ตอนที่ 231 หญิงเสียสติ (4)/ตอนที่ 232 เป็นต้องพบคน ตายต้องพบศพ (1)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 231 หญิงเสียสติ (4)

เดิมเขาคิดว่าชั่วชีวิตนี้คงไร้วาสนาต่อหญิงสมบูรณ์แบบเพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนั้น…นางจะถูกลอบทำร้ายบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นคนพานางมา ทั้งยังรักษาอาการให้ด้วย

อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี นางก็คิดจากไป

เขากลัว กลัวว่าจะไม่ได้พบนางอีก

กลัวว่าหลังจากนางไปแล้ว ก็จะเป็นการจากลาไปชั่วนิรันดร์…

ดังนั้นเขาจึงฉวยโอกาสตอนที่นางยังไม่ทันฟื้นฟูดี ลงมือทำลายความทรงจำทั้งหมดของนาง

น่าเสียดายที่นางมีจิตใจยึดมั่นมาก ดื้อดึงถึงขั้นนี้ ทั้งๆ ที่ลืมไปแล้วกลับดึงดันจะฟื้นความทรงจำ จนทำให้นาง…เสียสติ!

ถังลั่วรู้สึกผิด แต่เขาเข้าใจดี ต่อให้ให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาก็จะทำเช่นนี้!

“เยียนเอ๋อร์ ชาตินี้มีข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าก็พอแล้ว เจ้ามิต้องคิดถึงเรื่องในอดีตอีก ข้าจะอยู่กับเจ้าไปชั่วชีวิต ในโลกใบนี้ ไม่มีใครรักเจ้าได้มากเท่าข้าอีกแล้ว เจ้าเสียลูกไปก็ไม่เป็นไร อวี้เอ๋อร์คือลูกสาวเจ้า ถึงวันนี้นางจะทำผิด แต่ปกติ นางก็เคารพเจ้ามาตลอด…”

ไม่มีความทรงจำแล้วก็ไม่เป็นไร เสียสติไปแล้วก็ช่างเถอะ

ขอเพียงนางอยู่ข้างกายเขาก็ดีแล้ว

บนเก๋งสำเภา

จิ่วหมิงนั่งเอนกายเอกเขนกอย่างสบายบนตั่ง

ด้านหน้าตั่ง มีนักร้องบรรเลงผีผา น้ำเสียงนางเสนาะหูดังไม่ขาดสาย

ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อมองนักร้องหญิงใบหน้าสวยงามไร้ที่ติ จิ่วหมิงไม่รู้ว่าทำไมกัน ถึงได้นึกถึงเรือนร่างอวบอ้วนราวภูเขายักษ์ที่ได้พบกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

“เด็กใจดำ ไปถึงหอแห่งแรกแล้วยังไม่มาพบหน้าข้าสักครั้ง”

ช่างใจไม้ไส้ระกำจริงๆ เขาแบ่งกำไรให้ของหอแห่งแรกให้นางครึ่งหนึ่งแล้วแท้ๆ นางกลับไม่ยอมกระทั่งพบหน้าเขา

“คุณชาย”

ในเวลานี้ องครักษ์ชุดดำด้านนอกเดินเข้ามา เขามองเหล่านักดนตรีนางระบำ เอ่ยเสียงเข้มว่า “คุณชาย ข้าน้อยได้รับรายงาน”

จิ่วหมิงโบกมืออย่างเกียจคร้าน ขยับมุมปากเล็กน้อย เผยยิ้มร้ายยั่วยวนใจ

“พวกเจ้าถอยไปให้หมด”

“เจ้าค่ะ คุณชาย”

สิ้นเสียง นักร้องนางระบำทั้งหลายต่างพากันออกไปจนหมดสิ้น

ในห้องว่างเปล่าเหลือเพียงองครักษ์ที่คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ตรงหน้าตั่งเท่านั้น

“เรื่องอะไร”

องครักษ์ท่าทางพินอบพิเทา “คุณชาย ข้าน้อยสืบได้เรื่องมาว่า ดูคล้ายกับว่าน่าหลานฮองเฮา…ยังไม่ตายขอรับ”

น่าหลานฮองเฮายังไม่ตายหรือ

จิ่วหมิงที่อยู่ในอากัปกิริยาเอนกายอยู่ลุกขึ้นมาในทันที ใบหน้าเขาสวมหน้ากาก มองไม่เห็นสีหน้าใต้หน้ากากนั้น แต่ดวงตาร้ายคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความสงสัย

“เจ้าบอกว่าน่าหลานฮองเฮายังไม่ตาย ข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่”

“เรียนคุณชาย หลายวันก่อน องครักษ์ลับของหอแห่งแรกได้พบกับคนของจวนเฟิงอวิ๋น เหมือนกับว่าประมุขจวนเฟิงอวิ๋นจะมีความเกี่ยวข้องกับน่าหลานฮองเฮา แต่ว่าประมุขของจวนมิได้ชื่อน่าหลาน แต่เป็นหรงเยียนขอรับ”

จวนเฟิงอวิ๋นลึกลับมาตลอด ไม่มีใครรู้ชื่อแซ่ของประมุข ทั้งไม่มีคนเคยพบเห็น แต่มีอำนาจอิทธิพลยิ่งใหญ่ไปทั่ว แน่นอนว่าคนจำนวนมากต้องสงสัยใคร่รู้

หลายปีก่อน จิ่วหมิงก็ส่งคนไปสืบจวนเฟิงอวิ๋นที่แสนลึกลับนี้ คิดไม่ถึงว่า…

จะเกี่ยวข้องกับน่าหลานฮองเฮา

จิ่วหมิงแววตาหม่นลง นิ้วเรียวยาวเคาะเบาๆ ที่โต๊ะ พลันหัวเราะออกมา “หากน่าหลานฮองเฮายังไม่ตาย ฮ่องเต้กลับถูกหลอกปิดบังไว้ นั่นก็หมายความว่า…การตายของนางในปีนั้น เป็นน่าหลานฮองเฮาวางแผนด้วยตัวเอง!”

หากน่าหลานฮองเฮาถูกคนลักพาตัวไป เหตุไฉนต้องวางแผนให้คนคิดว่านางตายไปแล้วด้วยเล่า อีกอย่างเฟิงเทียนอวี้ไม่โง่งมถึงขั้นนี้ หากคนอื่นวางแผนการ เขาน่าจะรู้ได้

………………………….

ตอนที่ 232 เป็นต้องพบคน ตายต้องพบศพ (1)

ส่วนตัวฮ่องเต้ถูกปิดบัง นั่นก็หมายความว่า…เรื่องนี้…น่าหลานเป็นคนทำเอง

องครักษ์สงสัย “คุณชาย ข้าน้อยไม่เข้าใจอยู่บ้าง ไฉนน่าหลานฮองเฮาต้องทำเช่นนี้ด้วย”

จิ่วหมิงยกยิ้มเย็นชา “กฎเกณฑ์ในทวีปชางเยว่นี้ไม่อาจผิดได้ คนในโลกสันโดษไม่อาจลงมือกับคนในโลกปุถุชนได้ เพื่อกันไม่ให้เกิดผลกระทบสถานการณ์รวมในทวีป!”

อีกอย่างไม่อาจปล่อยให้คนทั่วไปรู้ว่า ประมุขจวนเฟิงอวิ๋นก็คือน่าหลานฮองเฮาด้วย!

ส่วนคนในโลกสันโดษสุดท้ายก็ทนไม่ได้ ลอบเข้ามาในแคว้นหลิวอวิ๋นในวันที่ฮองเฮาให้กำเนิดธิดา ให้โอกาสนางทำเป็นแสร้งหนีตาย! มีแต่นางปกปิดชื่อแซ่ ถึงจะได้แสดงกำลังของตัวเองได้อย่างอิสระ

มิฉะนั้น ทันที่ทีคนรู้ว่าจวนเฟิงอวิ๋นและน่าหลานฮองเฮามีความเกี่ยวข้องกัน คนของโลกสันโดษไม่ต้องหลบซ่อนอีก ยิ่งมีอำนาจในการลงมือต่อญาติของน่าหลานฮองเฮาได้

เพราะว่าจวนเฟิงอวิ๋นอยู่เหนือโลกปุถุชนไปแล้ว!

ตอนนางยังไม่อยู่เหนือฝั่งนั้น จึงไม่กล้าเผยร่องรอยใดๆ ออกไป

อีกอย่างปีที่จวนเฟิงอวิ๋นก่อตั้งขึ้น ก็ตรงกับปีที่น่าหลานฮองเฮาหายตัวไปจริงๆ!

