อันหลินสะกดกลั้นความไม่สบอารมณ์แล้วเดินหน้าต่อ
ซากงูด้านหลังพวกเขา จะถูกทหารสักนายจัดการเอง
ระหว่างนั้น พวกเขาก็เจอกับเสือลายพาดกลอนตัวเขื่อง กิ้งก่าสีรุ้งที่แผ่ไอพิษทั้งตัว และแรดยักษ์สูงสามจั้ง
สัตว์ประหลาดที่แลดูดุร้ายเหล่านี้ ล้วนถูกพวกอันหลินกวาดล้างมาตลอดทาง ไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่นิด
“เฮ้อ ไม่มีตัวที่เก่งเลยสักตัว”
ลั่วจื่อผิงยืดร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม พูดอย่างไม่ชอบใจมากนัก
“เหอะๆ หากว่าเจอสัตว์ภูต ก็ขอให้สหายลั่วแสดงฝีมือด้วยนะ” จงหย่งเหยียนยิ้มบางๆ แต่ใบหน้ากลับเจือความถากถาง
“อืม เมื่อถึงตอนนั้นลูกพี่อันไม่ต้องลงมือ ข้าจะขอดูหน่อยว่าสหายลั่วจะเก่งขนาดไหน” เหมียวเถียนพูดพลางขมวดคิ้ว
“เห็นด้วย!” ซุนเซิ่งเหลียนมองลั่วจื่อพิงด้วยสายตาเย็นเยือก ผงกหัวพูด
ลั่วจื่อผิงที่ถูกทั้งสามคนรุมโจมตีหน้าแดงก่ำ เริ่มขอโทษขอโพยอันหลิน “ขอโทษนะพี่อัน ข้าไม่ควรโอ้อวดต่อหน้าเจ้า!”
อันหลิน “…”
ให้ตายเถอะ! โยงมาถึงเราอีกแล้วเหรอ
ฉันทำอะไรผิดไปนะ!
นี่เป็นเพียงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ทุกคนเดินทางข้ามป่าข้ามเขาต่อไป
เป้าหมายสังหารสัตว์ประหลาดคนละสามสิบกว่าตัวภายในครึ่งเดือน
เมื่อแบ่งสรรแล้ว ฆ่าสัตว์ประหลาดวันละสิบกว่าตัวก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
แต่ทุกคนต้องไม่พอใจกับเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นแน่ เพราะนี่เป็นการทดสอบประจำปี หากว่าทำภารกิจได้เกินเป้าหมายละก็ สำนักจะมีรางวัลให้!
แม้อันหลินจะไม่แยแสรางวัลพวกนั้นมากนัก แต่สมาชิกของเขากลับคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ สมาชิกจึงได้กำหนดหลังหารือกันว่า เป้าหมายในตอนนี้คือ สังหารสัตว์ประหลาดยี่สิบตัวต่อวัน!
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงบึงแห่งหนึ่ง
ที่นี่มากด้วยแมลงมีพิษ เหมียวเถียนกับซุนเซิ่งเหลียนเกลียดที่แบบนี้อย่างออกนอกหน้า ต่างก็ย่นคิ้วเล็กน้อย
“ลูกพี่อัน เราเดินอ้อมกันเถอะ ที่นี่สกปรกนัก!”
เหมียวเถียนทำปากจู๋ โบกมือเป็นพัลวัน ขับไล่ยุงดูดเลือดที่บินวนเวียนรอบกาย
อันหลินเองก็คิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องลุยน้ำ ขณะที่กำลังจะตกลง พลันมีเสียงดังสนั่นของการต่อสู้ดังแว่วมาจากบริเวณที่ห่างจากหนองบึง
“เอ๊ะ มีบางอย่างข้างหน้า เราไปดูกันเถอะ!”
คนทั้งยี่สิบกลุ่มแยกย้ายกันเดินทาง
ตามหลักแล้ว เส้นทางของพวกเขาไม่มีทางพบเจอสมาชิกกลุ่มอื่น
ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้าจึงทำให้เขาเกิดความสนใจไม่น้อย
เมื่อสมาชิกได้ยินหัวหน้าลั่นวาจา ก็พยักหน้าเป็นจริงเป็นจัง จากนั้นเดินตามหลังอันหลิน มุ่งหน้าไปทางสมรภูมิรบ
ตูม
ลูกไฟระเบิดทันใด
ยุงดูดเลือดขนาดหนึ่งจั้งตัวหนึ่งถูกแรงระเบิดทำให้ล่าถอย แต่ยุงยักษ์อีกตัวกลับบินเข้าไปด้านหลังของคนคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ปากแหลมคมปานกระบี่ทิ่มแทงตัวเขา
“เฉินเต๋อ!”
