ตอนที่ 141 เริ่มใหม่ / ตอนที่ 142 คุณหนวกหูชะมัด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 141 เริ่มใหม่

 

 

ภายในรถ เฉินฝานซิงยังคงนั่งอยู่ในอ้อมกอดของป๋อจิ่งชวน

 

 

หลังจากที่เมื่อครู่เขาอุ้มเฉินฝานซิงขึ้นมาบนรถ จนถึงตอนนี้อิริยาบถของพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

 

 

รถได้แล่นออกมาไกลจากโรงแรมมากแล้ว เฉินฝานซิงซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา การได้สูดกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของเขาทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจเป็นพิเศษ

 

 

จิตใจที่ขึงตึงเมื่อสักครู่ค่อยๆ ผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่าแอลกอฮอล์จะออกฤทธิ์เร็วยิ่งขึ้น ตรงขมับของเธอยังคงเต้นตุบๆ เธอที่กำลังมึนหัวตาลายอยู่นั้นไม่อยากจะเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

 

 

“ไม่สบาย?”

 

 

เขาเอ่ยถามเสียงทุ้ม พลางยกมือใหญ่ขึ้นลูบเส้นผมของเธอเบาๆ

 

 

ดวงตาของเธอหนักอึ้ง พิงศีรษะไว้กับหน้าต่าง เธอหลับตาปี๋พร้อมพยักหน้าอย่างยากลำบาก

 

 

“ปวดหัว…”

 

 

ป๋อจิ่งชวนดันศีรษะเธอกลับมา เธอลืมตาขึ้นมองเขา

 

 

แสงไฟนีออนจากเมืองด้านนอกหน้าต่างส่องกระทบลงบนตัวรถ ดวงตาที่ขึ้นสีแดงฉาบไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

 

 

หัวใจของเขาวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะรั้งเธอเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง

 

 

เป็นอีกครั้งที่ความอุ่นวาบโอบกอดร่าง เฉินฝานซิงผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ร่างของเธอผ่อนคลายลงอย่างสิ้นเชิง ปล่อยให้หัวนั่นปวดไปเช่นนั้น ปล่อยให้สมองนั้นหมุนติ้ว ปล่อยให้สายตาดื้อรั้นนั้นปิดลง

 

 

เส้นผมหนานุ่มถูไปมาบนหน้าอกของเขาพร้อมส่งเสียงครางต่ำออกมาอย่างพึงพอใจ

 

 

หลับใหลอย่างไร้กังวล

 

 

เขาก้มลงมองหญิงสาวที่นอนสงบเสงี่ยมอยู่ในอ้อมกอด ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ความเย็นชาและดื้อรั้นบนใบหน้าใสงดงามได้หายไปจนหมดสิ้น เส้นผมที่พันกันยุ่งเหยิงปรกลงบนใบหน้า แพขนตายาวสั่นไหวเบาๆ ตามจังหวะลมหายใจ เธอหลับพริ้มอย่างสบายใจ

 

 

รถแล่นไปตลอดทาง ครึ่งชั่วโมงให้หลังในที่สุดรถก็ขับมาถึงคฤหาสน์

 

 

“คุณผู้ชายครับ ถึงแล้วครับ”

 

 

“อืม”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหันมามองหญิงสาวที่ดูเหมือนกำลังฝันหวาน “นายไปก่อนเถอะ”

 

 

แม้เขาจะก้มลงพูดกับเฉินฝานซิง แต่อวี๋ซงก็รีบปรี่ลงจากรถอย่างว่องไว

 

 

ป๋อจิ่งชวนเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมให้เธอ เรียวนิ้วลูบลงบนซีกหน้าเธออย่างถนอม “ถึงบ้านแล้ว”

 

 

เฉินฝานซิงขมวดคิ้วยุ่ง เปลือกตาไหวสั่นแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาและกลับถูไถไปมาในอ้อมแขนของเขาพร้อมสอดแขนยึดเอวของเขาเอาไว้ไม่ให้เขาขยับไปไหน

 

 

สถานที่ที่ร้อนจนไม่น่านอนเช่นนี้ไม่อาจหายไปได้อย่างฉับพลัน

 

 

ป๋อจิ่งชวนมองมือคู่นั้นที่โอบรอบเอวของเขาอยู่ แล้วมองหญิงสาวที่นอนหลับอุตุอยู่ในอ้อมกอดก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ไหว

 

 

“ไม่ลุก?”

