เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงเจิ้งซวี่เมื่อชาติที่แล้ว เธอกับเขาเที่ยวด้วยกันสนุกที่สุด ไปร้องคาราโอเกะด้วยกันบ่อย เจิ้งซวี่เสียงเพราะ โดยเฉพาะเพลงรักเขาถนัดที่สุด
ถ้าเขาร้องเพลงของนักร้องผู้หญิง จะมีความไพเราะไปอีกแบบ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นเดิม
มีครั้งหนึ่งวันเกิดเธอเจิ้งซวี่ปิดร้านแล้วร้องเพลงรักให้เธอ ตอนนั้นรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนที่ใจกว้างมาก
ตอนนี้มาคิดดู ตอนนั้นเจิ้งซวี่ต้องคิดอะไรกับเธอแน่ๆ แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นคนความรู้สึกไม่ไหวในเรื่องความรักจึงไม่รู้ตัว
ชาตินี้ผ่านเรื่องมาตั้งมากมาย เขากับเสี่ยวเฉียงชอบเขม่นใส่กันเวลาเจอ ดูๆไปก็สนุกดี
ต่อล้อต่อเถียงกันได้บ่อยขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าทั้งสองคนปล่อยวางได้ ไม่อย่างนั้นคงเกลียดไม่มองหน้ากันไปนานแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนก็แค่นั่งดูเหตุการณ์สนุกๆ แต่อวี๋หมิงหลางหึงจริงจัง เจิ้งซวี่ทำให้เขาหมั่นไส้ เขาเองก็ไม่ยอมเสียเปรียบเหมือนกัน
ดังนั้นพอเจิ้งซวี่ร้องจบ อวี๋หมิงหลางก็เลือกเพลงบ้าง
ดนตรีมา เสี่ยวเชี่ยนกับเจิ้งซวี่อึ้งไปพร้อมกัน
นี่มัน…
เจิ้งซวี่เกือบพ่นเหล้าออกมา สำลักจนไอแค่กๆ เสี่ยวเชี่ยนก็ถึงกับปากกระตุก
อวี๋หมิงหลางมองเจิ้งซวี่อย่างได้ใจใหญ่ ส่งสายตาข่มเต็มที่
“นายจะร้องเพลงทหารเนี่ยนะ?” เสี่ยวเชี่ยนหมดคำจะพูด
เขาเลือกเพลงเกี่ยวกับกองกำลังทหารปลดแอก ใช่ ไม่ผิดหรอก อารมณ์แบบ เดินหน้า เดินหน้า เดินหน้า เดินไปข้างหน้า
อวี๋หมิงหลางอธิบายเพิ่มเพื่อทำให้ตัวเองดูเท่ห์ขึ้นมา “นี่เวอร์ชั่นร็อคแอนด์โรล ไม่ใช่เวอร์ชั่นเก่า เดี๋ยวพี่คนนี้จะปลุกใจให้เอง”
เป็นไงล่ะ ไอ้แตงกวาดำกล้าร้องเพลงยุผู้หญิงของเขา หลงรักคนไม่กลับบ้านบ้าบออะไร ถุย
ที่เขาไม่กลับบ้านก็เพราะปกป้องประเทศ รักษาความสงบสุข มันจะเหมือนกับไอ้แตงกวาดำที่ออกไปอยู่กับสาวอกอึ๋มทุกวันได้ไง?
