป็นคนบ้าตัณหา ได้แต่ถอนหายใจก่อนกล่าว “เจ้าสาม เจ้าอย่าผลีผลามเชียว หากถูกคนพบเข้า เจ้าต้องโดนคนในหมู่บ้านสกุลเซียวตีจนขาหักแน่! “
หลัวไห่ตี้เห็นท่าทางขลาดกลัวของพี่ใหญ่ เพียงเบ้ปาก ไม่ได้กล่าวอะไร
ทว่า ใบหน้าและรูปร่างของเซี่ยยวี่หลัวมักจะผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของเขา
สตรีเช่นนั้น ถึงจะเป็นของหายากที่แท้จริง!
หลัวซื่อและเถียนซื่อถูกขังอยู่ในศาลบรรพชน ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนยังมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ขณะนี้กลับเหมือนสุนัขกัดกัน ลงไม้ลงมือข่วนกันอยู่ในศาลบรรพชน
หลัวซื่อเคลื่อนไหวไม่สะดวก เถียนซื่อจึงได้เปรียบ บนตัวถูกเถียนซื่อข่วนจนเต็มไปด้วยบาดแผล โชคดีที่เถียนซื่อยังรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ นางข่วนเพียงร่างกายท่อนบนของหลัวซื่อ ไม่กล้าแตะต้องร่างกายท่อนล่างของนาง!
ทั้งสองคนวิวาทกัน เซียวจิ้งยี่ไม่ได้สนใจ อย่างไรเสียก็ไม่ถึงตาย เมื่อเวลาผ่านไป ถึงเวลาที่ทั้งสองคนออกมา ใบหน้าต่างดูไม่จืด
สองคนที่เดิมทีมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน กลับแค้นเคืองกลายเป็นศัตรูกันด้วยเหตุนี้
ช่วงชิงหมิงฝนตกโปรยปราย หลายวันนี้มีน้ำฝนปริมาณมาก
กล่าวกันว่าหลังฝนตกจะมีหน่อไม้หน้าฝน หลังฝนฤดูใบไม้ผลิตก ในป่าไผ่มีหน่อไม้โผล่ขึ้นมาอีกไม่น้อย
เมื่อถึงวันฟ้าโปร่ง เซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคนขึ้นเขาไปขุดหน่อไม้ หลังจากขุดหน่อไม้เสร็จ ขณะเดินผ่านที่นาบ้านตนเอง เซี่ยยวี่หลัวจึงไปดูต้นกล้าถั่วในที่นา
ต้นกล้าถั่วสูงประมาณสองนิ้วแล้ว ฝนตกติดต่อกันหลายวัน ไม่ได้ทำให้พวกมันโค่นล้ม กลับเจริญงอกงามขึ้นเรื่อยๆ
แต่ละต้นชูก้านตั้งตรง ขณะนี้มีใบไม้สี่ถึงห้าใบแล้ว แนวโน้มการเจริญเติบโตดูดีมาก
น้ำในคูน้ำด้านข้างมีระดับน้ำสูงขึ้น โชคดีที่ไม่ทะลักเข้ามาในที่นา เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก
สิ่งที่ต้องระวังสำหรับพืชผลทางการเกษตรคือภัยแล้งและน้ำขัง หากไม่จัดการให้ดี ผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวตลอดปีก็จะหายไป
ตามคันนามีหญ้าขึ้นไม่น้อย เซี่ยยวี่หลัวและเด็กสองคนถอนหญ้าด้วยกัน ระหว่างที่ล้างมือด้วยน้ำจากคูน้ำ จู่ๆ ก็พบของสีเขียวมะกอกที่แนบติดอยู่บนพื้นตรงคันนา
เซี่ยยวี่หลัวแหวกพงหญ้าเอี้ยวตัวดู เมื่อเห็นก็รู้สึกยินดียิ่ง “ผักตี้เอ่อ[1]…”
ผักตี้เอ่อ มีอีกชื่อเรียกคือเห็ดตี้ผี หรือบัวตี้ฉวี่ ปกติจะขึ้นตามคันนา พื้นที่รกร้าง และบนพื้นบริเวณรอบข้างโขดหิน รูปร่างภายนอกคล้ายเห็ดหูหนู ลักษณะเป็นแผ่นหยักเหมือนคลื่น มันอุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด รสชาติหอมละมุน แฝงเร้นด้วยกลิ่นทะเล สามารถกินเป็นอาหารหรือยาก็ได้ สามารถนำไปผัดเป็นอาหารหรือต้มเป็นน้ำแกง ถือเป็นอาหารชั้นเลิศ
ในพงหญ้าตามคันนาเต็มไปด้วยผักตี้เอ่อ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกยินดีเสียยิ่งกว่ากระไร ล้างมือเสร็จก็รีบไปเก็บ
ใบของผักตี้เอ่อมีขนาดค่อนข้างเล็ก แนบติดกับผิวดินและขึ้นอย่างกระจัดกระจาย มักจะปะปนอยู่ในหญ้ารกและวัชพืชอื่นๆ จึงเก็บได้อย่างยากลำบาก แต่ก็มีปริมาณมาก สามารถเก็บได้ทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งคือช่วงเดือนสี่ในตอนนี้ เป็นช่วงเวลาอันดีในการเก็บผักตี้เอ่อ
นี่เป็นผักชั้นเลิศเชียว!
ช่วงที่ผ่านมา เซี่ยยวี่หลัวจัดการสวนหลังบ้านและทำหน่อไม้ดอง กลับลืมของดีที่ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่มอบให้ไปเสียได้
เด็กสองคนก็ขยับเข้ามาใกล้ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านกำลังทำอะไรงั้นหรือขอรับ? ”
“เร็ว รีบเก็บของสิ่งนี้ กลับไปพี่สะใภ้ใหญ่จะทำอาหารอร่อยให้พวกเจ้ากิน! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความตื่นเต้น
เจ้าผักนี่สามารถกินได้ทั้งคราวสดและแห้ง ทั้งยังเก็บได้เป็นเวลานาน!
เชิงอรรถ
[1]ผักตี้เอ่อ