บทที่ 86 ไม่ไปแดนเทวาดาวประกายพรึกได้หรือไม่

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 86 ไม่ไปแดนเทวาดาวประกายพรึกได้หรือไม่
ท่านนี้คือปรมาจารย์เซียนเสิ่นเอ้าเทียนที่ศิษย์พี่พูดถึงหรือ?

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางมองเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวตรงหน้าพลางแอบอุทานในใจ

บุรุษรูปหล่อเหนือธรรมดาเหลือเกิน มีท่วงท่าแห่งเทพเซียนจริงๆ

เด็กหนุ่มหล่อเหลาปานนี้ หากได้เป็นศิษย์แดนเทวาดาวประกายพรึกข้าละก็ ภายภาคหน้าสำเร็จวิชาเซียนถือกระบี่ท่องแดนบูรพา ก็เป็นเรื่องราวให้คนอื่นสรรเสริญเช่นกัน!

แน่นอน เงื่อนไขคือเขาต้องแบกรับกระบี่ของศิษย์พี่ไปให้ได้ก่อน แต่นั่นคือเรื่องของครอบครัวศิษย์พี่ อีกอย่างถึงศิษย์พี่จะบ้าอำนาจกว่านี้ก็ฆ่าเขาไม่ได้

อย่างมากสุดก็แค่ใช้คำว่า ‘ชี้แนะวิชากระบี่’ กระทืบเขาอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น

ถ้ามองจากมุมไกล มีแต่ประโยชน์กับเสิ่นเทียนไม่มีข้อเสียเลย ถึงอย่างไรเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์หลี่ชางหลันก็เป็นบุคคลในตำนานของแดนบูรพา ได้รับการชี้แนะอย่างสุดตัวจากเขา แม้แต่ศิษย์สายตรงแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายยังสนใจ

พอนึกถึงตรงนี้ ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก็ขยับตัวเล็กน้อยมาโผล่ตรงหน้าเสิ่นเทียนกับเหลียนเอ๋อร์

เขามองหลี่เหลียนเอ๋อร์ที่โดนเสิ่นเทียนกดศีรษะเอาไว้พลางมุมปากกระตุกเล็กน้อย จากนั้นหิ้วคอเสื้อหลี่เหลียนเอ๋อร์ขยับนางไปไว้ข้างๆ

…….

“ถ้าครั้งนี้ข้าเดาไม่ผิด ท่านน่าจะเป็นปรมาจารย์เซียนเสิ่นเอ้าเทียนล่ะสิ!”

ครั้งนี้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางระมัดระวังมาก เขาจ้องหน้าเสิ่นเทียนเขม็งพลางถาม

เสิ่นเทียนถอนหายใจด้วยความจนปัญญา “เฮ้อ ไฉนท่านเซียนต้องยึดมั่นเช่นนี้ ผู้เยาว์กับแดนเทวาดาวประกายพรึกผูกชะตากันแล้ว ให้เป็นไปตามชะตาก็พอ”

คำพูดของเสิ่นเทียนดังชัดเจนกลางตำหนักไร้พรมแดนอันเงียบสงบ ทันใดนั้นพลันเกิดระลอกคลื่นใหญ่ในใจแขกทุกคน

ยอมรับแล้ว ฝ่าบาทองค์ชายสิบสามทรงยอมรับแล้ว!

ก่อนหน้านี้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางกับเซียนเหลียนเอ๋อร์จำเสิ่นเทียนได้ แม้ทุกคนจะตื่นตกใจ แต่ในใจพวกเขาก็ยังมีความสงสัยยากจะเชื่อได้อยู่

ถึงอย่างไรผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก็ไม่ได้จำปรมาจารย์เซียนเสิ่นเอ้าเทียนพลาดเป็นครั้งแรก แต่ตอนนี้เสิ่นเทียนยอมรับออกมาตรงๆ นี่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างคือความจริงรึ!

…….

ทันใดนั้น แขกทุกคนในตำหนักไร้พรมแดนต่างมองเสิ่นเทียนด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปทันที!

โดยเฉพาะผู้ฝึกบำเพ็ญพเนจรส่วนน้อยยิ่งในตำหนักไร้พรมแดนที่รู้ฐานะแท้จริงของหลี่เหลียนเอ๋อร์ พวกเขามองเสิ่นเทียนด้วยแววตาตกตะลึงและอิจฉากว่าคนอื่นๆ

เพราะพวกเขารู้ดีที่สุดว่าเด็กสาวท่านนี้มีความพิเศษมากเพียงใด!

บิดาของนางคือเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์หลี่ชางหลัน ตำนานหมายเลขหนึ่งในช่วงสามพันปีของแดนเทวาดาวประกายพรึก!

