“ทำไมล่ะ? วันนี้พี่ก็สามารถจัดการกับพวกคณะผู้บริหารของพ่อและพี่ชายฉันได้หมดไม่ใช่เหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มแต่เขาก็ยังคงปฏิเสธอยู่ดี แม้ว่าหลี่หรงจะพยายามโน้มน้าวเขาสักแค่ไหน เขาก็ยังคงปฏิเสธอย่างแน่วแน่

เขารู้ว่าหลี่หรงรักบริษัทของเธอเองมาก ๆ มันคือผลงานที่เธอปลุกปั้นมาด้วยความยากลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการพรากมันไปจากหลี่หรงไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม

หลังจากถูกปฏิเสธอย่างหนักแน่นหลายรอบ หลี่หรงก็ไม่ตื๊ออวี้ฮ่าวหรานอีกต่อไป เธอเปลี่ยนประเด็นไปคุยเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สวนสัตว์แทน

“จริงสิพี่เขย เมื่อกลางวันตอนที่พี่เล่นงานไอ้พวกนักเลง พี่เท่มาก ๆ เลยรู้รึเปล่า? ว่าแต่พี่พอจะสอนวิธีป้องกันตัวให้ฉันบ้างได้ไหม ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นภาระของพี่ตอนที่เวลามีใครมาหาเรื่อง?”

ในขณะที่พูด หลี่หรงก็พลันลุกขึ้นแสดงท่าทางออกหมัดด้วยสีหน้าสะใจ แต่แล้วด้วยความตื่นเต้นเธอจึงก้าวพลาดจนข้อเท้าพลิก ส่งผลให้ร่างของเธอล้มลงและหัวของเธอเอนไปทางโต๊ะวางของ

“ว้าย!”

แต่ก่อนที่หัวของเธอจะฟาดเข้ากับโต๊ะ อวี้ฮ่าวหรานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปประคองร่างของหลี่หรงด้วยความรวดเร็วเหนือมนุษย์จนช่วยเธอเอาไว้ได้ทันพอดี!

อวี้ฮ่าวหรานที่ในตอนแรกไม่ได้ใส่เสื้ออยู่แล้ว เมื่อเข้าไปประคองหลี่หรงอย่างแนบเนื้อ มันก็ทำให้ผิวของทั้งสองคนเบียดกันจนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นระหว่างกัน

สิ่งนี้ทำให้หลี่หรงซึ่งกำลังใจหายใจคว่ำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นเขินอายจนหน้าแดงทันที เพราะตอนนี้มันเหมือนกับว่าเธอถูกพี่เขยของตัวเองกอดจนแน่น

“พ…พี่เขย ฉ…ฉันว่า ฉันออกไปก่อนจะดีกว่า!”

เมื่อพูดจบ หลี่หรงรีบสลัดตัวออกจากอ้อมแขนของอวี้ฮ่าวหรานทันที จากนั้นเธอวิ่งออกไปจากห้องด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

อวี้ฮ่าวหรานที่ถูกทิ้งให้อยู่กับความรู้สึกกระอักกระอ่วนแค่เพียงคนเดียว เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกไปสักพัก จากนั้นเมื่อเขาปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้เหมือนเดิม เขาก็ตัดสินใจที่จะบ่มเพาะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวเองต่อไป

อวี้ฮ่าวหรานหยิบสร้อยจี้หยกที่เขาได้จากหลี่ชงซานขึ้นมาสำรวจมันอีกรอบ

หลังจากเขาส่งพลังวิญญาณของตัวเองเข้าไปด้านในจี้หยกสีขาวนวล จี้หยกก็เริ่มแสดงปฏิกิริยาส่งแสงสว่างใสออกมาสาดส่องไปทั่วห้อง

จี้หยกชิ้นนี้มีคุณค่าสมดั่งกับเป็นสมบัติสำคัญของตระกูลหลี่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษอย่างแท้จริง ภายในของมันมีพลังวิญญาณอัดแน่นอยู่อย่างมหาศาลมากกว่าของโบราณ 2 ชิ้นแรกที่เขาเคยได้มาซะอีก

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า สายตามองไปที่สร้อยคอจี้หยกสีขาวนวลในมืออย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาเริ่มดูดซับพลังวิญญาณในจี้หยกทันที

