เล่มที่ 4 บทที่ 99 หนึ่งความรักสองความเศร้า

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“เจ้า…เมื่อครู่หายไปไหนมา?”

    หลินเมิ้งหยายื่นมือออกไปหยิกใบหน้าข้างแก้มของชิงหู ก่อนจะแน่ใจว่านางมิได้ตาฝาด

    “ไอ้หยา ไอ้หยา เจ็บ เจ็บ เจ็บ! เมื่อครู่ข้าก็อยู่ตรงหน้าเจ้าอย่างไรเล่า เพียงแค่เจ้าไม่เห็นก็เท่านั้น”

    ไม่ง่ายเลยที่จะช่วยใบหน้าตัวเองออกจากฝ่ามือเพชฌฆาตของหลินเมิ้งหยา ชิงหูส่งเสียงโอดครวญพลางอธิบาย

    “นี่เป็นวิธีการใช้จุดบอดของคนเพื่ออำพรางตัวอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าคนในสมัยโบราณจะรู้จักทฤษฎีอย่างนี้”

    หลินเมิ้งหยาบ่นอุบอิบ เพราะเหตุนี้นักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋จึงปรากฏตัวขึ้นกะทันหันและหายไปอย่างรวดเร็ว

    ที่แท้นี่ก็เป็นความลับของพวกเขา

    “จริงสิ เจ้าถอนตัวออกจากเถาฮวาอู๋แล้ว แล้วเหล่านักฆ่าพวกนั้นเล่า?”

    เถาฮวาอู๋คือกลุ่มที่ชิงหูสร้างขึ้น

    เขาถอนตัวออกมาแล้ว แต่ก็ใช่ว่านักฆ่าเหล่านั้นจะสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมา

    “พวกเขามีรังใหม่นานแล้ว นับตั้งแต่วันที่ข้าถูกจับ ในสายตาของเถาฮวาอู๋ ข้าได้ตายจากไปแล้ว”

    พูดถึงเรื่องที่ตนเองถูกจับในคุก สายตาของชิงหูพลันเผยให้เห็นร่องรอยของความเย็นชา

    คนพวกนั้นคงคิดไม่ถึงว่าหลินเมิ้งหยาจะสามารถถอนยาพิษออกไปได้

    อีกทั้งใบหน้าของเขาในเวลานี้ยังแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก

    แม้จะอยู่ต่อหน้าคนของเถาฮวาอู๋ แต่คนพวกนั้นไม่มีทางจำเขาได้

    ทั้งสองพูดคุยและเดินกลับไปยังตำหนักหลิวซิน

    จู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็รู้สึกสงสัย นางกดเสียงให้เบาลง

    “เจ้ายังจำครั้งแรกที่พวกเราเจอกันได้หรือไม่?”

    ครั้งแรกที่เจอกัน? มุมปากของชิงหูพลันปรากฏรอยยิ้ม การพบกันในคราวนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา

    “ข้าจำได้แน่นอน เจ้าเด็กน้อย ตอนนี้ข้าก็ยังสงสัยอยู่ว่าเจ้าเผา…”

    “ไม่ใช่แน่นอน ความจริงกลิ่นไหม้ในวันนั้นคือกลิ่นเนื้อหมูย่าง”

    เมื่อได้ยินคำพูดมิใส่ใจของหลินเมิ้งหยา สีหน้าของชิงหูพลันสดใสขึ้นมา

    เขาหัวเราะขมขื่นพลางส่ายหน้า ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเขาตกอยู่ในกำมือของเจ้าเด็กน้อยคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว

    ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจไม่ผิด

    “เมื่อก่อนข้าเคยถามเจ้าว่าใครคือเจ้านายตัวจริงแห่งเถาฮวาอู๋ ยิ่งไปกว่านั้นใครคือคนที่ยอมสละเงินมากมายเพื่อเอาชีวิตข้า”

    สายตาพลันเหลือบเห็นตำหนักหลิวซินตรงหน้า

    นี่คือจุดเชื่อมโยงของพวกเขาที่แท้จริง แต่เพราะชิงหูมิได้สนใจอะไรแล้ว ดังนั้นจึงหวนนึกถึงความทรงจำและเอ่ยตอบ

