บทที่ 93

เมื่อได้ยินความคิดของเสี่ยวมูฉิง ถังหยินก็เริ่มสนใจ “นี่คือสิ่งที่เจ้าได้จากการวิเคราะห์พวกมอร์ฟีสในครั้งนี้สินะ ?”

“ขอรับ !!!” เสี่ยวมูฉิงตอบรับ

“ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจพวกมันดีทีเดียว ?” ถังหยินเลิกคิ้วขึ้น

เสี่ยวมูฉิงไม่ได้ตอบตรงๆ “ข้าน้อยเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่อายุ 16 ปี ดังนั้นจึงได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มาไม่น้อยขอรับ”

ชายหนุ่มรู้สึกสนใจไม่น้อย เขาไม่คิดเลยว่าพ่อหนุ่มคนนี้จะอยู่ในกองทัพตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนั้น “ถ้างั้นการที่พวกมันมาโจมตีเมืองเราในครั้งนี้ นั่นก็แสดงว่าในขณะนี้พวกมันกำลังคิดจะเข้าโจมตีจุดอื่นอยู่สินะ ?”

มูฉิงตะลึงไม่น้อยที่ถังหยินสามารถเข้าใจได้รวดเร็วเช่นนี้ เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดตอบไปว่า “แต่เดิมนั้นมันมีความเป็นไปได้ ทว่าตอนนี้พวกมอร์ฟีสนั้นอาจไม่ทำเช่นนั้นแล้วก็เป็นได้”

“ทำไมเล่า ?”

“ครั้งนี้พวกมันสูญเสียกันมากเกินไป ดังนั้นข้ามั่นใจว่าพวกมันจะต้องตามมาล้างแค้นแน่ ๆ แต่แค่การถล่มเมืองหวางนั้นอาจไม่ทำให้พวกมันพอใจได้ ดังนั้นผู้คนที่อยู่ตามชายแดนจะต้องตกเป็นเป้าหมายแรกของพวกมันแน่นอน”

ถังหยินที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตะลึง เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามูฉิงจะสามารถคาดเดา และคิดอ่านได้ขนาดนี้ ซึ่งถ้าอีกฝ่ายพูดถูกละก็ นั่นก็จะหมายความว่าเมืองที่อยู่แถบนั้นจะเป็นอันตราย “เจ้าคิดว่าพวกมันจะมากันเท่าไหร่ ?”

มูฉิงครุ่นคิด “น่าจะประมาณ 5 หมื่น ไม่ก็ 1 แสนนายขอรับ”

นั่นมันเยอะมากทีเดียว ! ถังหยินขมวดคิ้ว

ในเวลานั้น แม่ทัพนายกองนายหนึ่งก็ได้เข้ามาหาถังหยินและก้มหัวให้ “ท่านแม่ทัพ พวกเราจัดการสนามรบเรียบร้อยแล้ว มีศพพวกมอร์ฟีสกว่า 2 พันนาย ส่วนกองทัพของเรานั้นมากกว่าร้อยนาย”

ถังหยินได้สติและตอบกลับ “เข้าใจแล้ว”

จริง ๆ แล้วจำนวนผู้เสียชีวิตในศึกนี้ไม่ได้มีแค่ 2 พันนาย แต่เพราะไฟของถังหยิน จึงทำให้พวกมันกลายเป็นฝุ่นผงไปโดยไม่มีอะไรเหลือเลย และสำหรับพวกเฟิงที่ตายไป ส่วนใหญ่ก็เป็นทหารเมืองหวางทั้งนั้น พวกทหารม้าที่ตามชายหนุ่มมานั้นไม่ได้ตายเลยสักคน

เขามองมูฉิงและจินซิน “พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว”

“ข้าน้อยขอตัวลา” ทั้งสองก้มหัวให้และเดินออกไป

หลังจากทั้งสองออกไป ถังหยินก็ถาม “พวกเจ้ารู้จัก 2 คนนั้นไหม ?”

นายกองทั้งสองพูดขึ้น “รู้จักขอรับ พวกเขาคือนายกองเมืองหวาง ชื่อของพวกเขาก็ตามที่ท่านว่า มีอะไรหรือนายท่าน ?”

“ข้าได้ยินมาว่ามูฉิงอยู่ในกองทัพมา 10 ปีแล้วหรือ ?”

นายกองพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อายุงานของเขามากกว่าข้าเสียอีก”

“แล้วทำไมถึงอยู่แค่ตำแหน่งนั้นกัน ?”