สาเหตุที่เขายังคงไม่ออกไปตามหาหลี่เม่ย เป็นเพราะเขายังไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งมากกว่ามนุษย์ปกติธรรมดาหลายเท่าตัว แต่เขาไม่คิดว่าตอนนี้ตัวเองจะเหนือกว่าพวกยอดฝีมือระดับสูงที่แอบซ่อนอยู่ในโลกใบนี้

เวลานี้เขาต้องใช้เวลาอันมีค่ารีบบ่มเพาะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงตอนตี 3 บริเวณจุดตันเถียนของอวี้ฮ่าวหรานถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังวิญญาณอย่างหนาแน่นราวกับมีชั้นเกราะเพิ่มขึ้นมา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตอนนี้เขาได้ทะลวงระดับขึ้นมาอีกขั้นแล้ว

“ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะทะลวงมาถึงขอบเขตก่อรากฐานขั้นกลางแล้วสินะ”

หลังจากประเมินคร่าว ๆ ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหนเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานพลันเบนสายตากลับไปจ้องมองที่สร้อยคอที่มีจี้หยกเล็ก ๆ คล้องอยู่ ซึ่งกำลังอยู่ในมือของตัวเองอีกครั้ง เขาไม่คิดเลยว่าจี้หยกเล็ก ๆ อันนี้มันจะมีพลังวิญญาณพอที่จะทำให้เขาทะลวงระดับได้

“ดูเหมือนว่าวิธีทางเดียวที่ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็วคงต้องพึ่งพาพวกของโบราณพวกนี้”

หลังจากพึมพำกับตัวเองเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เขาจะไปตระเวนหาของโบราณตามตลาดของเก่าอีกรอบ วัดดวงดูว่าเขาจะโชคดีเจอของดีอีกรึเปล่า

อย่างน้อย ๆ ขอแค่เขาสามารถฟื้นฟูร่างเทวะของตัวเองให้กลับมาสมบูรณ์ได้ดังเดิม เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอู๋ หรือพวกยอดฝีมือของโลกใบนี้ที่ซ่อนตัวอยู่ เขามั่นใจว่าเขาสามารถเหยียบพวกคนเหล่านั้นได้หมดไม่ว่าจะดาหน้ากันมามากเท่าไหร่ก็ตาม!

เช้าวันถัดมา

เช้านี้หลี่หรงตื่นเร็วกว่าปกติเพื่อออกมาทำอาหารเช้า แต่เมื่อเธอเห็นหน้าอวี้ฮ่าวหราน เธอกลับหน้าแดงเพราะนึกถึงเหตุการณ์ที่เขากอดเธอโดยบังเอิญเมื่อคืนที่ผ่านมา

หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานจึงไปส่งถวนถวนที่โรงเรียนตามปกติ

“พ่อจ๋า หนูไปก่อนนะ~”

ที่หน้าโรงเรียน ก่อนเธอจะเข้าไป ถวนถวนพลันหันกลับมาโบกมือให้กับอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าเบิกบาน จากนั้นเด็กน้อยก็เดินตามเด็กคนอื่น ๆ เข้าไปด้านใน

หลังจากส่งถวนถวนเข้าไปในโรงเรียนเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปที่ตลาดขายของเก่าตามแผนที่เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

ราวครึ่งชั่วโมง อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปถึงที่จอดรถของตลาดขายของเก่า แต่แล้วเมื่อเขาลงจากรถและก้าวเดินออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น!!

“โจวเฟยหู่! วันนี้ปีหน้าคือวันครบรอบวันตายของแก!”

“…”

เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาจากกลุ่มนักเลงถือมีดหลายคนที่กำลังวิ่งไล่ฟันชายร่างใหญ่คนหนึ่งอยู่

ชายผู้ที่กำลังโดนไล่ฟันเป็นชายร่างสูงใหญ่อายุประมาณ 30 กว่า ๆ ร่างกายของเขามีกล้ามเนื้อใหญ่โตราวกับนักเพาะกล้าม แต่ในขณะนี้ร่างกายท่อนบนของเขามันกลับเต็มไปด้วยเลือดเนื่องจากมีรอยถูกฟันหลายแผล!

