บทที่ 102: ภูเขาแห่งความเครียดของชาร์ล็อต

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 102: ภูเขาแห่งความเครียดของชาร์ล็อต

“ขออภัยนะขอรับ แต่เมื่อกี้ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

โรเบิร์ตเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเขาด้วยความงุนงง ทว่าชาร์ล็อตนั้นยังคงแสดงสีหน้าเฉยเมยไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมตอบอย่างใจเย็น

“ใบอนุญาตของเจ้าในการใช้งานถนนออเซียร์ ถูกเพิกถอน เจ้ามีเวลา 3 เดือนในการจัดการข้าวของและย้ายออกจากถนนออเซียร์ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะเป็นฝ่ายบังคับเจ้าให้ออกไปเอง”

“ด…เดี๋ยวก่อน ท่านหญิงชาร์ล็อต! ท่านก็เห็นรายงานการเงินของพวกเราแล้วนี่นา แล้วทำไมท่านถึงขอให้พวกเราย้ายออกไปกันขอรับ? ข้าไม่เข้าใจ!”

โรเบิร์ตอุทานด้วยความประหลาดใจ เขาต้องการเหตุผลสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมานั้นมีเพียงการจ้องมองที่เฉียบแหลมและเย็นชาจากเด็กสาว

“ตัวเลขของเจ้าดีมาก และมันก็เป็นความจริงที่ธุรกิจของเจ้ากำลังเฟื่องฟู อย่างไรก็ตาม คำถามก็คือเงินเหล่านั้น ยังคงอยู่กับธุรกิจของเจ้ารึเปล่า?”

คำพูดของชาร์ล็อตทำให้ใจของโรเบิร์ตสั่นสะท้าน แต่ด้วยประสบการณ์หลายปีในฐานะพ่อค้า เขาจึงฝืนบังคับตัวเองให้ทำหน้างง ขณะที่พยายามจะอธิบายสถานการณ์ อย่างไรก็ตามชาร์ล็อตนั้นไม่ได้สนใจที่จะฟังคำอธิบายของเขาอีกต่อไปแล้ว

“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว นี่ยังไม่เข้าใจอีกงั้นเหรอ? กลิ่นของเงินตราไม่ได้อยู่กับเจ้าอีกต่อไปแล้ว ไหนขอดูสิว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น… อา เพราะการพนันสินะ?”

ชาร์ล็อตผู้มีผมสีแดงดั่งเพลิงอัคนีหยิบเอกสารจากพนักงานคนหนึ่งของเธอมาและตรวจดูอย่างรวดเร็ว โดยแทบจะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาบนใบหน้าของเธอเลย

กลับกันแล้ว ใบหน้าของโรเบิร์ตนั้นมืดมนไปหมด

ลือกันว่าตระกูลโซโรฟยานั้นมีความสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นทองคำได้ ซึ่งใครก็ตามที่มีสามัญสำนึกเพียงเล็กน้อยก็จะรู้ว่ามันไม่เป็นความจริง ทว่าข่าวลือนั้นก็ไม่ได้เกินจริงไปซะทีเดียว

แม้ว่าพวกเขาจะเสกทองคำขึ้นมาไม่ได้ แต่พวกเขาก็มีสิ่งที่ดีพอ ๆ กันอยู่ ตระกูลโซโรฟยามีความสามารถในการรับรู้ถึงความมั่งคั่ง ตั้งแต่การลงทุนทางเทคโนโลยีอันไม่แน่นอน ไปจนถึงการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าอันเจ้าเล่ห์ ตระกูลโซโรฟยาผู้สืบทอดสายเลือดของไฮเอลฟ์ เพียงแค่ต้องเลือกเส้นทางที่มีกลิ่นของเงินมากที่สุดเท่านั้นเอง

และในวันนี้โรเบิร์ตก็ได้กลายมาเป็นผู้โชคดีอีกคนที่ได้เห็นความสามารถอันน่าทึ่งนี้ด้วยตาตนเอง เขาพยายามจะพูดบางอย่างเพื่อพลิกสถานการณ์ แต่ชาร์ล็อตก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาทำเช่นนั้น เธอโบกมืออย่างสบาย ๆ เรียกยามสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ให้ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อพาเขาออกจากคฤหาสน์

“ท่านหญิงชาร์ล็อต ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกครั้ง! ข้าสัญญาว่าปีนี้…”

