บทที่ 87 ใครกล้าแตะต้องบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ของข้า

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 87 ใครกล้าแตะต้องบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ของข้า
ไม่ไปแดนเทวดาวประกายพรึกรึ

ครั้นได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

ตลกแล้ว ครั้งนี้ข้ารับคำสั่งจากศิษย์พี่ธารนิรันดร์ให้มาหาเจ้าเป็นพิเศษ

ถ้าเจ้าตอบตกลงกลับแดนเทวาดาวประกายพรึกกับข้า คนที่ศิษย์พี่ธารนิรันดร์นั่นจะฝึกซ้อมกระทืบก็คือเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่ตกลงกลับไปกับข้า ถ้าเกิดศิษย์พี่ธารนิรันดร์โมโหขึ้นมา หันมาฝึกซ้อมกับข้าล่ะจะทำอย่างไร

นึกย้อนไปถึงครั้งก่อนที่โดนศิษย์พี่ธารนิรันดร์ลากไปซ้อมด้วย ทดลองปราณกระบี่เสาสวรรค์ทะลวงกายที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางอดตัวสั่นมิได้ นัยน์ตาเผยประกายความหวาดกลัวเด่นชัด

คิดได้ดังนั้น ใบหน้าผู้สูงศักดิ์จื่อหยางที่มองเสิ่นเทียนดำมืดเช่นกัน

“สหายน้อย ข้ารับไหว้วานจากศิษย์พี่มา เจ้าอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก็ยังพูดจาเกรงใจ เพราะเขารู้สึกว่าตนอ่านพลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียนไม่ออก

ในสำนักเซียนความจริงก็มีการแบ่งระดับเช่นกัน แม้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางกับเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์จะเป็นผู้อาวุโสแดนเทวา ทว่าเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์เป็นหัวใจสำคัญยิ่งของแดนเทวาดาวประกายพรึกมาตั้งแต่หนุ่มๆ ฝึกฝนคัมภีร์กระบี่ดาวประกายพรึกที่อยู่สูงสุด

ส่วนพรสวรรค์บำเพ็ญเซียนของผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเทียบเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ไม่ได้ ได้ฝึกเพียงคัมภีร์กระบี่ชั้นหนึ่งเล็กน้อย

ระดับวิชาที่เขาฝึกฝนยังห่างไกลจากเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมมรดกสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ต่อให้เขามีพลังบำเพ็ญเหนือกว่าเสิ่นเทียนก็ยังสัมผัสได้เพียงพลังส่วนหนึ่ง

ประกอบกับในอกเสื้อเสิ่นเทียนยังซ่อนหน้ากากขนหงส์ของจางอวิ๋นซีเอาไว้ หน้ากากนั่นส่งผลมากที่สุดคืออำพรางกลิ่นอายพลัง

ด้วยเหตุนี้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางจึงไม่รู้ว่าเสิ่นเทียนมีพลังบำเพ็ญสูงต่ำเพียงใด แน่นอน แม้จะคาดการณ์พลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียนไม่ได้ แต่ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก็ไม่กลัว

น่าขัน พี่ชายตัวเองเสิ่นเอ้าเพิ่งจะสิบแปด น้ององค์ชายสิบสามจะอายุเท่าไรเชียว ต่อให้บิดาเขามีบุตรมีหนึ่งแปดคน เสิ่นเทียนกับเสิ่นเอ้าก็จะมีอายุเท่ากัน เริ่มฝึกบำเพ็ญจากครรภ์มารดาก็ไม่เกินสิบแปดปี

กับอีแค่เด็กน้อยอายุสิบกว่าปี ต่อให้มีวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่แก่กล้า หรือจะมีพลังบำเพ็ญสูงกว่าข้ากัน

หากประมือกันจริงๆ ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางมั่นใจว่าตนไม่มีทางแพ้ปรมาจารย์เซียนเอ้าเทียนที่ว่านี่แน่นอน

ที่กลัวเพียงอย่างเดียวคือกลิ่นอายพลังของปรมาจารย์เซียนเอ้าเทียนท่านนี้ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา กลัวว่าจะมีใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกวิชาที่สูงส่งอย่างยิ่งหรือมีสมบัติลับพิเศษอยู่ในตัว ล้วนหมายความว่าสำนักอาจารย์ของสหายน้อยนี่ต้องไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ปัญหาที่ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางต้องใคร่ครวญ

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้มาสังหารเสิ่นเทียน แค่เชิญเสิ่นเทียนไปเป็นแขกที่แดนเทวาดาวประกายพรึก ต่อให้บังคับจับตัวเสิ่นเทียนไปแดนเทวดาวประกายพรึกจริงๆ แล้วทำให้ผู้สูงส่งเบื้องหลังเขาไม่พอใจขึ้นมา

นั่นก็ยังมีเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์รับหน้าอยู่ไม่ใช่รึ ถึงอย่างไรเขาจื่อหยางเพียงแค่ทำตามคำสั่งไม่ได้ผิดอะไร

………..