ชายผู้ที่โดนไล่ฟันขณะนี้… สีหน้าของเขาซีดเผือดราวกับกระดาษเนื่องจากเสียเลือดไปแล้วเป็นจำนวนมากกับแผลที่สาหัสของเขา

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจอะไรกับพวกแก๊งที่กำลังไล่ฆ่ากันเอง เขาปล่อยให้พวกนักเลงวิ่งผ่านเขาไปในขณะที่เขาก็เดินต่อไปยังตลาดเหมือนเดิม

แต่แล้วสวรรค์ก็ดลบันดาลให้ชีวิตของเขาต้องมีเรื่องอีกครั้งเพราะนักเลงคนสุดท้ายที่กำลังจะวิ่งสวนอวี้ฮ่าวหรานไป กลับเห็นว่าเขาเดินขวางทาง

“เฮ้ยไอ้ลูกหมา! แกกล้าดียังไงถึงเดินมาขวางทางพ่อของแกแบบนี้!”

ในระหว่างที่วิ่งไปด้วยตะโกนด่าไปด้วย นักเลงคนนั้นเมื่อวิ่งเข้ามาใกล้อวี้ฮ่าวหราน เขาพลันยกเท้าขึ้นหวังจะกระโดดถีบ อวี้ฮ่าวหรานให้พ้นออกไปจากทาง

เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความระอาใจทันที

ทำไมตั้งแต่เขากลับมามันถึงมีพวกโง่ชอบมาโดนเขาอัดมากขนาดนี้?

ช่างเถอะ!

ในเมื่อพวกมันรนหาที่เอง ถ้างั้นก็สนองให้หน่อยก็แล้วกัน!

“กร๊อบ!!”

เสียงกระดูกหน้าแข้งของนักเลงหักดังลั่นเพราะโดนอวี้ฮ่าวหรานเตะสวนออกไปอย่างรุนแรง

“อ๊าก!! ขาฉัน ขาฉัน!”

นักเลงคนที่เพิ่งโดนเตะจนขาหัก ล้มตัวลงไปนอนดิ้นพราด ๆ กับพื้นด้วยความเจ็บปวดทันที

บรรดาพวกนักเลงที่กำลังวิ่งไล่ชายที่ชื่อโจวเฟยหู่ เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเพื่อนตัวเองพวกเขาหันหลังกลับมามองอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้างุนงง

มันเกิดอะไรขึ้น?

“ช่วยด้วย! ไอ้เวรนี่มันเตะฉันจนขาหัก!”

นักเลงคนที่เพิ่งโดนเตะไปรีบตะโกนบอกเพื่อนของตัวเองทันทีด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“บัดซบเอ๊ย! ไอ้ลูกหมา! แกคิดจะช่วยชีวิตไอ้โจวเฟยหู่งั้นเหรอ!?”

บรรดานักเลงสิบกว่าคนที่วิ่งไล่ตามโจวเฟยหู่เมื่อครู่วกกลับมาล้อมอวี้ฮ่าวหรานแทนเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตัวเองถูกเล่นงาน

ทางด้านของโจวเฟยหู่ เมื่อเห็นเช่นนี้… ทั้ง ๆ ที่เขามีโอกาสที่จะหนีไปได้เพราะพวกนักเลงไม่ได้ตามเขาแล้ว เขากลับยังไม่หนี เขาหันกลับมามองอวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตากังวลพร้อมกับตะโกนขึ้น

“น้องชาย อย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ หนีไปซะ!”

“เหอะ! หนีงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ ใครก็ตามที่มันกล้าทำร้ายคนของฉันมันจะต้องไม่ตายดี!”

คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเลงที่วิ่งไล่ตามโจวเฟยหู่ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าดูถูกไปที่อวี้ฮ่าวหราน จากนั้นเขาหันกลับมาที่โจวเฟยหู่และพูดต่อ

“แกก็ด้วย โจวเฟยหู่! แกเองก็อย่าคิดว่าวันนี้แกจะหนีพ้นเงื้อมมือฉันไปได้ วันนี้ฉันเตรียมการเอาไว้พร้อมหมดแล้วไม่ว่ายังไงวันนี้แกตายแน่นอน!”