โรเบิร์ตร้องไห้ออกมาขณะที่เขาพยายามดิ้นรนเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากเงื้อมมือของยามเฝ้าประตู แต่มันก็ไร้ประโยชน์ ประตูห้องรับแขกปิดลงหลังจากที่เขาถูกลากออกไป กลบเสียงร้องของเขาสิ้น

พ่อค้าคนอื่น ๆ ในห้องรับแขกต่างมองดูเขาอย่างไม่ใส่ใจในก่อนจะกลับไปพูดคุยกันตามปกติ

“เจ้าหมอนั่นมาจากสมาคมพ่อค้าโรช”

“ฮึ่ม เจ้าหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มเติบโตขึ้นเมื่อปีที่แล้ว คิดว่าตัวเองสามารถหลอกท่านหญิงชาร์ล็อตได้อย่างนั้นเหรอ? ช่างโง่เขลาเสียจริง”

“ไม่ว่าจะพยายามทำอะไรต่อหน้าท่านหญิงชาร์ล็อตมันก็ไร้ประโยชน์ทั้งนั้นแหละ เธอเป็นอัจฉริยะที่จะปรากฏตัวขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบศตวรรษของตระกูลโซโรฟยา”

พ่อค้ารุ่นเก๋าต่างพูดคุยกันระหว่างที่พวกมาใหม่เงี่ยหูฟังด้วยความสงสัย ย้ำเตือนตัวเองเพื่อไม่ให้ต้องจบลงด้วยชะตากรรมแบบเดียวกันกับโรเบิร์ต

“มันไม่ใช่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในปีหน้าหรอก เพียงแต่ร่างกายของเขาไม่ได้มีกลิ่นแห่งโชคลาภอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็หลีกเลี่ยงชะตากรรมที่จะตกอยู่ในสภาพอันไร้ค่าไม่ได้”

ชาร์ล็อตถอนหายใจพลางพึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนจะตอบข้ออ้างสุดท้ายของโรเบิร์ต สาวใช้​คนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเธอก้าวไปข้างหน้าและพูดกับเธอด้วยความเคารพ

“นี่คือชะตากรรมที่รอคอยนักพนันส่วนใหญ่ เมื่อพวกเขาเลือกที่จะจมอยู่ในความไร้เหตุผลของการพนัน ท่านหญิงอย่าได้เก็บมันมาใส่ใจเลย ตอนนี้พวกเราพักผ่อนกันก่อนดีไหมคะ?”

“อืม นั่นฟังดูเป็นความคิดที่ดี”

ชาร์ล็อตค่อนข้างเหนื่อยล้าจากการตรวจดูรายงานการเงินของพ่อค้ามากหน้าหลายตา เธอจึงเห็นด้วยกับคำแนะนำของสาวใช้

เจ้าหน้าที่เริ่มดำเนินการทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง พวกเขารีบย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับงานออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลังคาด้านบนก็ค่อย ๆ เปิดเป็นกระจกสกายไลท์ออกรับแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาได้ ต้นไม้ในกระถางหลายต้นที่ส่งกลิ่นหอมอันผ่อนคลายถูกนำมาวางไว้รอบ ๆ ห้องอย่างระมัดระวังภายใต้คำแนะนำของนักออกแบบ

ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ห้องทั้งห้องก็ถูกดัดแปลงจากห้องประชุมอันเคร่งขรึมให้กลายเป็นพื้นที่พักผ่อนสบาย ๆ อันเต็มไปด้วยสีเขียวขจี ผมสีน้ำตาลแดงของชาร์ล็อตดูเปล่งประกายภายใต้แสงแดดธรรมชาติ เนื่องจากกระจกสกายไลท์เป็นวัสดุพิเศษที่สามารถกรององค์ประกอบที่ทำร้ายผิวออกไปได้ เธอจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำร่มกันแดดทั่วไปออกมา

โต๊ะน้ำชายามบ่ายสำหรับหนึ่งคนถูกจัดวางอย่างพิถีพิถันเบื้องหน้าชาร์ล็อต จากนั้นคนรับใช้ก็นำชาคุณภาพสูงที่ชงขึ้นโดยปรมาจารย์ด้านการชงชาออกมา ตามด้วยของหวานชั้นเลิศที่ปรุงใหม่ ๆ โดยพ่อครัวนักทำขนมระดับโลก

ชาร์ล็อตจิบชาแล้วถอนหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ หลังจากผ่อนคลายได้พักหนึ่ง เธอก็หันไปหาสาวใช้ผมสีดำที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอแล้วถาม

“เกรซ การพัฒนาของดินแดนแห่งความโกลาหลไปถึงไหนแล้ว?”