 

 

“…อืม ที่นี่ดีที่สุดแล้ว” เธอพูดเพ้อ

 

 

นัยน์ตาของเขามืดดับ ภายในรถที่เหลือเพียงเขาและเธอเพียงสองคนพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ และกลิ่นหอมจางๆ บนตัวของหญิงสาว

 

 

เขายื่นมือไปช้อนคางเธอขึ้นมาแล้วเอ่ยถามกับเธอด้วยเสียงแหบพร่าและทุ้มต่ำ

 

 

“ดียังไง”

 

 

“งือ ตรงนี้…อุ่นดี”

 

 

ตอนนี้เฉินฝานซิงทั้งเมาและสะลึมสะลือ แค่ได้ยินเสียงของป๋อจิ่งชวนดังอู้อี้อยู่ข้างหู เธอก็ตอบออกมาเองตามความรู้สึก

 

 

ฝ่ามือทาบทับลงบนแผ่นอกของชายหนุ่มตอกย้ำคำตอบของตัวเอง

 

 

“จูบผมสิ แล้วคืนนี้ผมจะยอมให้คุณนอนที่นี่ หืม?”

 

 

เฉินฝานซิงฝืนลืมตาขึ้นมองชายหนุ่ม สิ่งที่เห็นคือสันกรามที่หยิ่งทะนง

 

 

เธอนิ่งไปก่อนจะเงยหน้าเข้าใกล้กับคางของเขาแล้วกดจูบลงไปหนึ่งที

 

 

นัยน์ตาที่ดูเย็นชามาตลอดบัดนี้ได้ฉาบไปด้วยความตกตะลึง

 

 

แม้ความต้องการนั้นจะเป็นสิ่งที่เขาพูดขึ้น แต่เขาก็แค่พูดไปเช่นนั้นเอง

 

 

นึกไม่ถึงเลยจริงว่าจู่ๆ เธอก็เป็นฝ่ายจูบเขาก่อนจริงๆ

 

 

ความตกตะลึงได้ลบเลือนหายไป ทว่าความรู้สึกรุนแรงบางอย่างกลับพุ่งสูงขึ้น

 

 

เขาช้อนคางเธอกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ให้ใบหน้าเธอผินกลับมาอีกครั้ง

 

 

“เมื่อกี้ผมไม่นับ เริ่มใหม่!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 142 คุณหนวกหูชะมัด

 

 

“เมื่อกี้ผมไม่นับ เริ่มใหม่!”

 

 

นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองเธออย่างไม่ลดละ เสียงต่ำคล้ายคนเมา

 

 

เฉินฝานซิงจะลดคางกลับตามสัญชาตญาณ แต่สุดท้ายกลับถูกรั้งเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

 

 

“เมื่อกี้ผมไม่นับ ขอใหม่อีกครั้ง” เขาประท้วง

 

 

เธอย่นคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ

 

 

ดูท่าจะโกรธเอามาก!

 

 

ทันใดนั้นก็เธอประกบริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด ฟันคมกระทบเข้ากับมุมปากเรียกความเจ็บปวดให้แล่นขึ้นมาในท้ายที่สุด

 

 

เธอกลับไปซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้ง ก่อนจะขยับตัวไปมาเพื่อหาท่าที่สบายแล้วก็นิ่งไป

 

 

เขาแลบลิ้นเลียรสคาวของเลือดที่คละคลุ้ง

 

 

แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว

 

 

แต่ไม่นานป๋อจิ่งชวนก็เริ่มนึกฉุนขึ้นมาอีก

 

 

ยัยผู้หญิงคนนี้ เมาจนไม่แยกแยะเลยรึไง

 

 

ใช้ให้ทำอะไรก็ทำ?

 

 

วันนี้เป็นเขา แล้วถ้าหากไม่ใช่เขาล่ะ

 

 

คิ้วตรงขมวดชนกัน

 

 

ดูเหมือนว่าตอนผู้หญิงคนนี้เมา จะถูกงาบไปได้ง่ายๆ!

