ตอนที่ 229 หญิงเสียสติ (2)/ตอนที่ 230 หญิงเสียสติ (3)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 229 หญิงเสียสติ (2)

“ตระกูลถังเลี้ยงดูเจ้าตั้งหลายปี เจ้ากินเปล่าอยู่เปล่าที่ตระกูลถังมาสิบปีเต็มๆ ถ้าเอายาวิเศษระดับห้าให้ข้าแล้วจะทำไมกัน เจ้ามีสิทธิ์อันใดให้ยาวิเศษระดับสามกับข้า เจ้าคิดเก็บมันไว้ให้ลูกๆ เจ้าอย่างนั้นเหรอ พวกเขามีสิทธิ์อะไรได้มัน”

“ทั้งๆ ที่ข้า เป็นคนที่สมควรสืบทอดถุงบรรจุของเจ้าที่สุด! ลูกสาวของเจ้าไม่มาหาเจ้าตั้งหลายปีแล้ว เห็นได้ชัดว่าทอดทิ้งเจ้า เจ้ายังยึดติดกับพวกเขาถึงขั้นนี้! อีกอย่างพ่อข้าดีกับเจ้าขนาดนี้ สุดท้ายเจ้าไม่แต่งกับเขา ไม่รู้ว่าเจ้ามีหน้าอาศัยในตระกูลถังได้อย่างไรกัน”

ตอนแรก นางไม่ยอมรับสตรีที่เหมือนนางจิ้งจอกคนนี้ด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อหลงนางจนหัวหมุน

หากมิใช่เพราะภายหลังนางบังเอิญรู้ว่า อีกฝ่ายมีสมบัติวิเศษในมือไม่น้อย นางไม่มีทางเอาใจอีกฝ่ายแน่!

แน่นอนว่าอาศัยยาวิเศษระดับสามทำให้นางทะลวงสู่ระดับหลิงอู่ได้! เพียงแต่เรื่องนี้ คนในตระกูลถังไม่ล่วงรู้ คนทั้งหลายต่างคิดว่าหรงเยียนมากินอยู่เปล่าๆ ในตระกูล

คำพูดเหล่านี้เมื่อฟังไปนานวันเข้า นางก็ลืมไปแล้วเช่นกันว่าตัวเองหลอกเอายาวิเศษระดับสามมาได้อย่างไร

นางก็เหมือนกับคนเหล่านั้น เข้าใจว่าหรงเยียนกินเปล่าอยู่เปล่าที่ตระกูลถังเหมือนเดิม!

เพียงแต่…

ถังอวี้รู้จักความพิเศษของหรงเยียนอย่างหนึ่ง

อีกฝ่ายถูกกระตุ้นไม่ได้ ทุกครั้งที่ถูกกระตุ้น ก็จะเป็นลมสลบไป เพราะแบบนี้นางถึงทำงานได้สะดวก!

“หาเจอแล้ว”

ถังอวี้ค้นหาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็หาหยกชิ้นนั้นพบ ความดีใจปะทุขึ้นมา

บนป้ายหยกนั้นเขียนตัวอักษรชัดเจน ‘จวนเฟิงอวิ๋น’

จวนอวิ๋นเฟิง ได้ยินมาว่าเมื่อสิบหกปีก่อนเป็นขุมพลังกลุ่มหนึ่งที่ผงาดขึ้นมา ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหกปี อิทธิพลของจวนเฟิงอวิ๋นมากพอจะเทียบเคียงกับตระกูลที่มีอิทธิพลแล้ว ถึงกระทั่งไม่…ไม่อ่อนด้อยกว่าตระกูลถังเลย

ที่น่าเสียดายคือ สิบปีก่อนประมุขจวนเฟิงอวิ๋นหายตัวไป กระทั่งคนในนจวนเฟิงอวิ๋นยังไม่รู้ว่านางหายตัวไปที่ไหนกันแน่ แต่ต่อให้จวนเฟิงอวิ๋นเป็นมังกรไร้หัว ก็ไม่อ่อนแอกว่าตระกูลผู้มีอิทธิพลอื่น

สิ่งที่ทำให้ถังอวี้คิดไม่ถึงก็คือ หรงเยียนผู้นี้…ก็คือประมุขจวนเฟิงอวิ๋น!