“การพัฒนาเป็นไปอย่างช้า ๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมยังคงไม่เสถียร และพวกเราก็ขาดแคลนกำลังคนด้วยเช่นกันค่ะ ท่านหญิง”

“เข้าใจแล้ว…”

ชาร์ล็อตตอบอย่างช่วยไม่ได้

เด็กสาวไม่ได้คิดที่จะตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ เพราะผลลัพธ์ดังกล่าวเองก็อยู่ในความคาดหมายของเธอแล้วเช่นกัน

ชาร์ล็อต โซโรฟยา ลูกสาวสุดที่รักของบรูซ โซโรฟยา นั้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลโซโรฟยา แม้ว่าจะมีอายุเพียงแค่ 10 ขวบ แต่เธอก็ถูกขนานนามว่าเป็นองค์หญิงนิรนาม และเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอำนาจอิทธิพลมากที่สุดในโลก อย่างน้อย ๆ นั่นก็เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้เกี่ยวกับเธอ

อย่างไรก็ตามเบื้องหลังความสำเร็จอันน่าเย้ายวน เธอต้องแบกรับภาระหน้าที่อันหนักอึ้งที่คนส่วนใหญ่ต่างก็มองข้ามไป

ชาร์ล็อตเป็นหนึ่งในบุคคลที่หาได้ยาก ซึ่งสืบทอดพลังสายเลือดมาจากบรรพบุรุษ สืบต่อทั้งความงามและพลังของไฮเอลฟ์ในตำนาน

ในประวัติศาสตร์ของตระกูลโซโรฟยาที่ผ่านมาหลายศตวรรษนั้น มีผู้นำตระกูลเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถเทียบเคียงกับเธอได้

อย่างไรก็ตามพลังอันยิ่งใหญ่​ ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้น

ชาร์ล็อตผู้มีไหวพริบด้านการเงิน เริ่มลงมือทำธุรกิจของตระกูลตั้งแต่มีอายุได้เพียงแค่ 7 ขวบปี ช่วงแรกเธอได้รับเพียงแค่บทบาทเสริมเท่านั้น ทั้งจัดการธุรกิจรายย่อยบางส่วน และให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อบรูซ โซโรฟยา บิดาของเธอได้รับตะเกียงน้ำมันอันแปลกประหลาดเมื่อครึ่งปีก่อน ทันใดนั้นแรงกดดันที่มีต่อเธอในฐานะผู้สืบทอดก็เพิ่มขึ้นมาเป็นอย่างมาก

การตัดสินใจทางธุรกิจระดับสูงทุกประเภทถูกโยนมาที่เด็กสาว อีกทั้งชาร์ล็อตยังพบว่าตัวเองต้องทบทวนแผนการพัฒนาธุรกิจแทบจะทุกอย่าง นอกจากนี้บรูซ โซโรฟยายังมอบหมายโครงการสำคัญอีกสองโครงการให้กับเธอ โดยขอให้เด็กสาวเลือกทำหนึ่งในนั้น โครงการแรกคือการพัฒนาดินแดนแห่งความโกลาหล แทนเซ่น และอีกโครงการก็คือการพัฒนาท่าเรือทูฮอร์น

การบริหารจัดการโครงการทั้งสองนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าจะด้วยความสามารถทางการเงินและอิทธิพลของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาก็ตาม แทบไม่มีใครในตระกูลโซโรฟยาเต็มใจที่จะรับโครงการเหล่านี้ไปทำ

ความตั้งใจเบื้องหลังการกระทำของบรูซ โซโรฟยานั้นชัดเจนมาก เขาต้องการให้ชาร์ล็อตได้ใช้ความสามารถของเธอเพื่อแก้ไขหนึ่งในสองปัญหานี้ที่รบกวนจิตใจพวกเขามาเป็นเวลานาน เพื่อพิสูจน์ตัวเองกับคนอื่น ๆ ในตระกูล

เมื่อต้องเผชิญกับความคาดหวังของผู้เป็นบิดา ชาร์ล็อตได้ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญเพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ ทว่าใครเล่าจะไปคิดว่าความสามารถอันยอดเยี่ยมของเธอจะมาสะดุดลงที่นี่?