แม้เขาจะเป็นเพียงผู้อาวุโสแดนเทวาดาวประกายพรึก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีศักยภาพชิงตำแหน่งเจ้าปกครอง ทว่าด้วยศักยภาพและพรสวรรค์ของหลี่ชางหลัน ทำให้เขาไม่แยแสจะไปแย่งชิงเลยต่างหาก

ในมุมมองของหลี่ชางหลัน พวกนั้นคือเรื่องไร้สาระและดูดีแต่ไร้แก่นสาร

รับการโจมตีจากเจตจำนงกระบี่ธารน้ำยาวของเขาไม่ได้สักครั้งด้วยซ้ำ

ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่หลี่ชางหลันมีชื่อเสียง ก็จับกระบี่หนักท่องแดนบูรพาไม่เคยแพ้ใครง่ายๆ

แม้แต่โอรสสวรรค์แดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นในรุ่นเดียวกันยังเอาเปรียบเขาไม่ได้ กล่าวได้ว่าหากได้กอดต้นขาหลี่ชางหลัน ได้ตบแต่งบุตรสาวที่รักของเขา ก็จะคุ้มค่าเสียยิ่งกว่าได้เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นศิษย์ฝ่ายในเสียอีก

เทียบกันแล้ว เสิ่นเอ้าคารวะผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเป็นอาจารย์ยังไม่มีค่าให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ

พอนึกถึงตรงนี้ แขกพวกนั้นขบคิดอยู่ในใจว่ารองานเลี้ยงส่งครั้งนี้จบแล้วจะเตรียมของขวัญชุดใหญ่ส่งไปที่ตำหนักใจพิสุทธิ์ดีหรือไม่

ถึงอย่างไรองค์ชายหกเสิ่นเอ้าคารวะผู้บำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณเป็นอาจารย์ก็ให้ของขวัญไปแล้ว ส่วนองค์ชายสิบสามคารวะผู้บำเพ็ญระดับหลอมรวมเทพสุดแกร่งเป็นพ่อตา เจ้าจะไม่ให้ของขวัญหรือ

ให้ของขวัญไปแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์หลี่กับเสิ่นเทียนก็อาจจะจำไม่ได้

แต่ถ้าเจ้าไม่ให้ จะทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์หลี่กับเสิ่นเทียนสังเกตเห็น

เหอะๆ คงไม่ต้องมีที่ยืนบนแผ่นดินใหญ่แดนบูรพาแห่งนี้แล้ว!

………

จักรพรรดิเหยียนเสิ่นเซี่ยวกับองค์ชายหกเสิ่นเอ้ามีความคิดต่างกับความคิดเห็นแก่ผลประโยชน์ในใจพวกแขกคนอื่น ความคิดในใจพวกเขาง่ายมาก

เสิ่นเซี่ยวมองเสิ่นเทียนที่เงยหน้ายืดอกขึ้นคุยกับผู้สูงศักดิ์จื่อหยางในระดับเดียวกันพลางตกตะลึงในใจ ขณะเดียวกันยังอดปลื้มใจมิได้

ไม่นึกเลยว่าหลายปีมานี้ เทียนเอ๋อร์จะมีโชคลิขิตเช่นนี้ อาศัยใบหน้าที่หลานเอ๋อร์ให้เขามาได้หัวใจขององค์หญิงน้อยแห่งแดนเทวาดาวประกายพรึก

มีท่านนั้นในแดนเทวาดาวประกายพรึกปกป้องแล้ว การพลิกฟ้าแก้ชะตาคงเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยแล้วกระมัง!

หากหลานเอ๋อร์รู้ว่าเทียนเอ๋อร์ได้คนดีเช่นนี้ จะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน!

ส่วนองค์ชายหกเสิ่นเอ้า ตอนนี้ภายในใจซับซ้อนอย่างยิ่ง

เขาสงสัยว่าชะตาของตนถูกทอดทิ้งหรือไม่ เห็นๆ อยู่ว่าข้าคืออัจฉริยะที่จะพานพบได้ในรอบร้อยปีของอาณาจักรต้าเหยียน เห็นอยู่ว่าน้องสิบสามเขา…เขาเป็นเด็กอับโชคที่สุดที่ดวงซวยมาตั้งแต่เยาว์วัยจนเติบใหญ่

เหตุใดวันนี้ทุกอย่างถึงเปลี่ยนไป หรือว่าฮวงจุ้ยจะเปลี่ยนทิศไปแล้ว?

หรือว่าข้าใช้ดวงตลอดสิบแปดปีมานี้หมดแล้ว ส่วนเขาเพิ่งจะผงาด?

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่น่าจะบังเอิญเช่นนี้!

น้องพี่ นี่มันงานเลี้ยงส่งของพี่นะ!

เจ้าส่งพี่ไปแบบนี้หรือ นี่มันแย่งเอาหน้ากันชัดๆ!