“แต่ข้าได้ยินว่า สิบปีก่อน ประมุขจวนเฟิงอวิ๋นหายตัวไป”

องครักษ์ตะลึง เขาคิดถึงข่าวที่สืบมาได้ รายงานต่อว่า “คุณชาย ข้าน้อยได้ยินว่า ไม่กี่วันก่อนมีแม่นางคนหนึ่งนำป้ายหยกไปยังจวนเฟิงอวิ๋น นางบอกว่าตนเป็น ศิษย์ของหรงเยียนประมุขจวนเฟิงอวิ๋น!”

“คนของจวนเฟิงอวิ๋น…เชื่อหรือไม่” แววตาของจิ่วหมิงลุ่มลึก

อาศัยป้ายหยกแผ่นเดียวไปยังจวนเฟิงอวิ๋น นั่นก็พิสูจน์ได้ว่า หรงเยียนมิได้ร่วมทางไปด้วยกัน

แค่ป้ายหยกอันเดียว คนพวกนั้นก็เชื่อแล้วเหรอ

“เรียนคุณชาย คนของจวนอวิ๋นเฟิงไปสืบแม่นางผู้นั้นแล้ว บนตัวนางมีกลิ่นอายของหรงเยียนไปจริงๆ ยังไม่สลายไป อีกอย่างนางรู้จักวิชาที่หรงเยียนฝึกด้วย”

ในทวีปนี้มีสมบัติบางอย่างที่สามารถจับกลิ่นอายของคนผู้หนึ่งได้ ทั้งยังสามารถตามคนจากกลิ่นอายได้ นอกเสียจากว่าคนผู้นี้เก่งกาจอย่างที่สุด หรือว่ามีสมบิตวิเศษอื่นช่วยปิดบังกลิ่นอาย มิฉะนั้นจะถูกจับได้โดยง่าย

ถึงหรงเยียนจะเสียสติไปแล้ว แต่พลังยังคงอยู่ คนของจวนเฟิงอวิ๋นไม่อาจตามหานางได้จากกลิ่นอาย ทว่าสามารถแยกแยะจากคนที่เคยพบปะกับนางมาก่อนได้

และก็เป็นเพราะว่าหรงเยียนอยู่ที่เขาด้านหลังตระกูลถังมาตลอด ไม่ได้ออกมาเป็นเวลาสิบปี เกรงว่าจวนเฟิงอวิ๋นทุ่มเทกำลังอย่างสุดชีวิต ก็ไม่อาจตามร่องรอยของนางได้

“หรงเยียนเล่า” นิ้วของจิ่วหมิงกุมแก้วชาเบาๆ แววตาลุ่มลึกยังแฝงได้ด้วยความตื่นเต้น

หากน่าหลานฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ล่ะก็…

“แม่นางผู้นั้นบอกว่า หลายวันก่อนหรงเยียน…ตายแล้ว”

เพล้ง!

มือของจิ่วหมิงออกแรง ถ้วยชาถูกเขาบีบแตกเป็นผุยผง

เศษแก้วทิ่มมือเขา น้ำชาร้อนๆ ลวกฝ่ามือเขาจนแดงก่ำ ทว่าเขากลับไม่รู้สึกอะไร บรรยากาศในเรือสำราญเปลี่ยนไปหนักอึ้งขึ้นมา

“เรื่องนี้ ห้ามเผยออกไปเด็ดขาด”

หรงเยียนตายแล้วหรือ

หากหรงเยียนตายแล้ว เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่า นางคือน่าหลานฮองเฮาจริงหรือเปล่า!

อย่างไรซะทุกอย่างเขาคาดเดาไปเอง ไม่อาจมั่นใจได้ทั้งหมด

อีกอย่าง…ไม่ว่าหรงเยียนจะเป็นหรือตาย ก็ไม่อาจให้เฟิงหรูชิงรับรู้

“ส่งคนทั้งหมดของหอแห่งแรกออกไป หาที่อยู่ของหรงเยียน! เป็นต้องพบคน ตายต้องพบศพ ไม่ต้องเสียดายค่าใช้จ่ายอะไรทั้งนั้น!”

“ขอรับ คุณชาย”

องครักษ์หมุนตัวจากไป

แววตาจิ่วหมิงทอประกายร้ายกาจวาบหนึ่ง เอ่ยเสียงเย็นชา “ดูท่าพวกคนในโลกสันโดษคงคิดว่าฮองเฮาตายแล้ว ไม่สืบหาร่องรอยของนาง ดังนั้นพวกเจ้ารีบไปลบข่าวทั้งหมดของนางซะ ห้ามให้คนฝั่งนั้นหานางพบเด็ดขาด”

………………