ระหว่างท่าเรือทูฮอร์น และดินแดนแห่งความโกลาหลแทนเซ่น ชาร์ล็อตใช้ความรู้สึกอันเฉียบแหลมในเรื่องเงินของเธอเลือก แทนเซ่น อย่างไม่ลังเลใจ

ตามชื่อของมัน ดินแดนแห่งความโกลาหลแทนเซ่นเป็นภูมิภาคอันไร้ซึ่งกฎหมายรองรับ มันมีภูมิทัศน์ทางการเมืองอันยุ่งเหยิง ซึ่งเกี่ยวข้องกับมหาอำนาจมากมาย เป็นสถานที่ซึ่งรู้จักกันในด้านการผลิตอุปกรณ์เวทภายในพื้นที่ โดยมีวัตถุดิบทำมาจากสัตว์อสูรต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลาย ๆ อาณาจักรถึงได้พยายามสร้างฐานทัพของตัวเองที่นั่น

มีข่าวลือกล่าวกันว่า เทพองค์หนึ่งเคยล้มลงใน แทนเซ่น ทำให้เลือดของเขาซึมเข้าไปในผืนดินแห่งนั้นย้อมมันจนกลายเป็นสีแดง พลังเวทอันเข้มข้นเป็นพิเศษของที่นั่นจึงทำให้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคนั้นมีแนวโน้มที่จะกลายพันธุ์ นำไปสู่การแพร่ขยายพันธุ์ของสัตว์อสูร ด้วยเหตุนี้ภูมิภาคดังกล่าวจึงมีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง และไม่เหมาะสำหรับมนุษย์ที่จะอาศัยอยู่

คนส่วนใหญ่ที่ปักหลักอาศัยอยู่ในแทนเซ่นนั้น มักจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกนอกรีตและลัทธิชั่วร้ายที่ถูกขับไล่ออกจากอาณาจักรดั้งเดิมของตนเอง พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์อสูรและขายชิ้นส่วนของพวกมัน แม้ว่าจำนวนของสัตว์อสูรที่พวกเขาจะสามารถล่าได้นั้นมีจำนวนจำกัดอย่างมากก็ตามที

หากสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาสามารถเข้าสู่ตลาดสัตว์อสูรและพัฒนารูปแบบธุรกิจที่สมบูรณ์รอบ ๆ มันได้ พวกเขาก็อาจจะได้รับผลกำไรเป็นพันเท่าจากเงินทุนตั้งต้น ด้วยมุมมองดังกล่าวมันจึงดึงดูดลางสังหรณ์ทางด้านการเงินของชาร์ล็อต

อย่างไรก็ตามจากรายงานความพยายามครั้งก่อน ๆ ของสมาชิกตระกูลคนอื่น ๆ สัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นอันตรายเกินไป หากเป็นการออกสำรวจครั้งเดียวไปยังแทนเซ่นมันก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากพวกเขาตั้งใจที่จะปักหลักอยู่ในพื้นที่นั้นจริง ๆ ล่ะก็ พวกเขาคงจะต้องจ้างทหารคุ้มกันเป็นจำนวนมากเพื่อปกป้องตัวเอง ซึ่งเกือบจะเทียบเท่ากับการยกกองทัพทั้งหมดมายังที่แห่งนั้น ทำให้ค่าใช้จ่ายนั้นสูงเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะรักษามันเอาไว้ได้ในระยะยาว

ชาร์ล็อตไตร่ตรองถึงปัญหานี้อย่างรอบคอบ และหลังจากที่ได้พิจารณาปัญหานี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอจึงตัดสินใจที่จะใช้อิทธิพลของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยา และใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้ออุปกรณ์เวทที่สามารถขับไล่สัตว์อสูรได้มา เพื่อรับประกันความปลอดภัยของพ่อค้าที่พวกเขาจะส่งไปยังแทนเซ่น

นับตั้งแต่มีการส่งคำขอไป มีคำตอบมากมายมาจากทุกสาขา อย่างไรก็ตามไม่มีสาขาไหนเลยที่จะมีสินค้าตรงกับเกณฑ์ในระดับที่น่าพึงพอใจ อุปกรณ์เวทส่วนใหญ่มีผลเพียงแค่กับสัตว์ธรรมดา และสัตว์อสูรที่มีระดับการกลายพันธุ์ต่ำ แต่พวกมันไม่มีผลอะไรกับสัตว์อสูรระดับนรกของแทนเซ่นเลยแม้แต่น้อย

“ข้าไม่คาดคิดเลยจริง ๆ ว่าสิ่งต่าง ๆ มันจะยากกว่าที่คาดไว้ขนาดนี้ หากพวกเราไม่สามารถหาอุปกรณ์เวทที่เหมาะสมได้ภายในสองเดือนข้างหน้า ข้าคงจะต้องทำการเปลี่ยนแปลงข้อเสนอ”