หลายวันก่อนตอนนางเห็นหรงเยียนถือป้ายหยกเหม่อลอยอยู่นั้น นางก็ส่งคนไปสืบข่าวจวนเฟิงอวิ๋น ไม่เช่นนั้นเรื่องเมื่อสิบหกปีก่อนตอนที่นางเพิ่งเกิด นางจะรู้ได้ชัดเจนขนาดนี้อย่างนั้นหรือ

เดิมถังอวี้คิดหมุนกายจากไป พลันพบว่าหรงเยียนกำเอี๊ยมไว้แน่น โทสะปะทุขึ้นในหัวใจ ยื่นมือออกไปดึงเอี๊ยมออกมา

ถึงหรงเยียนยังสลบอยู่ มือนางยังกำเอี๊ยมไว้แน่น ถังอวี้ออกแรงขึ้น ยังดึงเอี๊ยมไปไม่ได้

“ช่างเป็นสตรีที่ใจดำอำมหิตนัก!” ถังอวี้โมโห

ถึงแม้ว่านางเข้าใกล้หรงเยียนเพราะสมบัติของอีกฝ่าย แต่นี่ไม่ได้หมายความจะยอมให้อีกฝ่ายคิดถึงลูกสองคนได้

ทุกสิ่งทุกอย่างของผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นของนางเท่านั้น!

จวนเฟิงอวิ๋นมีแต่นางเป็นผู้สืบทอดเท่านั้น!

ครั้นเห็นหรงเยียนกำเอี๊ยมแน่ ถังอวี้ยิ่งออกแรงดึง

เล็บมือนางฉีกจนเลือดออก ก็ยังไม่คลายมือ

ราวกับว่าเอี๊ยมตัวนั้นเป็นความหวังทั้งหมดของนาง

“สตรีเสียสติ จิตใจถูกสุนัขกินไปหมดแล้วใช่ไหม! พวกลืมบุณคุณเลี้ยงไม่เชื่อง!” ถังอวี้หนักใจ หยิบเข็มออกมาทิ่มนิ้วหรงเยียนอย่างแรง

นางรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางตื่น ถึงได้กล้าทำขนาดนี้ ทุกครั้งที่ผู้หญิงคนนี้สลบไสลต้องหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืน เวลาแบบนี้ไม่มีทางตื่นขึ้นมาแน่

แต่ต่อให้นางไม่ตื่นขึ้นมา นางยังรู้สึกเจ็บ เมื่อเจ็บก็จะคลายมือ

……………………………

ตอนที่ 230 หญิงเสียสติ (3)

แต่ว่า…มือของหรงเยียนยังคิดเกี่ยวเอี๊ยมไว้แน่นเลือดสดๆ ย้อมเอี๊ยมแดง คล้ายกับว่านางรู้สึกเจ็บปวดจึงขมวดคิ้ว

แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือดังเดิม!

“อวี้เอ๋อร์!”

เสียงตวาดดังสนั่นดังมาจากด้านนอกของเรือนไม้ ทำเอาถังอวี้ตกใจจนตัวสั่น เข็มเงินในมือร่วงลงพื้น นางหมุนตัวกลับไปด้วยความหวาดกลัว เพียงชั่วอึดใจก็เห็นบุรุษวัยกลางคนหน้าสีหน้าเขียวคล้ำ

“ท่าน…ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ”

ถังอวี้รีบซ้อนป้ายหยกไว้ เกรงว่าถังลั่วจะพบเข้า

“อวี้เอ๋อร์ เจ้ากำลังทำอะไร” เส้นเอ็นตรงขมับถังลั่วเต้นตุบตับ ตำหนิเสียงดัง “เจ้าทำอะไรกับเยียนเอ๋อร์”

“ข้า…” ในดวงตาถังอวี้ฉายความลนลาน นางรีบกลบเกลื่อนมันอย่างว่องไว ทำท่าน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านพ่อ น้าหรงอาศัยอยู่บ้านเรามาสิบปีแล้ว กินข้าวตระกูลถัง ดื่มน้ำตระกูลถัง นางยังไม่ยอมแต่งกับท่านพ่อ ข้าก็แค่…แค่ทนดูไม่ได้เท่านั้นเอง…”

ถังลั่วยังคงสีหน้าเขียวคล้ำ “นี่หาใช่เรื่องที่เจ้าควรจะยุ่ง!”