คิดได้ดังนั้น พลังทั่วร่างผู้สูงศักดิ์จื่อหยางพุ่งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง อำนาจคุกคามน่ากลัวแผ่ปกคลุมทั้งตำหนักไร้พรมแดน

ดวงตะวันใหญ่สีม่วงอมแดงมหึมาดวงนั้นทุกส่วนรวมขึ้นจากปราณกระบี่คมกริบ เต็มไปด้วยความอลังการ

ตอนนี้เองมีร่างเทินกระถางดอกไม้ขึ้นหัวคนหนึ่งมาขวางหน้าผู้สูงศักดิ์จื่อหยางด้วยความแน่วแน่ นั่นคือหลี่เหลียนเอ๋อร์ ตอนนี้ผมชี้ของนางตั้งชี้ฟ้าอย่างทะนงองอาจแล้ว

“อาจารย์อาจื่อหยาง เหลียนเอ๋อร์ไม่อนุญาตให้ท่านทำร้ายพี่เสิ่น!”

พอเห็นหลี่เหลียนเอ๋อร์ที่มีสีหน้าจริงจังแล้ว ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเหงื่อซึมมาจากหน้าผาก เขายื่นนิ้วชี้มือขวาออกมาอย่างเฉยชา ปราณกระบี่มหาศาลรวมกลายเป็นมือยักษ์สีม่วงทันที

มือยักษ์สีม่วงนี้หิ้วคอเสื้อหลังของหลี่เหลียนเอ๋อร์ขึ้นเบาๆ แล้วขยับไปวางไว้ข้างๆ อย่างเบามือ

จากนั้นผู้สูงศักดิ์จื่อหยางมองเสิ่นเทียนด้วยความเย็นชาต่อ “สหายน้อย ช่วยไว้หน้าข้าด้วย ไม่อย่างนั้นหากข้าลงมือ จะมองหน้ากันไม่ติดเสียเปล่าๆ”

เพิ่งเอ่ยจบก็เห็นร่างหนึ่งมาขวางหน้าเสิ่นเทียนอีก

นางเทินกระถางดอกไม้ขึ้นหัว ใช่ ไม่ผิด ก็ยังเป็นหลี่เหลียนเอ๋อร์

“อาจารย์อา เหลียนเอ๋อร์จะไม่ยอมถอย!”

……

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางมุมปากกระตุก ก่อนควบคุมมือยักษ์สีม่วงหิ้วหลี่เหลียนเอ๋อร์ไปไว้ข้างๆ อีกครั้ง แขวนไว้กลางอากาศ

เสิ่นเซี่ยวด้านข้างมีสีหน้ากังวลก่อนจะรวมฤทธิ์เดชทั่วร่างไว้พลางกล่าว “ท่านเซียน ท่านจะทำอะไร”

เสิ่นเอ้าเห็นภาพนี้แล้วก็เป็นห่วงอาจารย์ตนเองนิดๆ “อาจารย์ท่านคิดทบทวนก่อนเถอะ!”

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเผยรอยยิ้มสูงส่งเย็นชา “พวกเจ้าวางใจ ข้าไม่มีเจตนาร้าย แค่ศิษย์พี่เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ของข้าอยากจะพบสหายน้อยเสิ่นเทียน สหายน้อยเสิ่นเทียนเลิกขัดขืนแล้วตามข้าไปดีกว่า!”

เสิ่นเทียนเห็นผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเตรียมจะลงมือแล้วเกิดความสงสัยในชีวิตไม่หยุด

ไร้ปรานีจริงๆ พวกตัวละครในการ์ตูนก่อเรื่องอึกทึกครึกโครมยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่สู้ไม่ได้เลย ศัตรูที่เจอไม่อ่อนแอกว่าตนก็สูงกว่าตนนิดหน่อยพอจะระเบิดพลังสู้ได้

เหตุใดพอมาถึงข้าบทถึงเปลี่ยนไปหมดเช่นนี้

ก่อนหน้านี้ตอนข้าหลอมกายขั้นหนึ่งก็เจอกับผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยระดับแก่นพลังทอง

นี่ไม่เท่าไร ถึงอย่างไรตอนนั้นข้าก็ยังเป็นคนอับโชคที่มีวงรัศมีสีขาวปนดำยังไม่ได้ชะล้างอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ข้าชะล้างขาวสะอาดหมดจดแล้ว กระทั่งออกสีเขียวแล้ว เหตุใดถึงมาเจอคู่ต่อสู้ที่แกร่งเช่นนี้

บ้าจริง ตอนนนี้ข้าเพิ่งหลอมกายและหลอมปราณขั้นห้าเอง จะให้ข้าสู้กับระดับดวงจิตดรุณอย่างไร

เดิมทีเสิ่นเทียนยังคิดว่ามีชุดเกราะแรดดำครึ่งตัว ชุดเกราะเต่าดำผนวกกับบัตรทรูป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ก็มั่นคงพอแล้ว ตอนนี้ดูแล้วในโลกบำเพ็ญเซียนที่มีอันตรายซุ่มอยู่ทุกที่ หากยังสู้ระดับหลอมรวมเทพไม่ได้ก็ยังไม่ถือว่ามั่นคง!