    “นายใหญ่แห่งเถาฮวาอู๋คือคนที่ชุบเลี้ยงพวกเรามา ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เหตุเพราะเขามักสวมใส่หน้ากาก แต่ข้ามั่นใจมากว่าคนผู้นี้คือผู้มีอำนาจและตำแหน่งค่อนข้างสูง ยิ่งไปกว่านั้น ปกติข้าจะเป็นคนจัดการงานในเถาฮวาอู๋ ส่วนเรื่องที่ต้องการเอาชีวิตเจ้า เขาเป็นคนมาหาข้าด้วยตัวเอง”

    เหตุเพราะตอนนี้ถอนตัวออกจากเถาฮวาอู๋แล้ว

    แต่เมื่อนึกถึงนายใหญ่แห่งเถาฮวาอู๋ขึ้นมา ร่างของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

    คนคนนั้นน่ากลัวเกินไป

    เด็กหนุ่มที่ถูกฝึกพร้อมกับเขาหลายคนเคยคิดต่อต้าน แต่กลับถูกเขาฆ่าตายจนหมดสิ้น

    แม้ตอนนี้ร่างของเขาจะท่วมไปด้วยเลือด แต่ยังเทียบไม่ได้กับภาพฝันร้ายภาพนั้น

    “ชิงหู? ชิงหู?”

    หลินเมิ้งหยาที่เดินนำหน้าส่งเสียงเรียก ทว่าเขากลับยังยืนอยู่ที่เดิม

    หลินเมิ้งหยาเดินเข้าไป ทว่าใบหน้าของเขากลับขาวซีด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก

    จ้องมองแววตาของเขา แต่กลับได้เห็นภาพของความกระวนกระวาย

    หลินเมิ้งหยาเข้าใจได้ในทันที ความทรงจำที่ผ่านมาเลวร้ายมากจนเกินไป ดังนั้น เขาจึงตกอยู่ในภวังค์

    ไม่คิดอะไรมาก นางโอบกอดร่างของเขาไว้ นางอยากให้ชิงหูรู้ว่าตอนนี้เขาถอนตัวออกมาแล้ว

    “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ต่อจากนี้ไปคนผู้นั้นจะไม่มีวันควบคุมเจ้าได้อีก ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ”

    เสียงอบอุ่นอ่อนโยนปลอบประโลมชิงหู

    หลินเมิ้งหยาตบหลังเขาเบาๆ เพื่อให้เขารับรู้ว่าเขามิได้โดดเดี่ยว

    ร่างกายที่เคยแข็งทื่อพลันอ่อนยวบลงในอ้อมกอดของหลินเมิ้งหยา

    จนกระทั่งชิงหูกอดตอบนาง หลินเมิ้งหยาจึงรู้สึกได้ถึงความชื้นที่หัวไหล่

    “ข้า…ขอบใจเจ้านะ เจ้าเด็กน้อย”

    เขาเอ่ยขอบคุณ ชีวิตที่ผ่านมาของเขาทุกข์ทรมานมากจริงๆ

    หลินเมิ้งหยาถอนหายใจ ขณะที่คิดจะปลอบโยนชิงหู แต่นางกลับได้เห็นร่างของหลงเทียนอวี้ที่หน้าประตู

    นางรีบดันร่างของชิงหูออกทันที

    ทั้งที่สีหน้าของหลงเทียนอวี้ยังคงเหมือนเดิม แต่นางกลับรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยว

    “ท่านอ๋อง…”

    หลงเทียนอวี้หมุนตัว หลินเมิ้งหยาวิ่งตามไปโดยไม่คิด

    ภายในสวนจึงเหลือเพียงชิงหูที่กำลังยืนชะงักมองตามแผ่นหลังของหลินเมิ้งหยา

    จริงๆ เลย เขายังไม่ทันจะสัมผัสกายเนื้ออันนุ่มนิ่มของเจ้าเด็กน้อยได้เท่าที่ต้องการเลย เหตุใดเจ้านั่นถึงโผล่มาตอนนี้ได้

    หลินเมิ้งหยาวิ่งตามหลงเทียนอวี้จนมาถึงตำหนักฉินหวู่ ทั้งที่ใบหน้าของเขายังคงเย็นชาดังเดิม แต่เหตุใดนางจึงสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวกันเล่า

    “ท่านอ๋อง รอหม่อมฉันด้วย”

    หลินเมิ้งหยายกชายกระโปรงขึ้น พยายามวิ่งตามฝีเท้าหลงเทียนอวี้ให้ทัน ทว่าเขากลับสาวเท้าอย่างรวดเร็วประหนึ่งกำลังบิน