ต้องร้องเพลงทหารที่ไม่เหมือนใครให้เบบี๋ของเขาฟังหน่อย ล้างหูที่ต้องฟังเสียงไอ้แตงกวาดำเมื่อกี้
เวอร์ชั่นเดิมจะดูเป็นทางการไป เขาเลยเลือกเวอร์ชั่นร็อคแอนด์โรล จะแสดงให้ลูกเชี่ยนเห็นว่าคนอย่างเขาก็ High เป็น แล้วก็จะแสดงให้เห็นอีกด้านของทหารยุคใหม่ ใครว่าพวกทหารเป็นพวกตายด้าน ใครว่าพวกทหารสนุกไม่เป็น
“เดินหน้า เดินหน้า เดินหน้า กองทัพของเราไปสู่ดวงอาทิตย์ สองเท้าย่ำอยู่บนแผ่นดินเกิด แบกไว้ซึ่งความหวังของประชาราษฎร์ พวกเราคือพลังไปสู่ชัยชนะ”
เดิมจังหวะก็ปลุกใจอยู่แล้ว มาเจอเวอร์ชั่นร็อคแอนด์โรลเข้าไปตะโกนคอแทบแตก วอร์มเสียงอยู่ที่หน่วยมานานตอนนี้มีโอกาสได้ใช้แล้ว ต้องกำจัดบรรยากาศหวานเลี่ยนของไอ้แตงกวาดำเมื่อกี้ให้สิ้นซาก
เจิ้งซวี่ฟังได้สักพักก็ทนเสียงอวี๋หมิงหลางตะโกนใส่ไมค์อย่างเมามันไม่ไหวอีกต่อไป
“ผมออกไปสูบบุหรี่นะ”
เขาพูดกับเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนเห็นแค่ปากเขาขยับแต่ไม่รู้ว่าพูดว่าอะไร ภายในห้องมีแต่เสียงอวี๋หมิงหลางตะโกนร้องเพลง
เจิ้งซวี่ออกไปแล้ว อวี๋หมิงหลางยกนิ้วหลางไล่หลังเขา หึ เป็นไง กลัวล่ะเซ่
อันที่จริงเสี่ยวเชี่ยนก็อยากตามออกไป มันทำลายโสตประสาทเหลือเกิน…
แต่เห็นอวี๋หมิงหลางตั้งอกตั้งใจร้องจนเส้นเลือดปูด ต่อไปจะไม่ให้เขาร้องร็อคแอนด์โรลแล้ว ปกติร้องเพลงไม่เห็นจะผิดจังหวะ ทำไมร้องเพลงทหารถึงออกมาเป็นแบบนี้?
ผิดจังหวะก็เอาเถอะ ประเด็นคือยังร้องต่อได้หน้าตาเฉย อินอะไรขนาดนั้น
“เหล่าทหารพร้อมหน้าไปยังชายแดน เดินหน้า เดินหน้า เดินหน้า กองทัพของเราเดินหน้าสู่ชัยชนะและสันติสุข โว้โว~” เพื่อให้ได้อารมณ์แบบร็อคแอนด์โรลตอนท้ายมีโชว์พลังเสียงด้วย?
เอาเถอะ เสี่ยวเชี่ยนบรรยายไม่ถูกว่าเป็นไง แต่น่าสะพรึงพอตัว
ต่อไปต้องให้อวี๋หมิงหลางอยู่ห่างจากร็อคแอนด์โรล อาจไปทำวงการเขาเจ๊งได้…
คล้ายกับรู้สึกได้ถึงสายตาของเสียวเหม่ยที่จับจ้องมา อวี๋หมิงหลางหันไปทำสีหน้าขอรางวัลจากเธอ เสี่ยวเชี่ยนสมกับเป็นบอสที่ผ่านศึกมามากมาย ส่งจูบพร้อมรอยยิ้มสดใสกลับไปให้เขา
ที่รัก รีบกลับมาสู่โลกปกติเถอะ อย่าร้องอีกเลย
อวี๋หมิงหลางรับรู้ไม่ได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเสี่ยวเชี่ยน คิดว่าเธอชอบเลยยิ่งได้ใจ ยังอยากจะเอาอีกสักเพลงเพื่อแสดงให้เห็นความสามารถของทหารยุคใหม่
เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นเขาคิดจะต่อถึงกับยิ้มค้าง รีบพุ่งเข้าไปกอดเขาจากทางด้านหลัง
“พี่ร้องเพลงเท่ห์ไหม? เจ๋งกว่าไอ้แตงกวาดำหรือเปล่า?”
“เท่ห์มากจ้ะพี่ สุดยอดไปเล้ย” แต่อย่าร้องอีกเลยนะ ร้องอีกคู่หมั้นจะหนีนะพี่นะ ความรักทนการทดสอบแบบนี้ไม่ไหว จริงๆนะ
“นายร้องเพลง เพลงรัก 1980 ให้ฉันได้ไหม?” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าเขาร้องเพลงอื่นก็เพราะอยู่ แต่ร็อคแอนด์โรลน่ะขอเถอะ
“ทำไม อยากฟังเพลงนั้นเหรอ?” หลังจากที่อวี๋หมิงหลางกลับมาจากหลุมศพของโลนวูล์ฟก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเพลงนี้อีก รู้สึกว่ามันกลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง ฟังแค่ทำนองยังปวดใจ
“อยากฟัง”
เสี่ยวเชี่ยนอยากลองดูความเข้มแข็งของจิตใจอวี๋หมิงหลาง อยากรู้ว่าจะแข็งแกร่งเหมือนท่าทางที่แสดงออกหรือเปล่า
“80 มันผ่านมานานแล้ว เปลี่ยนเป็นเพลงอื่นเถอะ”
อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียว สมาชิกเก่าของหน่วยโลนวูล์ฟก็คงไม่ร้องเพลงนี้อีกแล้ว ตอนร้องที่หน้าหลุมศพของโลนวูล์ฟคือครั้งสุดท้าย
เสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่บังคับ เธอเขย่งเท้าจุ๊บเขาหนึ่งที “มันผ่านไปแล้ว ถ้าไม่สบายใจมาให้หมอเฉินรักษาได้นะ”
อวี๋หมิงหลางลูบหัวเธอ “ล้อเล่นเหรอ?”
แววตาของเสี่ยวเชี่ยนดูซุกซน เสี่ยวเฉียงของเธอเป็นคนที่ภายนอกเย็นชาแต่ข้างในอบอุ่น
“งั้นฉันร้องเพลงให้นายฟังดีกว่า—จริงสิ ที่ไห่เจาพูดน่ะจริงเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนเปิดสมุดเพลงพลางถาม
“ไห่เจาพูดอะไร?”
“ตอนเด็กๆเวลานายเห็นหมาแมวตายชอบไปแอบร้องไห้จริงหรือเปล่า?” เมื่อก่อนไม่เชื่อตอนนี้เชื่อแล้ว เขาเป็นคนที่จิตใจลึกซึ้งมาก
“……” เดี๋ยวเขากลับไปจะไปเย็บปากไห่เจา พูดมากจริง
“เจอแล้ว เพลงนี้แหละ ขอมอบให้ผู้ชายของฉัน เพลงนี้ชื่อว่า—”
เจิ้งซวี่คาบบุหรี่จะกลับเข้าไป เขายืนอยู่หน้าห้องไม่ได้ยินเสียงโหยหวนของอวี๋หมิงหลางแล้วก็โล่งอก หูที่ในที่สุดก็สบายขึ้นทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลลอยมา
นี่เป็นเพลงภาษาอังกฤษที่เพิ่งออกมา ดังมากในช่วงนี้ ติดทุกชาร์ตเพลง เนื้อหากินใจ ในรถของเจิ้งซวี่ก็มีซีดีเพลงนี้
“If the hero never comes to you,If you need someone you’re feeling blue”
ท่อนแรกอวี๋หมิงหลางร้อง ชัดเจนเลยว่าเขาร้องเพลงรักเบาๆได้ดีกว่าร็อคแอนด์โรลมาก
ถ้าฮีโร่ของคุณยังมาไม่ถึง ถ้าคุณรู้สึกแย่ต้องการใครสักคนเป็นเพื่อน
ท่อนต่อไปเสี่ยวเชี่ยนร้อง
“If you wait for love and you’re alone.”
จากนั้นทั้งสองคนก็ร้องพร้อมกัน อารมณ์อันลึกซึ้งของเขา อารมณ์สบายๆของเธอ ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ไพเราะอย่างน่าอัศจรรย์
เพลงนี้ชื่อว่า cry on my shoulder ร้องไห้ที่บ่าของฉัน
โดยเฉพาะตอนที่เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางร้องว่า ร้องไห้ที่บ่าของฉัน พร้อมกัน เจิ้งซวี่รู้สึกเสียดแทงใจมาก