 

 

คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น เขาก้มหน้าลงมองหญิงสาวที่ไม่ได้สติอยู่ในอ้อมกอดของเขา ถามเธอด้วยเสียงเข้มอีกครั้ง

 

 

“เฉินฝานซิง ผมคือใคร”

 

 

เธอไหวตัวอยู่ในอ้อมกอดเขาราวกับกำลังฝัน

 

 

“ป๋อจิ่งชวน…”

 

 

รอดไป

 

 

เขายกยิ้มขึ้นอย่างเงียบงัน

 

 

“อืม”

 

 

“คุณหนวกหูชะมัด”

 

 

“…” ภายในตัวรถตกอยู่ในความเงียบอยู่หลายนาที

 

 

เนิ่นนานก่อนที่ป๋อจิ่งชวนจะเปล่งเสียงหัวเราะอันทุ้มต่ำออกมา

 

 

เขาน่าหนวกหู?

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาหงุดหงิดใส่เขาแบบนี้

 

 

แต่ก็เอาเถอะเขาไม่คิดจุกจิกกับเธอแล้ว

 

 

ใครกันล่ะที่ทำให้เขากลายเป็นหมาป่ามาแล้วครั้งหนึ่ง!

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะขี้หงุดหงิดแบบนี้

 

 

จางมายืนมองอยู่ตรงประตูอยู่นาน เห็นเพียงอวี๋ซงลงมาจากรถโดยลำพังก่อนจะเดินจากไป เธอก็ยังนึกสงสัยว่าทำไมถึงไม่เปิดประตูให้คุณผู้ชายกับคุณหนูเฉิน

 

 

ดูๆ ไปแล้วคุณผู้ชายคงจะลงมาเอง แต่จนป่านนี้แล้วภายในรถคันนั้นก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ

 

 

นี่ได้รับโทรศัพท์มาว่าให้เตรียมชาแก้สร่างเมาสองเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นี่ก็เตรียมให้แล้วไง พวกคุณก็ลงๆ กันมาสิ?

 

 

มีอยู่หลายครั้งที่เธอคิดจะเดินไปเปิดประตูแล้วเชิญพวกเขาลงมา แต่เธอก็รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ในนั้นคือคุณผู้ชายกับคุณหนูเฉิน

 

 

เธอจึงยืนรอแบบแห้งเ**่ยวทั้งอย่างนั้นกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม กระทั่งสุดท้ายจางมาก็ยอมต้องยกธงขาว ตัดใจแล้วกลับห้องไปนอน อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว รอพวกหนุ่มๆ สาวๆ เขาไม่ไหว

 

 

 

 

เช้าตรู่ของวันถัดมา

 

 

เฉินฝานซิงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นในอ้อมกอดของป๋อจิ่งชวน

 

 

ภาพที่ปรากฏสู่สายตาดูไม่ได้มีความคล้ายคลึงกับห้องนอนเลยแม้แต่น้อย

 

 

เธอยกมือขึ้นขยี้ตา แล้วพิจารณาภาพตรงหน้าใหม่อีกครั้งก็พบว่าตัวเองดันตื่นขึ้นมาในรถ

 

 

เธอทอดมองออกไปยังสีของท้องฟ้าที่สว่างจ้าและอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่ไพศาลพร้อมทั้งทิวทัศน์ที่สวยเกินคำบรรยายที่แสนคุ้นตา

 

 

เธอตื่นขึ้นเต็มตา!

 

 

นี่เธอนอนในรถทั้งคืน?

 

 

“ตื่นแล้ว?”

 

 

เสียงทุ้มต่ำในลำคอเอ่ยขึ้นข้างใบหู ทำเอาเธอใจหายใจคว่ำไปในทันที

 

 

เธอรีบเงยหน้าขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายากที่จะหาใครเหมือนได้นั้นปรากฏสู่สายตาของเธอ

 

 

เธอชะงักไปค่อนวันก่อนจะรับรู้ว่าร่างของเธออยู่ในอ้อมอกของเขา เธอเด้งตัวออกจากอ้อมกอดของเขาทันทีตามสัญชาตญาณ

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเองอาการเจ็บแปลบก็ได้แล่นเข้ามาในศีรษะ

 

 

อาการแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอ มันก็คืออาการแฮงก์

 

 

ไม่โทษที่ความรู้สึกของเธอช้า นอนในรถทั้งคืนครั้งแรกในชีวิตแถมยังในอ้อมกอดของผู้ชายอีกทั้งหลับจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

 

 

“พวกเรา…ซีด…”

 

 

แค่เธอขยับปาก ความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นมาตรงมุมปากของเธอจนต้องร้องซีด