    “หลงเทียนอวี้ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

    ไม่อาจอดรนทนได้อีกต่อไป หลินเมิ้งหยาที่วิ่งจนหายใจติดขัดระเบิดอารมณ์ออกมา

    ทั้งที่เป็นเสียงร้องออกมาเพราะความโกรธ แต่ฝีเท้าของหลงเทียนอวี้กลับหยุดลง

    “ทำไมต้องเดินเร็วขนาดนี้! ท่านดูสิ ท่านตัวสูงมากขนาดไหน ขายาวมากขนาดไหน ข้าจะตามท่านทันได้อย่างไร!”

    หลินเมิ้งหยาอ้อมขึ้นมายืนตรงหน้าหลงเทียนอวี้พลางส่งเสียงตำหนิ

    “ท่านโกรธใช่หรือไม่? ข้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ ข้าทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองกัน?”

    ไม่สิ ช่วงนี้นางแสดงท่าทีอ่อนโยนอ่อนหวาน ว่านอนสอนง่ายเสมอ อย่าว่าแต่ทำให้หลงเทียนอวี้โมโหเลย นางไม่แม้แต่จะออกจากตำหนักไปทำให้ใครโกรธด้วยซ้ำ

    เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเมิ้งหยา หลงเทียนอวี้กลับขยับเท้าแล้วเดินจากไป

    ฉากเดินหนีและไล่ตามเริ่มขึ้นอีกครั้ง หลินเมิ้งหยาที่เริ่มทันเกม ออกแรงวิ่งตามแล้วรั้งชายเสื้อด้านหลังของเขาเอาไว้

    “ท่าน…ท่านลองเดินหนีอีกรอบดูสิ!”

    นับตั้งแต่วันที่ข้ามภพมา หลินเมิ้งหยาไม่เคยออกกำลังหนักๆ เช่นนี้มาก่อน

    ในที่สุดหลงเทียนอวี้ก็หยุดยืนต่อหน้าหลินเมิ้งหยา ใบหน้าที่เคยขาวนวลพลันแดงระเรื่ออมชมพูขึ้นมา

    เขาอดไม่ไหว ยื่นมือเข้าไปตบหลังนางเบาๆ เพื่อให้ลมหายใจของนางกลับมาเป็นปกติ

    “ท่านอ๋อง…”

    “เรียกข้าว่าหลงเทียนอวี้”

    นี่เป็นประโยคแรกที่หลงเทียนอวี้เอ่ยหลังจากวิ่งไล่จับกันอยู่นาน

    เสียงทุ้มต่ำแผ่วเบา ทว่าเจือไว้ซึ่งความเป็นตัวเอง หลินเมิ้งหยาชะงัก ก่อนจะผุดยิ้มหวาน

    “หลงเทียนอวี้ แม้หม่อมฉันจะไม่รู้ว่าตนเองทำสิ่งใดผิดไปจึงทำให้พระองค์ไม่พอใจเช่นนี้ แต่ว่า…หม่อมฉันต้องขอบพระทัยพระองค์มาก ขอบพระทัยที่ช่วยป๋ายจื่อ ขอบพระทัยที่ช่วยหม่อมฉัน”

    นางได้เห็นการดูแลปกป้องที่หลงเทียนอวี้มอบให้ทั้งหมด อีกทั้งยังจดจำเอาไว้ในใจ

    ไม่ว่าหลงเทียนอวี้มีเหตุผลอะไร นางจะนึกถึงบุณคุณในครั้งนี้ของเขาไปชั่วชีวิต

    “ขอบคุณท่านจริงๆ นะ”

    นางส่งยิ้มหวานก่อนจะโผกอดเขา ร่างของฝ่ายตรงข้ามแข็งทื่อ แต่ท้ายที่สุดก็ยื่นมือเข้ามากอดตอบนาง

    สมองพลันประมวลผลอย่างรวดเร็ว หรือว่าเมื่อครู่เขา…

    หรือว่าเขาหึง?

    แย่แล้ว! เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?