……

เมื่อเห็นผู้สูงศักดิ์จื่อหยางพูดคุยยิ้มแย้มกับเสิ่นเทียนอย่างสนิทสนมแล้ว เสิ่นเอ้ายอมรับว่าตัวเองเจ็บปวด

‘มีสิทธิ์อะไร มีสิทธิ์อะไร ข้าพยายามฝึกฝนเช่นนี้กว่าจะได้รับการยอมรับจากอาจารย์ แต่น้องสิบสามแค่หน้าตาดีก็ได้หัวใจของเซียนเหลียนเอ๋อร์ไป

อ้อ ใช่สิ เมื่อครู่น้องสิบสามยังบอกว่าเขาคือปรมาจารย์เซียนเสิ่นเอ้าเทียนหรือ ดังนั้นปรมาจารย์เซียนที่ข้าเคารพมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็คือน้องชายอับโชคของข้าเองหรือ’

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเอ้าก็รู้สึกว่ามีเจตนาร้ายรุนแรงหลั่งทะลักออกมา

น้องสิบสามมีความสามารถเช่นนี้กลับซ่อนเอาไว้ลึกมาก แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเก็บกระบี่บินเงินผ่องมาได้ น่าตลก!

ข้ามองเจ้าเป็นพี่น้อง แต่เจ้ากลับหลอกข้าเล่น!

คนแซ่เสิ่น ข้าไม่จบกับเจ้าแน่!

………

“นายท่าน ข้ารู้สึกว่ามีกลิ่นอายอาฆาตรุนแรงมาจากตัวพี่หกของท่าน” ลูกประคำเก้าโอรสในอกเสื้อสั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงของจิ่วเอ๋อร์ดังข้างหูเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย เบนสายตามองเสิ่นเอ้าก่อนจะเหมือนมีความคิดบางอย่าง

เฮ้อ ก็ใช่

ต้องรับผิดแทนอย่างไร้เหตุผล พี่หกไม่แค้นอาจารย์สิแปลก!

เขามองผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก่อนว่า “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ผู้เยาว์มีนามเดิมว่าเสิ่นเทียน เป็นองค์ชายสิบสามแห่งอาณาจักรต้าเหยียน เสิ่นเอ้าคือพี่หกของผู้เยาว์เอง ก่อนหน้านี้ที่เข้าใจผิดก็เพราะผู้เยาว์ ขอผู้อาวุโสอย่าโทษพี่หกข้าเลย”

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางมองเสิ่นเอ้าแวบหนึ่งก่อนจะมองเสิ่นเทียนอีกทีหนึ่ง เหมือนมีความคิดบางอย่าง

ดังนั้นคนที่ผ่าแร่ในสวนหมื่นวิญญาณก็คือเสิ่นเทียนที่ใช้นามปลอมว่าเสิ่นเอ้าเทียนหรือ แม้แต่ออกไปฝึกฝนยังปลอมชื่อ แถมยังใช้นามของพี่ชาย พี่น้องสองคนนี้รักกันจริงๆ!

หรือว่านี่คือความสนิทสนมดั่งคนเดียวกันในตำนาน?

ซาบซึ้งใจ ช่างน่าซาบซึ้งใจจริงๆ!

คิดได้ดังนั้น ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก็ให้ความสำคัญกับลูกศิษย์ของตนขึ้นอีกหลายส่วน

เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ช่วยไม่ได้ ในเมื่อปรมาจารย์เซียนออกปาก ข้าจะไม่ให้เกียรติได้อย่างไร”

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางหมุนตัวกลับมามองเสิ่นเอ้า “เอ้าเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องใช้ธุลีแดงฝึกจิตใจแล้ว รอจนจบงานเลี้ยงนี้ก็ตามอาจารย์กับน้องชายเจ้าไปแดนเทวาดาวประกายพรึกด้วยกันเลย!”

เมื่อเห็นผู้สูงศักดิ์จื่อหยางที่ยิ้มแย้มและดูไม่โกรธอะไรแล้ว เสิ่นเอ้าก็รู้สึกซับซ้อนในใจยิ่งกว่าเดิม เขารู้สึกว่าตนไม่ใช่อัจฉริยะอีก

แต่เหมือนแดนเทวาดาวประกายพรึกซื้อของหนึ่งแถมหนึ่ง ซึ่งเขาคือคนที่แถมนั้น

ตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา โลกนี้เป็นอะไรไป

เห็นๆ อยู่ว่าข้าต่างหากเป็นพระเอกของงานเลี้ยง!

……..

ขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนพลันกังวลใจขึ้นมา

ซี้ด ใครตอบตกลงว่าจะไปแดนเทวาดาวประกายพรึกกับเจ้ากัน

ครั้งนี้หลี่เหลียนเอ๋อร์แอบหนีออกจากบ้านมาอีกแล้ว เสิ่นเทียนใช้ก้นคิดก็รู้ว่าเจ้าพ่อหวงลูกสาวนั่นจะต้องโกรธเพียงใด

ตอนนี้จะให้ตามผู้สูงศักดิ์จื่อหยางไปแดนเทวาดาวประกายพรึก มั่นใจนะว่าจะไม่ถูกกระทืบตาย

เสิ่นเทียนจึงมองผู้สูงศักดิ์จื่อหยางที่ยิ้มแป้นพลางถามด้วยความจำใจ

“ผู้อาวุโส ไม่ไปแดนเทวาดาวประกายพรึกได้หรือไม่”

…………………………