“มัน… มีเหตุผลขอรับ” เขาเกาหัวและตอบกลับไป “พลังปราณของเขาไม่สูงมากนัก และถึงแม้เรื่องพลังปราณจะไม่ใช่ปัจจัยหลักก็ตาม หากแต่ด้วยนิสัยของเขาที่เป็นคนขี้อายและชอบทำผิดกฎ จึงทำให้เขาไม่อาจได้รับการเลื่อนยศไปได้สูงกว่านี้แล้วขอรับ นี่ถ้าเพราะไม่ใช่เขาทำงานมานาน ป่านนี้ก็โดนลงทัณฑ์ไปแล้ว”

อย่างนี้นี่เอง ถังหยินเริ่มรู้สึกผิดหวัง หากแต่มันก็ทำให้เขานึกถึงชิวเจิ้นที่เป็นแบบนี้เช่นกันขึ้นมาได้ เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพวกรักตัวกลัวตาย แต่คนแบบนี้ก็ฉลาดมากทีเดียว คนพวกนี้จะระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษและไม่ชอบการเสียสละที่ไร้ค่า หรือว่ามูฉิงเองก็เป็นแบบนั้น ?

ถังหยินยิ้ม เขาส่ายหัวและหยุดคิด มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นยังไง ในตอนนี้เขาต้องรีบเสริมการป้องกันเมืองชายแดนให้ดี เพราะถ้าพวกมอร์ฟีสมาจริง ๆ จะได้ไม่เสียหายมากนัก

ว่าแล้วพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

ในขณะที่พวกมอร์ฟีสเข้าโจมตี ผู้คนได้หายตัวไปกันหมด ไม่เหลือแม้แต่คนธรรมดาหรือทหารที่ป้องกันเมือง และเมื่อตอนนี้พวกทหารมอร์ฟีสถูกจัดการไปแล้ว จึงทำให้พวกคนที่แอบซ่อนตัวพากันออกมา

ถังหยินเดินเข้ามาหาฝูงชน

ผู้คนในเมืองนี้ไม่รู้จักถังหยิน แต่เมื่อเห็นว่าชุดของเขาไม่ใช่แบบปกติทั่วไป และผนวกกับที่ชายหนุ่มมีทหารอยู่ข้างกายเป็นจำนวนมาก จึงทำให้พวกเขาพากันระวังตัว เว้นระยะห่าง

ชายหนุ่มยิ้มและพูด “ทุกคนไม่ต้องแปลกใจ ข้าคือถังหยิน”

ฝูงชนตะลึง เพราะมันกลายเป็นว่าชายรูปหล่อคนนี้ก็คือผู้ว่าเขตปิงหยวน ถังหยินนั่นเอง

ตำแหน่งนี้ถือว่าสูงมากทั้งในตำแหน่งทางการเมืองและการทหาร เป็นเหมือนดั่งศูนย์รวมของคนในเขตนี้เข้าด้วยกัน และไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเห็นได้บ่อย ๆ

ในจังหวะที่เขาพูด มันก็ได้มีใครหลาย ๆ คนพากันคุกเข่าลง

ถังหยินตะลึง เขาไม่คิดว่าจะได้รับการปฏิบัติจากทุกคนแบบนี้ ด้วยทำตัวไม่ถูก ชายหนุ่มจึงรีบพยุงชายวัยกลางคนให้ขึ้นมา และบอกกับทุกคนว่า “พวกเจ้าไม่ต้องสุภาพแบบนั้นหรอก ลุกขึ้นเถอะ”

“นายท่าน…” ชายแก่คนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมามองเขา “นายท่าน… ท่านจะต้องช่วยเหลือพวกเรา”

ถังหยินงุนงงนิดหน่อยกับคำพูดนี้ ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งจะมาช่วยไปหรือ ? “ช่วยพูดขยายความให้ข้าที”

ชายแก่พูดอย่างโอดครวญ “สำหรับการที่ท่านที่มาช่วยพวกเรานั้นมันก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับการที่พวกมันตายไปนั้น เจ้าพวกนั้นจะต้องกลับมาล้างแค้นเป็นแน่ ! และถ้าเวลานั้นมาถึง พวกเราจะต้องตายกันหมด !”

“ถูกต้องแล้วนายท่าน”

ผู้คนโดยรอบพากันแสดงความคิดเห็น และทำท่าอ้อนวอนขอให้ชายหนุ่มช่วยด้วยความกลัวว่าสิ่งที่เกิดในวันนี้จะทำให้เกิดภัยร้ายในวันข้างหน้า !

สิ่งนี้เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน ด้วยกองทัพของปิงหยวนที่ไม่อาจปกป้องทั้ง 3 เมืองพร้อมกันได้ จึงทำให้เวลาเจอกับพวกข้าศึกลำบากไม่ใช่น้อย

ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ “ใครคือเจ้าเมืองของเมืองแห่งนี้ ?”

ชายแก่เมื่อครู่ยืนขึ้นและประกบมือคำนับ “ข้าเองขอรับ ซ่งเหวิน”

“เจ้านี่เอง” ถังหยินพยักหน้า “เจ้าจงรีบจัดการให้คนในเมืองเก็บข้าวของและย้ายเข้าไปในเมืองชายแดนซะ”

“หา ?” ซ่งเหวินและผู้คนโดยรอบพากันตกตะลึง การที่ให้ชาวเมืองหวางย้ายไปยังเมืองชายแดน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องยาก หากแต่มันก็ผิดกฎของแคว้นเฟิงไม่ใช่หรือ ?

“ท่าน.. แต่มันจะเป็นการผิดกฎ…”

โดยไม่รอให้พูดจบ ถังหยินก็ขัดคอ “ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายเช่นนี้ แล้วพวกเจ้ายังจะสนเรื่องนั้นกันอยู่อีกหรือ !”

“แต่ว่า…”

“ถ้ามีปัญหาข้าจะเป็นคนจัดการให้เอง หรือว่าเจ้ามีหนทางอื่นอีกกัน ?” ถังหยินมองซ่งเหวินด้วยหางตา

ในเมื่อพูดแบบนั้นไปแล้ว ซ่งเหวินเองก็ไม่รู้จะต้องทำยังไง เขาคุกเข่าลงบนพื้นและก้มหัวให้ “ข้าน้อยผู้ต่ำช้าขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง”

“เจ้าก็กล่าวเกินไป” ถังหยินหัวเราะเบา ๆ และหันมองไปยังทุกคนที่มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง

เมื่อทุกคนกลับไปเก็บสัมภาระในเมืองเพื่อเตรียมการเดินทาง พวกฉางกวงที่ไปไล่ตามทหารมอร์ฟีสก็ได้กลับมาพร้อมกับเชลยศึกกว่า 200 นายพอดิบพอดี

พวกที่พ่ายแพ้มีสภาพไม่ต่างจากไก่ที่แพ้ในการแข่งชนไก่ พวกมันเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล และคราบโลหิต

เมื่อชาวเมืองเห็นพวกเชลยมอร์ฟีส ก็เริ่มหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ และถอยไปมองดูจากที่ห่าง ๆ

ไม่นานนัก มันก็เริ่มมีคนขว้างหินและไม้ใส่พวกเขา ก่อนที่มันจะขยายวงกว้าง กลายเป็นการรุมประชาทัณฑ์จากคนนับร้อยที่โกรธแค้นพวกมอร์ฟีส

พวกชาวบ้านเกลียดชังมอร์ฟีสเป็นอย่างมาก ที่ผู้คนมากมายต้องตายไปก็เป็นเพราะฝีมือพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้องคนรักหรือจะใครก็ตาม

ทหารเฟิงรู้ดีว่าพวกเชลยยังไงก็ต้องตาย ดังนั้นไม่ว่าจะตายยังไงมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก

ทว่าถังหยินกลับเข้ามาห้ามไว้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจเรื่องความแค้นเคืองของพวกชาวเมือง หากแต่เป็นเพราะการนำพวกเชลยเหล่านี้กลับไปเมืองชายแดนเป็น ๆ นั้น มันจะสามารถสร้างขวัญและกำลังใจได้มากกว่า !

เมื่อเห็นว่าการรุมประชาทัณฑ์พวกเชลยยังไม่หยุดลง ถังหยินจึงให้พี่น้องฉางกวงเข้ามาคุ้มกันพวกเขาเอาไว้ระหว่างการเดินทางไปยังเมืองชายแดน

บอกตามตรงเลยว่าตั้งแต่ที่เข้าร่วมกองทัพมา ศึกครั้งนี้นับได้ว่ามีผลต่อการรบกับพวกมอร์ฟีสได้มากกว่าครั้งก่อน ๆ ยิ่งนัก ถึงแม้มันจะเป็นชัยชนะเล็ก ๆ หากแต่มันก็เป็นดั่งคลื่นลม ที่กำลังก่อตัวเป็นสึนามิลูกใหญ่ซัดเข้าใส่พวกมอร์ฟีสในอนาคตอย่างแน่นอน !

แน่นอนว่าผลจากศึกในครั้งนี้ มันก็ทำให้ถังหยินได้รับการยอมรับจากกองทัพและชาวเมืองบางส่วนในเขตปิงหยวนนี้แล้ว !