    ขณะที่หลินเมิ้งหยาคิดจะทำให้แน่ใจ เสียงแผ่วเบาพลันดังขึ้น ทั้งสองรีบผละตัวออกจากกัน

    “ท่านอ๋อง ทางปิ้งโจวส่งข่าวมาว่าท่านหญิงหลินหลางตกจากหลังม้าพ่ะย่ะค่ะ”

    เสียงพ่อบ้านเติ้งดังขึ้น มือที่เคยโอบกอดหลินเมิ้งหยาพลันคลายออก ก่อนจะเอ่ยถาม

    “หลินหลางเป็นอย่างไรบ้าง? หมอตรวจอาการแล้วหรือยัง?”

    หลินหลาง? หลินเมิ้งหยาเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่หลงเทียนอวี้เอ่ยถึงชื่อนี้

    นางเงยหน้า ชำเลืองมองใบหน้าหล่อเหลา นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้านี้แสดงความกังวล

    หัวใจเสมือนดิ่งลงหุบเหว

    ร่องรอยความเขินอายของสาวน้อยพลันหายวับไปกับตา

    นางสามารถอ่านความรู้สึกจากใบหน้าของหลงเทียนอวี้ในเวลานี้ได้อย่างมากมาย

    ความเจ็บปวดแล่นพล่านในหัวใจ

    ดูเหมือนนางจะคิดมากจนเกินไป

    “ท่านอ๋องยังมีเรื่องให้ต้องจัดการ เช่นนั้นหม่อมฉันไม่ขอรบกวนแล้วเพคะ”

    นางฝืนตัวเอง ยังคงรักษาสีหน้าท่าทางใสซื่อเอาไว้

    หลินเมิ้งหยาไม่อยากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับท่านหญิงหลินหลางอะไรนั่นอีก

    หลงเทียนอวี้พยักหน้าลง ดวงตาคู่นั้นตกลงบนร่างของนาง มือยื่นเข้าไปจัดปิ่นปักผมบนศีรษะของนางให้เรียบร้อย

    “ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง เมิ้งหยาทูลลา”

    หลินเมิ้งหยายังคงรู้สึกสงสัย แต่ถึงกระนั้นนางกลับเก็บมันเอาไว้ในใจ

    นางหมุนตัว เดินออกจากตำหนักฉินหวู่ไปด้วยท่วงท่าสง่างาม

    อันที่จริงนางเองก็เตรียมใจรับมือกับเรื่องนี้เอาไว้แล้วมิใช่หรือ?

    ยังดี ยังดีที่นางยังมิได้ยอมรับความจริงของหัวใจตนเอง

    เมื่อเวลานั้นมาถึง นางจะสามารถจากที่นี่ไปได้โดยไม่มีอะไรติดค้างอีก

    “ท่านอ๋อง? ท่านอ๋อง? ท่านฟังอยู่หรือไม่?”

    ภายในห้องอ่านหนังสือ หลงเทียนอวี้มีท่าทางเหม่อลอย

    เพียงเขาได้ยินว่าหลินเมิ้งหยาถูกคนติดตาม ขา…พลันก้าวไปที่ตำหนักหลิวซินโดยไม่รู้ตัว

    แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายคือเขาได้เห็นหลินเมิ้งหยาโอบกอดชิงหู อีกทั้งยังปลอบโยนเขาด้วยใจจริง

    ตอนนั้นอยู่ๆ เขาก็คิดอยากสั่งให้องครักษ์ในจวนจับตัวชิงหูเอาไว้แล้วแทงเขาให้ตาย

    มีชีวิตอยู่มานานยี่สิบกว่าปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดอยากฆ่าใครสักคนเหลือเกิน

    “ข้าไม่เป็นไร เจ้าพูดต่อเถิด”

    พ่อบ้านเติ้งกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ

    “ท่านหญิงหลินหลางเอ่ยว่าท่านติดธุระจึงไม่อาจมาร่วมงานแต่งของท่านอ๋องได้ด้วยตนเอง แต่หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว ท่านจะนำของขวัญมามอบให้ด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

    หลินหลางจะมา? สีหน้าของหลงเทียนอวี้หลันอ่อนโยนทันใด

    หากนางมาที่นี่ นางจะต้องเข้ากันได้ดีกับหลินเมิ้งหยาอย่างแน่นอน

    หากดูจากอุปนิสัยใจคอของหลินหลาง นางจะต้องชอบหลินเมิ้งหยามาก

    “ดี เจ้าส่งคนไปจัดการให้เรียบร้อย จงพาเจียงเฉิงไปที่ปิ้งโจวเพื่อรักษาอาการของหลินหลางให้หายดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาด”