ซูฉิงอึ้ง ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มารับโทรศัพท์ของฮ่อหยุนเฉิงได้ล่ะ
อีกทั้งน้ำเสียงยังคุ้นหูเหมือนกับ………..สวีหว่านเอ๋อร์ ?
แต่ว่า จะเป็นสวีหว่านเอ๋อร์ได้ยังไง
หรือว่า…………..เป็นถังถัง??
ซูฉิงเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วเอ่ยปากถามเสียงเบา”ฉันขอคุยกับฮ่อหยุนเฉิงหน่อย”
“ซูฉิงหรอ”สวีหว่านเอ๋อร์ยกยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยุ “ฉันเองสวีหว่านเอ๋อร์ ตอนนี้หยุนเฉิงกำลังอาบน้ำอยู่ที่ห้องของฉัน”
เป็นสวีหว่านเอ๋อร์จริงๆ ด้วย? !
ซูฉิงหน้าเรียบขรึมลง
ดึกดื่นป่านนี้ฮ่อหยุนเฉิงยังไม่กลับมาหรือว่าเขาอยู่ด้วยกันกับสวีหว่านเอ๋อร์งั้นหรอ
และยังอาบน้ำที่ห้องของหล่อนอีกงั้นหรอ
“ซูฉิงเธอมีธุระจะคุยกับหยุนเฉิงงั้นหรอ แต่ฉันเกรงว่าเขาจะไม่มีเวลามารับสายเธอน่ะสิ เพราะว่าหยุนเฉิงบอกกับฉันว่าคืนนี้จะอยู่กับฉันทั้งคืนจะทำให้เป็นคืนที่ล้มไม่ลงเลย เขายังบอกฉันอีกว่าผู้หญิงที่เขารักที่สุด……..”
สวีหว่านเอ๋อร์ยังพูดไม่จบซูฉิงก็ชิงกดวางสายก่อน
สวีหว่านเอ๋อร์ที่ได้ยินเสียงดังตุ๊ดๆ มาจากปลายสายก็ยกยิ้มกระหยิ่ม
ซูฉิง พรุ่งนี้จะต้องเป็นวันตายของแก!
ก่อนที่จะได้เห็นแกตายไปต่อหน้าต่อตา สามารถที่จะแยกแกออกมาได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้สวีหว่านเอ๋อร์มีความสุข
ซูฉิงที่กดตัดวางสายไปแล้วก็รู้สึกอึดอัด ไปทั่วทั้งตัวทั่วทั้งรูขุมขน
ทำไมฮ่อหยุนเฉิงถึงได้อยู่ด้วยกันกับสวีหว่านเอ๋อร์ได้
ปกติเขามีท่าทีเย็นชาต่อสวีหว่านเอ๋อร์ไม่ใช่หรอ
แต่ว่าปกติเวลาอยู่หน้าคนอื่นเขามักมีท่าทีเย็นชากับเธอ แต่เพียงแค่เวลาไม่นานก็ทำกับเธอเหมือนกับพวกมีความสัมพันธ์กันจนถึงขั้นปล้นจูบกับเธอ?
งั้นตอนที่ไม่มีคน และสวีหว่านเอ๋อร์ก็มาเสนอตัวถึงที่ ฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่ได้ปฏิเสธงั้นหรอ
ซูฉิงลูบผมเบาๆ ขึ้นไปนอนอย่างรู้สึกกัดกลุ้มใจ ในหัวมีแต่ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิง ทำยังไงก็ลบไม่ออก
เดิมทีเธอไม่ได้แคร์ฮ่อหยุนเฉิงแม้แต่น้อย แต่ว่าทำไมนึกถึงภาพที่เขาจะไปจูบกับสวีหว่านเอ๋อร์ ภายในใจก็รู้สึกไม่ดี
ซูฉิงที่นอนไม่หลับมาทั้งคืน จนถึงเช้าวันที่สองจนมาทำงานที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปพร้อมกับใต้ตาดำ
ฮ่อหยุนเฉิงยังไม่มา
ฮ่อหยุนเฉิงที่เป็นคนบ้างานไม่เคยมาสายแม้แต่ครั้งเดียว
แต่วันนี้…………
แม้แต่หลิยเหยียนเหิงก็รู้สึกกังวลใจ เดิมทีฮ่อหยุนเฉิงเป็นคนตรงเวลา วันนี้เขาจะต้องไปที่ทะเลสาบแห่งรักเพื่อที่จะไปดูการถ่ายโฆษณาคอลเลคชั่นน้ำแข็งกับไฟด้วยตัวเองนี่
แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนมากันครบหมดแล้ว ขาดเพียงฮ่อหยุนเฉิงที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา และยังปิดเครื่องอีกด้วย
นี่มันไม่ปกติแล้ว
“ไม่ต้องรอเขาแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเถอะ” ซูฉิหน้านิ่วคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม
ตอนนี้ฮ่อหยุนเฉิงก็คงจะขลุกอยู่กับสวีหว่านเอ๋อร์แหละมั้ง
เขาไปหาความสุขใส่ตัวโดยที่ให้คนอื่นต้องมารอเขาอยู่ทางนี้งั้นหรอ
ช่างน่าขำจริงๆ
“แต่ว่า ประธานเป็นคนรักษาเวลามาก วันนี้เขาจะต้องไปด้วยแน่”หลินเหยีนเฟิงที่ติดตามฮ่อหยุนเฉิงมาตั้งนานแล้ว ฮ่อหยุนเฉิงเป็นคนที่เอาการเอางาน ไม่ว่างานไหนเขาก็ทำออกมาดีตั้งแต่ครั้งแรก
“ถ้าเขาจะไปก็ให้เขาไปเอง หรือว่าพวกเราตั้งหลายคนจะต้องมารอเขางั้นหรอ “ซูฉิงพูดเด็ดขาด
เธอก็มีความแข็งแกร่งขึ้นมาทันที จะไม่ยอมให้คนหลายคนมาเสียเวลาและยิ่งกว่านั้นใครจะรู้ได้ว่าฮ่อหยุนเฉิงจะมาตอนไหน
“ซูฉิงพูดถูก”เฉินจุนเหยียนเอ่ยปากเสียงเรียบ”ตอนบ่ายผมมีงานสัมภาษณ์ด้วย”
“งั้น…….ก็ได้ครับ”หลินเหยียนเฟิงได้ยินเฉินจุนเหยียนเอ่ยปากพูด และตอนนี้ก็ติดต่อฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้ด้วย คิดอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ตัดสินใจเดินทางไปกับซูฉิงจนพวกเขาไปที่ทะเลสาบแห่งรัก
พอขึ้นรถ เฉินจุนเหยียนนั่งข้างซูฉิง
เขาหันไปมองซูฉิง แล้วก็ถามเสียงเบา”เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
ซูฉิงส่ายหน้า
จากนั้นซูฉิงแสดงท่าทางนิ่ง แต่เฉินจุนเหยียนก็มองออกว่าวันนี้เธออารมณ์ไม่ดี
โดยเฉพาะใต้ตาดำที่กำลังทรยศเธออยู่นี่
“ซูฉิง มีเรื่องอะไรในใจก็พูดระบายกับฉันมั้ย เธอเห็นฉันเป็นคนอื่นคนไกลหรอ”เฉินจุนเหยียนเผยแววตาผิดหวังออกมา
ซูฉิงยิ้มบาง “ไม่เป็นไรจริงๆ คืนนี้ว่างไหม กินข้าวด้วยกันหน่อยสิ”
ซูฉิงเอ่ยปากชวน เฉินจุนเหยียนก็ดีใจออกนอกหน้า “ได้สิ”
หลินเหยียนเฟิงที่นั่งอยู่แถวหน้าที่แอบฟังพวกเขาคุยกันก็รู้สึกอึดอัด
ซูฉิงไม่ใช่คู่หมั้นของท่านประธานหรอ ทำไมดูจะมีจะสนิทของดาราดังอย่างคุณเฉินคนนี้มากเกินปกติล่ะ
และคืนนี้ทั้งสองยังนัดกันอีกด้วย?
แต่ว่าตอนนี้ก็ติดต่อฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้ด้วยสิ!
ทะเลสาบแห่งรักตั้งอยู่ในหุบเขาอยู่เขตชานเมืองของเมือง a โดยรอบล้วนมีต้นไม้เขียวขจี พร้อมทั้งดอกไม้บานสะพรั่ง น่าหลงใหล เพราะว่าคู่รักมักจะมาถ่ายรูปแต่งงานกันมาก เลยทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงขึ้นมา
ซูฉิงเลือกสถานที่เป็นป่าเล็กๆ ริมแม่น้ำ “ที่นี่วิวทิวทัศน์ไม่เลวเลย พวกเราเริ่มกันเถอะ”
เฉินจุนเหยียนกับหลิวหนิงเปลี่ยนชุดที่จะทำการถ่าย หลังจากแต่งหน้าเสร็จก็เริ่มที่จัดฉากที่จะถ่าย
หลังจากที่ถ่ายมาทั้งวัน หลิวเสี่ยวหนิงกับเฉินจุนเหยียนก็ยิ่งทำงานเข้าขากันได้ดี
“ใช่ อย่างนี้ ดีมาก”ตากล้องพูดสั่งไม่หยุด
ซูฉิงมองดูอยู่สักพัก ก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“พวกคุณถ่ายกันต่อเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปดูทางโน้นหน่อยว่ามีวิวเหมาะๆ มั้ย “ซูฉิงเม้มปากแล้วเอ่ยปากพูด
เธอเป็นคนที่ชอบความสวยงาม ในเมื่อให้เธอรับผิดชอบโปรเจคนี้ งั้นซูฉิงจะต้องใส่ใจกับมันมากและจำทำทำให้ออกมาดีที่สุด
เฉินจุนเหยียนได้ยินอย่างนั้นก็หยุดถ่าย แล้วก็ถามอย่างเป็นห่วง”ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอด้วย”
ซูฉิงส่ายหน้า แล้วก็พูดปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก นายรีบถ่ายเถอะ อย่าทำให้งานล่าช้าเลย”
พอพูดจบซูฉิงก็เดินออกไปคนเดียว เดินไปทางอีกฝั่งของแม่น้ำ
เฉินจุนเหยียนที่มองซูฉิงเดินออกไปคนเดียว แววตาก็นิ่งขรึมลง
ทำไมเธอถึงได้อารมณ์ไม่ดีนะ เพราะฮ่อหยุนเฉิงงั้นหรอ
เมื่อวานพวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่ยังดีกันอยู่หรอ ทำไมวันนี้ฮ่อหยุนเฉิงกลับไม่เห็นแม้แต่เงาล่ะ
เพราะว่าคืนฝนตกหนัก ทำให้บนถนนบนภูเขาเป็นโคลน ซูฉิงที่สวมรองเท้าส้นสูง พอเดินไปตามถนนอย่างทุลักทุเล
ภายในใจกลับนึกถึงฮ่อหยุนเฉิงขึ้นมาอีกแล้ว
เขาไม่ใช่บอกเองหรอว่าวันนี้เขาจะมาควบคุมการถ่ายโฆษณาด้วยตัวเอง ตอนนี้ก็สิบโมงกว่าแล้ว ยังคงไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลย
เมื่อคืนเขาอยู่กับสวีหว่านเอ๋อร์ทั้งคืนจริงๆ หรอ
พวกเขาทั้งสองคนทำอะไรกันนะ
เขาทำอย่างนี้ ไม่ถือเป็นการทำผิดต่อถังถังหรอ
ซูฉิง
จิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เดินเข้าไปในป่าลึก และเห็นแสงสะท้อนกับทิวทัศน์ของป่าเขา ทำให้วิวตรงนี้สวยงามยิ่งขึ้น
ถ้าหากว่ามาถ่ายตรงนี้ น่าจะถ่ายออกมาดีแน่
ซูฉิงก้มหน้าลง กำลังจะล้วงเอาโทรศัพท์โทรหาตากล้อง ให้พวกเขามาถ่ายทำที่นี่ ทันใดนั้นก็เห็นเงาตะคุ่มของใครคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาตัวของซูฉิง
ซูฉิงหันกลับไปมอง ก็เห็นเป็นเซี่ยซิงซิงที่จ้องมองเธอด้วยความเคียดแค้น และเตรียมพร้อมที่จะผลักซูฉิงให้ร่วงตกลงน้ำ!
เซี่ยซิงซิงที่ใบหน้ากราดเกรี้ยว มองซูฉิงอย่างเคียดแค้น ตะโกนขึ้นเสียงดัง”ซูฉิง แกมันนังแพศยา! ไปตายซะเถอะ!!!”