“แต่ว่า ต่อให้พวกเราเลี้ยงสุนัขสักตัวหนึ่ง ยังรู้จักเฝ้าบ้าน น้าหรงทำอะไรได้บ้าง” ถังอวี้ขบริมฝีปาก ตีให้ตายนางก็ไม่ยอมให้ถังลั่วรู้ถึงสมบัติที่อยู่ในมือหรงเยียน

ยิ่งไม่อาจให้เขารู้ได้ว่า นางหลอกเอายาวิเศษจากหรงเยียนมามากมาย

อย่างไรเสียราคายาวิเศษระดับสามเม็ดเดียวก็แพงโข  ต่อให้อยู่ในตระกูลถัง ของอย่างยาวิเศษระดับสามนี้ ครึ่งปีนางถึงไปขอรับที่หอยาเม็ดหนึ่ง ส่วนหลังจากที่นางรู้ว่าหรงเยียนมียาวิเศษอยู่ นางหลอกเอายามาติดต่อกันได้ถึงสามสี่สิบเม็ดแล้ว

มูลค่ายาเหล่านี้มาพอให้ครอบครัวหนึ่งกินอยู่อย่างไม่ขัดสนไปตลอดชาติ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในมือหรงเยียนยังมียาวิเศษขั้นสูงกว่านี้…

น่าเสียดายที่ยาพวกนั้นจะหลอกอย่างไรก็ไม่ได้มา

“อวี้เอ๋อร์ เจ้าเปรียบเทียบเยียนเอ๋อร์กับสุนัขอย่างนั้นหรือ” โทสะอัดแน่นอยู่ในดวงตาถังลั่ว เขากัดฟันเอ่ย

“ลูกก็แค่ยกตัวอย่างเท่านั้น ทุกวันเอาของกินเครื่องดื่มดีๆ มาดูแลน้าหรง อาศัยแค่เงินทองที่จ่ายไปก้อนโตหรือนางไม่ควรใช้ตัวเองมาจ่ายหนี้ แต่นางดันเป็นจิ้งจอกตาขาว[1] เอาแต่คะนึงหาสามีกับลูกในอดีต ไม่ให้ท่านใกล้ชิดเลยสักนิด! ข้าก็แค่สงสารท่านเท่านั้นเอง”

ถังอวี้มองหรงเยียน “หากเอาเอี๊ยมนี่ทิ้งไป บางทีนางอาจปล่อยวางลงได้ ยอมรับท่านอย่างวางใจ”

ถังลั่วที่เดิมทีโทสะสุมเต็มอก ได้ฟังคำอธิบายของถังอวี้ หัวใจก็พอรับได้ขึ้นมา แต่เขายังคงหน้าคล้ำอยู่เหมือนเดิม เอ่ยสั่งสอนเสียงเย็นหรงเยียน “ไม่ว่าอย่างไร เจ้าไม่อาจทำร้ายนาง”

“ท่านพ่อ ลูกเองก็จนปัญญา นางกำเอี๊ยมไว้ให้ตายก็ไม่ยอมปล่อย ข้าได้แต่ทำเช่นนี้ให้นางปล่อยมือ” ถังอวี้เชิดหน้าแน่งน้อยของนาง ท่าทางน่าสงสาร “แต่ท่านพ่อสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ต่อไปลูกไม่กล้าทำร้ายน้าหรงเยียนอีก อย่างไรเสีย…ลูกก็ชอบนางจริงๆ”

ชอบทรัพย์สมบัติมากมายในถุงบรรจุของนาง…

“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว” ถังลั่วกวาดสายตาเย็นชามองลูกสาว “ต่อไปห้ามทำผิดเช่นนี้อีก”

ถังอวี้หลุบตาลง หางตาจับจ้องเอี๊ยมที่หรงเยียนกำแน่น สะกดความไม่พอใจไว้ เอ่ยเสียงเบา “เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”

หลังจากถังอวี้จากไป เรือนไม้เข้าสู่ความสงบเงียบ

ถังลั่วก้มมองสตรีใบหน้าซีดเซียวบนเตียงด้วยความสงสัย มุมปากเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เยียนเอ๋อร์ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าจากข้าไปแน่ ต่อไปจะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว”

เขาไม่มีวันลืมความประทับใจครั้งแรกในปีนั้นไปได้ นับตั้งแต่นั้นอากัปกิริยางดงามไร้ที่ติอยู่ในสายตาของเขา ถลำลึกเข้าสู่ดวงใจของเขา

………………………………….

[1] จิ้งจอกตาขาว คือ ไม่รู้จักบุญคุณ