ชายฉกรรจ์ที่สวมชุดหนังสัตว์ร้องลั่น
ชายคนที่ถูกยุงยักษ์โจมตีเบิกตากว้าง ร่างกายเหี่ยวแห้งทันตา ถูกดูดเลือดจนกลายเป็นมนุษย์ตากแห้งในพริบตา
ยุงยักษ์ที่อิ่มหนำแล้วชักปากออกแล้วบินกลางอากาศ จากนั้นจดจ้องอีกหกคนบนพื้นดินต่อ
บนผิวดิน มีบุรุษที่ถูกดูดเลือดจนแห้งกว่าสิบชีวิตแล้ว
แต่บนนภา มีสัตว์ประหลาดยุงยักษ์อีกสิบกว่าตัว…
“หัวหน้า เราหนีกันเถอะ…”
ชายถือกระบี่คนหนึ่งเห็นพวกพ้องถูกดูดเลือดไปทีละคน ก็พูดด้วยร่างกายสั่นเทิ้ม
“หนีงั้นหรือ! เจ้าหนียุงพวกนี้ทันหรือ” นัยน์ตาของชายฉกรรจ์ที่สวมชุดหนังฉายความโกรธแค้น พูดเสียงกร้าวว่า “ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะลากยุงพวกนี้ไปด้วย!”
ยุงดูดเลือดตัวหนึ่งบินโฉบมา ยื่นปากแหลมคมออกมาจะทะลวงหัวใจของชายชุดหนัง
“อ๊าก!” ชายคนนั้นยกขวานคู่ขึ้นฟาดฟันกับยุง
พลังปราณเคลื่อนไหวรอบตัวอย่างรุนแรง ลำแสงสีขาวพุ่งออกจากขวาน ฟันหัวของยุงยักษ์ตัวหนึ่งจนขาดสะบั้น!
ขณะนั้นเอง ชายคนนั้นก็ถูกยุงยักษ์สองตัวทะลวงแผ่นหลัง!
“หัวหน้า!”
สมาชิกที่เหลือต่างก็ถูกยุงก่อกวน เมื่อเห็นหัวหน้าถูกยุงโจมตี ก็ทำได้เพียงตะโกนลั่นอย่างตื่นตระหนก
ตูม!
หมัดสีทองกระแทกยุงยักษ์สองตัวด้านหลังชายฉกรรจ์ชุดหนังคนนั้นจนแหลกละเอียด
“วี้ๆ ๆ…”
จู่ๆ ยุงดูดเลือดรอบทิศก็แตกฮือ ยุงยักษ์หลายตัวพุ่งไปยังทิศทางเดียวกัน
ตรงนั้นมีศัตรูใหม่
แต่พวกเขายังไม่ทันได้จู่โจม ลำแสงเส้นหนึ่งก็พาดผ่าน ฟันหัวของยุงยักษ์หลายตัวให้หลุดจากตัว
หญิงผมยาวคนหนึ่งสะบัดกระบี่ จ้องยุงยักษ์นับสิบตัวตรงหน้าเขม็ง นางคือซุนเซิ่งเหลียน สมาชิกของกลุ่มอันหลินนั่นเอง
หนึ่งตัวในนั้นเห็นดังนั้นก็รู้ว่าไม่ได้การแล้ว กำลังคิดจะบินหนี กงจักรก็วาดวงโคจรสีขาว ตัดร่างกายของมันเป็นสองท่อนทันที
เหมียวเถียนควบคุมกงจักรให้พุ่งไปสังหารยุงยักษ์อีกตัว
ลั่วจื่อผิงกับจงหย่งเหยียนก็เข้าร่วมสมรภูมิรบเช่นกัน
หมัดของลั่วจื่อผิงพุ่งออกไปอย่างรุนแรง ทุกการโจมตีล้วนสามารถสังหารยุงยักษ์ตัวหนึ่งได้
จงหย่งเหยียนโบกพัดแผ่วเบา เกิดลมพัดกรรโชก ปิดล้อมยุงยักษ์ จากนั้นปลิดชีพ
สุดยอด…
ชายหลายคนที่ถูกปิดล้อม มองดูสมาชิกกลุ่มอันหลินฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยุงยักษ์ ต่างก็อุทานไม่ขาดปาก
ไม่นานยุงยักษ์สิบกว่าตัวก็ถูกฆ่าจนเหี้ยน ไม่มีรอดแม้แต่ตัวเดียว
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
อันหลินเดินไปหยุดตรงหน้าชายฉกรรจ์ชุดหนัง เอ่ยถามอย่างห่วงใย
ชายคนนี้ถูกปากแหลมของยุงยักษ์ทิ่มแทง ตอนนี้เลือดกำลังไหลออกจากแผลไม่หยุด
“ข้าไม่เป็นไร แค่แผลเล็กๆ ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ”
ชายฉกรรจ์สวมชุดหนังแสดงอาการซาบซึ้ง จ้องมองพวกอันหลิน ก้มตัวลงแล้วเอ่ยปาก
ชายหลายคนที่เหลือต่างก็โค้งคำนับแสดงความขอบคุณ หากไม่ได้พวกอันหลิงมาช่วยอย่างทันท่วงที ตอนนี้เกรงว่าพวกเขาคงจะตายคาปากยุงยักษ์ไปแล้ว
