ลู่ฝานแบกกระบี่หนักไว้ด้านหลัง เดินเข้าไปกลางลานกว้างอย่างมั่นคง

เจ้าดำที่อยู่บนไหล่ มองไปรอบๆ อย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนมองมาทางพวกเขา

บนโรงน้ำชา ลู่หาวจะเรียกลู่ฝานอย่างอดไม่ได้ แต่โดนลู่เฮ่าหรานรั้งเขาเอาไว้

“ไม่ต้องเรียกเขา ในเมื่อลู่ฝานทำเช่นนี้ ต้องมีแผนของตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องรั้งไว้”

“แต่ลู่ฝานไปทดสอบในสภาพนี้ ต้องโดนน่าหลานรั่วที่มีเจตนาร้ายขัดขวางแน่นอน”

ลู่หาวพูดด้วยสีหน้าร้อนใจ

ลู่เฮ่าหรานพูดต่อ “ลู่ฝานไม่ใช่คนโง่ เขาตัดสินใจเช่นนี้ เขาต้องคิดเอาไว้แล้ว”

ลู่เฮ่าหรานถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วนั่งลง

แม้การตัดสินใจของลู่ฝานครั้งนี้ จะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ลู่เฮ่าหรานก็ไม่รั้งเขาไว้

นักบู๊แข็งแกร่งทุกคน เมื่อมีการตัดสินใจของตัวเอง จะไม่สั่นคลอนเพราะสิ่งภายนอก จะไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อใคร

ในเมื่อลู่ฝานตัดสินใจแล้ว ลู่เฮ่าหรานทำได้เพียงสนับสนุน

“ลู่ฝานมาในตอนนี้ ตั้งใจมาให้เราดูเรื่องตลกหรือเปล่า หยุนเฟย คุณชายจ้าวซวี่ มาแล้วเหรอ”

โม่หลินหัวเราะเบาๆ โม่หยุนเฟยที่อยู่ด้านหลัง เดินเข้ามา

ผู้ชายสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา ที่มากับโม่หยุนเฟย นิ้วมือนิ้วเท้าเรียวยาว ดูมีพลัง สวมชุดคลุมยาวสีขาว ดูมีราศีโดดเด่น

“ยังดีที่ผมมาทันเวลา ไม่งั้นคงพลาดตอนที่ลู่ฝานขายหน้าต่อหน้าทุกคน แบบนั้นคงเศร้าใจแย่”

โม่หยุนเฟยกับจ้าวซวี่นั่งลงข้างโม่หลิน สายตาจ้าวซวี่มองลู่ฝาน หลังจากประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้า สีหน้าดูแปลกประหลาด

แอบคิดในใจ นี่คือลู่ฝานที่ความเร็วการฝึกฝนใกล้เคียงปีศาจอย่างนั้นเหรอ

ทำไมถึงมีกลิ่นอายของผู้ฝึกชี่ ออกจากตัวเขา

ฉันคิดมากไปเองหรือเปล่า

โม่เทียนมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า แม้การมาถึงของลู่ฝาน จะเหนือความคาดหมายของเขา แต่ไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว

โม่เทียนพยักหน้าจากไกลๆ ให้น่าหลานรั่ว ที่อยู่ข้างหินศิลาดำ

ตอนนี้น่าหลานรั่วลืมตา แววตาฉายแววเย็นชา

มาแล้วจริงๆ เป็นตามที่ใจเขาต้องการ เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ในใจ เมื่อกี้ยังคิดว่าจะจัดการให้เสร็จเร็วๆ ตอนนี้ลู่ฝานมาถึงแล้ว

น่าหลานรั่วยกยิ้มมุมปาก หันไปพูดกับครูอีกสองคนที่เหลือ “ทั้งสองท่านคงเห็นแล้ว บนตัวของเด็กคนนี้มีอะไรไม่ธรรมดา”

ครูอีกสองคน จะไม่รู้ความหมายของน่าหลานรั่วได้อย่างไร พวกเขารู้ดีว่าน่าหลานรั่ว อยากทำอะไร ทั้งสองพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ธรรมดาจริงๆ เหมือนมีอะไรสกปรกบนตัว”

น่าหลานรั่วหัวเราะ เขาพูดเช่นนี้ เพราะต้องการลองเชิงท่าทีของครูสองคนนี้ แค่ครูสองคนนี้ไม่วุ่นวาย ทุกอย่างจะง่ายดายมาก

ลู่ฝานเขียนชื่อ และยื่นให้ เขายื่นรอผู้ตรวจสอบเรียกชื่ออยู่ไม่ไกล

ขณะนั้น คนที่กำลังทดสอบข้างหน้า ไม่สามารถดึงดูดสายตาทุกคนได้แล้ว ทุกคนกำลังซุบซิบถึงพละกำลังของลู่ฝาน

“อย่างน้อยตอนนี้ลู่ฝานคงอยู่ในระดับฝึกร่างชั้นเก้า”

“น่าจะอยู่ในแดนฝึกร่างชั้นเก้าชั้นสูงสุด งานล่าสัตว์ที่เขาซีซานครั้งก่อน เขาเอาชนะจางเยว่หานที่ฝึกพลังปราณได้แล้ว”

“ไม่แน่เขาอาจฝึกพลังปราณได้แล้วเหมือนกัน”

“อืม มีความเป็นไปได้”

“ลู่ฝานต้องผ่านการทดสอบได้แน่”

……

คนที่ทดสอบข้างหน้า ลงมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครทำให้เสียเวลา พวกเขาอยากเห็นพละกำลังตอนนี้ ของลู่ฝานเช่นกัน

ทุกคนให้ความสนใจกับสภาพของลู่ฝานในตอนนี้มาก คิดถึงการทดสอบเมื่อหนึ่งปีก่อน ต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ

“ต่อไป ลู่ฝาน!”

เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้น ทุกคนเงียบลงทันที

ลู่ฝานเดินเข้าไปช้าๆ มองหินศิลาดำตรงหน้า อย่างไม่ยินดียินร้าย

สายตาของคนตระกูลลู่ ตระกูลโม่ และตระกูลจางที่อยู่บนโรงน้ำชา ต่างมองมาที่ลู่ฝาน อันที่จริง พวกเขาอยากรู้แดนพละกำลังของลู่ฝานในตอนนี้มาก

ฮึบ!

ลู่ฝานแผดเสียงเบาๆ และชกหมัดออกไปทันที

ไม่มีเสียงลม อีกทั้งคนส่วนใหญ่ มองการเคลื่อนไหวของลู่ฝาน ได้ไม่ชัดเจน ต่อมาหมัดของลู่ฝาน กระแทกลงบนหินศิลาดำ

เสียงแตกดังขึ้น รอยร้าวนับไม่ถ้วน ปรากฏขึ้นบนหินศิลาดำ แสงสีทองสว่างขึ้นมา แต่กลับไม่มีตัวอักษรปรากฏขึ้นมา

แสงสีทองสว่างวาบ แยงตาทุกคน ทันใดนั้นแสงหายไป

ทุกคนมองหินศิลาดำ ที่ไม่มีตัวอักษรใดปรากฏขึ้นมา ด้วยสีหน้าตกใจ

ไม่มีตัวอักษรปรากฏขึ้นมา ไม่มีตัวอักษรอะไรเลย

นี่สามารถอธิบายได้สองสถานการณ์ หนึ่งคือลู่ฝานไม่มีพละกำลัง แม้แต่แดนฝึกร่างชั้นหนึ่ง แต่ถ้าเป็นสถานการณ์นี้ ไม่น่าจะมีแสงแสบตาขนาดนั้น

สองคือ ลู่ฝานก้าวหน้าถึงแดนปราณในขึ้นไปแล้ว เพราะหินศิลาดำ เป็นเพียงเครื่องมือทดสอบของนักบู๊แดนฝึกร่างเท่านั้น แค่ฝึกพลังปราณได้ หินศิลาดำทั่วไปไม่สามารถประเมินระดับได้อีก

อย่าบอกนะว่า ลู่ฝานเข้าสู่แดนปราณในแล้ว

เหลือเชื่อจริงๆ ในเวลาหนึ่งปี ยกระดับจากแดนฝึกร่างชั้นสาม ไปสู่แดนปราณใน เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก!

กรอบ!

โม่เทียนกำแก้วชาในมือจนแตก กัดฟันพูดว่า “แดนปราณใน คิดไม่ถึงว่าลู่ฝานฝึกถึงแดนปราณในแล้ว พรสวรรค์ของเด็กคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ”

โม่หยุนเฟยสีหน้าตกตะลึง ตอนนี้ยังอยู่ในอาการเหม่อลอย เขาไม่อยากจะเชื่อ ลู่ฝานฝึกพลังปราณได้ก่อนเขา ส่วนจ้าวซวี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้าราบเรียบ แค่แดนปราณในเท่านั้น ต้องตกใจด้วยเหรอ ในสถาบันสอนวิชาบู๊ คนแบบนี้มีถมเถ จ้าวซวี่ไม่เข้าใจความตกใจของคนตระกูลโม่ เพราะเขาไม่รู้ว่าลู่ฝาน ใช้ความเร็วแบบไหน ก้าวหน้าถึงแดนปราณใน