อีกอย่าง ข้าชะล้างขาวสะอาดจริงๆ หรือ หรือว่ายังต้องเขียวกว่านี่อีกหน่อย

………….

ภายในใจคิดถึงกลยุทธิ์อย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายเสิ่นเทียนก็ต้องจนปัญญาเพราะไม่มีทาง

ช่างเถอะ ในเมื่อต่อต้านไม่ได้ เช่นนั้นก็ยอมรับทุกอย่างแล้วกัน!

เดี๋ยวหากมีโอกาสค่อยลองหนีไปกลางทาง

เสิ่นเทียนเค้นรอยยิ้มน้อยๆ ขณะจะก้มหน้ายอมรับจากใจนั้น จู่ๆ มีเสียงตะคอกระเบิดดังมาจากบนฟ้าตำหนักไร้พรมแดน “ใครกล้าแตะต้องสหายเสิ่นของข้า!”

เมื่อสิ้นเสียง ก็เห็นพยัคฆ์ร้ายสีขาวตัวใหญ่รวมขึ้นกลางอากาศ พลังอำนาจล้นฟ้า

โฮกๆๆ!

พยัคฆ์คำรามสะเทือนฟ้า พยัคฆ์ร้ายสีขาวปกคลุมไปด้วยประกายสายฟ้าแก่กล้าทั่วร่าง ราวกับสัตว์เทพบนสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์

มันอ้าปากกว้าง กลืนดวงตะวันสีม่วงดวงใหญ่มหึมานั้นที่ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางรวมขึ้นลงท้องไปในคำเดียว จากนั้นร่างระหงสีขาวอมทองสว่างพร่างพราวพลันปรากฏระหว่างเสิ่นเทียนกับผู้สูงศักดิ์จื่อหยาง

ทั่วร่างนางปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายพลังสายฟ้าแข็งแกร่งสูงสุด หมัดขวายังมีแสงสีทอง

นี่คือสตรีคนหนึ่ง สตรีที่สวมเกราะพยัคฆ์ขาวราวกับเทพีสงคราม

นางเพิ่งก้าวเข้ามากลางตำหนักไร้พรมแดนก็จู่โจมใส่ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางอย่างบ้าคลั่ง หมัดนี้จู่โจมออกไปเหมือนมีพยัคฆ์ขาวหุ้มด้วยประกายแสงกระบี่สีทองกระโจนใส่เหยื่อ

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางหน้าเปลี่ยนสี รีบรวมประกายแสงกระบี่สีม่วงวงหนึ่งบนผิวกาย ใช้เป็นพายุกระบี่คุ้มกัน

“ปราณม่วงจากบูรพา อรุโณทัยคุ้มกาย!”

ประกายแสงกระบี่รวมเป็นดวงตะวันสีม่วงขวางหน้าผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเอาไว้

ทว่าอานุภาพหมัดไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงักแม้แต่นิด แต่โจมตีใส่ดวงตะวันม่วงดวงนั้นอย่างแรง

กึก~

ดวงตะวันม่วงมหึมาพลันแตกกระจายท่ามกลางเสียงตกตะลึงของทุกคน

ร่างสะบักสะบอมถูกกระแทกปลิวไป

ชั่วพริบตาเดียวก็ชนกับพระราชวังพังเป็นแถบ!

เสิ่นเอ้าเห็นผู้สูงศักดิ์จื่อหยางปลิวไปราวกับกระสุนปืนใหญ่แล้วก็ถอนหายใจ

อาจารย์นี่นะ ศิษย์บอกท่านแล้วว่าให้ทบทวนก่อน

ท่านดูสิ นี่ไม่ใช่การสร้างเวรสร้างกรรมรึอย่างไร!

……

ส่วนอีกด้าน ตอนนี้เสิ่นเทียนยังตั้งสติไม่ได้ ใบหน้าเขายังคงเผยรอยยิ้มปอดแหกก่อนหน้านี้อยู่

แต่ตอนนี้กลับมีความมั่นใจและหลักแหลมรับได้ทุกสถานการณ์ เหมือนว่าทุกอย่างอยู่ในการคาดเดาของเขาหมดแล้ว

ทำให้ผู้หญิงโดยรอบพากันเหม่อมอง

………………….………….