อันหลินส่ายหน้ายิ้มๆ “แค่เรื่องเล็กน้อย อีกอย่างพวกเราก็กำลังทำภารกิจล่าสัตว์ประหลาด สังหารสัตว์ประหลาดสิบกว่าตัวไปในคราวเดียว ก็นับว่าบรรลุเป้าหมายของวันนี้แล้ว”
ใบหน้าของพวกเหมียวเถียนฉายความพึงพอใจ ค้นหาสัตว์ประหลาดทั่วผืนป่ามันยุ่งยากเหลือเกิน
ตอนนี้โผล่มาทีเดียวสิบกว่าตัว พวกเขาย่อมดีใจเป็นธรรมดา
จากนั้นก็มีชายสวมชุดเกราะสิบกว่าชีวิตโผล่มาด้านหลังของพวกอันหลิน
พวกเขาเฉือนตำแหน่งที่มีมูลค่าจากตัวยุงยักษ์แล้วเก็บไว้ในแหวนมิติ
“พวกเจ้าเป็นศิษย์จากสรวงสวรรค์หรือ”
ชายฉกรรจ์ชุดหนังมองพันธมิตรนักพรตและทหารที่เหมือนจะเคยพบเจอมาก่อน ก็อดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้
“ใช่แล้ว” อันหลินพยักหน้า ไม่ปิดบัง
“ถึงว่าแค่กายแห่งมรรคขั้นสิบ แต่กลับระเบิดพลังต่อสู้อันน่าตะลึงออกมาเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเหล่าอัจฉริยะแห่งแดนจิ่วโจวนี่เอง” ชายฉกรรจ์กระจ่างแจ้ง
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาถึงได้พูดกับพวกอันหลินต่อว่า “ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น พวกเจ้าจะได้ผลเซียนขั้นเก้าหกลูก สนใจอยากร่วมมือกับพวกข้าหรือไม่”
ผลเซียน?
ดวงตาของอันหลินเป็นประกาย แม้จะเป็นผลเซียนที่มีระดับต่ำที่สุด แต่มูลค่าของมันก็ประเมินไม่ได้!
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร ลองว่ามาเถอะ” อันหลินโพล่งออกมาทันที
เมื่อสมาชิกที่เหลือได้ยินคำว่าผลเซียน ก็มองชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างคาดหวังเต็มอก
ชายชุดหนังพูดว่า “ในเขตหมื่นป่า กลุ่มล่าสัตว์ของพวกข้าเจอภูเขาวิเศษลูกหนึ่ง บนภูเขาลูกนี้ มีต้นภูตชิงเสวียนอยู่ต้นหนึ่ง ออกผลเซียนทั้งหมดเก้าลูก”
“เสียดายที่มีราชาวานรเนตรทองเฝ้าต้นภูตชิงเสวียนอยู่ กลุ่มล่าสัตว์ของพวกข้าหาทางเข้าไปเก็บผลเซียนพวกนั้นไม่ได้สักที สหายทุกท่านมีพลังแก่กล้า หากว่าเราร่วมมือกัน เมื่อสัมฤทธิ์ผลแล้ว จะแบ่งผลเซียนให้พวกเจ้าหกลูกดีไหม”
ผลเซียนสามารถทำให้นักพรตนับไม่ถ้วนเกิดความขัดแย้งกันได้ ผลเซียนเก้าลูกต้องทำให้วงการบำเพ็ญเซียนแห่งแคว้นสือหลงสั่นสะเทือนเป็นแน่
หากไม่ได้พวกอันหลินช่วยเหลือเกิน แถมยังเป็นศิษย์ของสรวงสวรรค์ พวกเขาไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลแบบนี้เป็นอันขาด
“อืม…ราชันวานรเนตรทองเป็นสัตว์ประหลาดระดับไหน” อันหลินลูบคางพร้อมกับเอ่ยถาม
“ราวๆ ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลาง” ชายฉกรรจ์ชุดหนังก็ไม่ปิดบัง
อันที่จริงเขาก็ไม่หวังให้พวกเขาเอาชนะราชาวานรเนตรทอง เพียงช่วยถ่วงเวลามันสักเดี๋ยว ให้ทุกคนอาศัยช่วงเวลาชุลมุนชิงผลเซียนไปเป็นพอ
แต่ทว่า คำพูดต่อมาของอันหลินก็ทำให้ชายฉกรรจ์กับลั่วจื่อผิงตกใจจนปัสสาวะเล็ด
“ตกลง!” อันหลินหัวเราะแล้วพูดต่อว่า
“ลั่วจื่อผิงทำหน้าที่จัดการราชาวานรเนตรทอง พวกเราทำหน้าที่เด็ดผลเซียน ไปกันเถอะ!”