ชาร์ล็อตพูดพลางถอนหายใจ เธอกังวลกับความคืบหน้าของโครงการนี้มาก เกรซเองก็ได้ถอนหายใจออกมาพร้อมกันกับชาร์ล็อต ขณะเดียวกันเด็กสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อยต่อบรูซผู้เป็นบิดา

แม้ว่าโลกนี้จะมีสำนวนที่ว่า ‘จงเร่งการเจริญเติบโตของต้นกล้าด้วยการดึงมัน’ แต่การทำตามขั้นตอนทีละขั้นก็ควรจะเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ควรจะคิดได้

ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา บรูซ โซโรฟยาได้สร้างความเครียดให้กับชาร์ล็อตเป็นอย่างมาก นี่ทำให้เกรซรู้สึกวิตกกังวลอยู่ภายใน

“ท่านหญิง มีข่าวดีเกี่ยวกับโครงการดินแดนแห่งความโกลาหลเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ มีพ่อค้ารายหนึ่งได้ติดต่อเข้ามาหาเราด้วยความตั้งใจที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับพวกเรา เขาอ้างว่าตนเองสามารถแก้ไขปัญหาของสัตว์อสูรได้ค่ะ”

“โอ้? พวกเขามีอุปกรณ์เวทที่พวกเรากำลังมองหางั้นหรือ?”

“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่พวกเขามีเงื่อนงำบางอย่างในการแก้ปัญหาดังกล่าว ดูเหมือนว่าประชากรพื้นเมืองของแทนเซ่นจะมีอุปกรณ์เวทบางประเภทที่สามารถป้องกันพวกเขาจากสัตว์อสูรได้ พวกเขามีเบาะแสบางอย่างที่เราไม่มีเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้พวกเขายังเต็มใจที่จะเจรจากับประชากรพื้นเมืองให้กับพวกเราด้วยค่ะ”

“นั่นเป็นข่าวดีเลยนี่นา! บอกพวกเขาว่าตระกูลโซโรฟยายินดีจะจ่ายให้อย่างงามสำหรับข้อเสนอนั้น ตราบใดที่พวกเราสามารถเข้าสู่แทนเซ่นได้อย่างปลอดภัย พวกเราก็ยินดีที่จะเจรจาเงื่อนไขทุกประการของพวกเขา!”

นี่เป็นข่าวดีครั้งแรกในรอบเดือนสำหรับชาร์ล็อต จึงไม่แปลกอะไรที่เธอจะรู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน หากพวกเขาสามารถเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลในแทนเซ่นได้เคียงข้างกับประชากรพื้นเมืองได้ พวกเขาก็อาจจะประสบความสำเร็จในการพัฒนาตลาดที่นั่น ทว่า…

“บอกพวกเขาให้ชัดเจนด้วยว่า พวกเขาจะต้องไม่ใช้วิธีการรุนแรงระหว่างการเจรจา นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความเกลียดชังที่มีต่อเราของประชากรพื้นเมือง”

“รับทราบแล้วค่ะ ท่านหญิง ดิฉันจะจดบันทึกเอาไว้”

เกรซตอบพร้อมกับก้มหน้าลง รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของชาร์ล็อต ก่อนที่เกรซจะกล่าวเสริม

“หากเรื่องนี้เป็นไปด้วยดี พวกเราก็น่าจะสามารถวางรากฐานสำหรับการพัฒนาตลาดในแทนเซ่นได้ หลังจากนั้นท่านผู้นำตระกูลก็น่าจะให้เวลาท่านพักค่ะ”

“แน่นอนสิ ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ข้าเหนื่อยมามากแล้ว”

เมื่อนึกถึงความเครียดทั้งหมดที่เธอได้รับในช่วงเวลาที่ผ่านมา ชาร์ล็อตก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจกับตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามมีข้อสงสัยอย่างหนึ่งลอยอยู่ในใจของเธอมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว

อะไรกันที่ทำให้ท่านพ่อรีบร้อนอย่างกระวนกระวายใจถึงขนาดนั้น? ราวกับว่าเขาต้องการจะให้เธอสร้างฐานที่มั่นของตัวเองให้ได้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังมีตะเกียงน้ำมันแปลก ๆ นั้นอีก…

“เขาตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของลัทธิชั่วร้ายหรืออะไรทำนองนั้นรึเปล่านะ?”

ชาร์ล็อตได้แต่สงสัย ก่อนจะฝังความคิดนั้นลงไปในส่วนลึกของหัวใจ