บทที่ 209 ความสัมพันธ์ของซือเซี่ยกับซือเยี่ยหาน / บทที่ 210 ช่างเป็นพ่อเต็มตัวจริงๆ โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 209 ความสัมพันธ์ของซือเซี่ยกับซือเยี่ยหาน
เฮอะ เวลานี้ในชาติก่อน เฉินเมิ่งฉียังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของซือเยี่ยหานกับซือเซี่ยเลยนะ
ยิ่งไปกว่านั้น หน้ากากของเฉินเมิ่งฉีเบื้องหน้าซือเยี่ยหานถูกกระชากออกมาตั้งนานแล้ว คำพูดของเธอสูญเสียความน่าเชื่อถือไปแล้วเช่นกัน
หากเธอไม่คิดจะยุแยงก็ดีไป แต่การยุแยงอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ซือเยี่ยหานไม่มีทางเชื่อหรอก
ในขณะเดียวกัน เฉิงเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างกำลังจ้องไปทางเฉินเมิ่งฉีด้วยความตกใจ
เดิมทียังหลงคิดว่าเฉินเมิ่งฉีผู้หญิงคนนี้รู้จักกันกับซือเยี่ยหานและคุ้นเคยกันดีด้วย
พอหลังจากที่ได้ยินเธอพูดว่าซือเซี่ยเป็นคนเละเทะ ถึงได้หมดคำพูดจริงๆ
พี่น้องตระกูลซือคนอื่นล้วนยังไม่มีลูกชายสืบวงศ์ตระกูล ซือเยี่ยหานก็ยังไม่ได้แต่งงาน ซือเซี่ยเป็นคุณชายน้อยเพียงคนเดียวของตระกูลซือ มีฐานะสูงส่งถึงขั้นไหน
แม้ว่าคนจำนวนมากจะพูดว่าด้วยนิสัยขี้ระแวงชอบทรมานคนอื่นไม่มีทางที่จะปล่อยทายาทสายตรงไปแม้แต่คนเดียว แต่ความจริงแล้ว อย่างน้อยดูจากภายนอก ซือเยี่ยหานปฏิบัติกับหลานชายคนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับเขาที่สุดแล้ว
ถึงขนาดที่ได้ยินมาว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง มีญาติสายรองที่ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือคนหนึ่งคิดไปเองว่าการรังแกซือเซี่ยจะเป็นการเอาใจซือเยี่ยหาน ก็เลยทำให้เขาอับอายต่อหน้าสาธารณชน ทั้งยังต่อว่าพ่อของเขาว่าเป็นคนขี้ขลาดตาขาว
ผลคือ หลังจากที่ซือเยี่ยหานรู้ข่าว ก็สั่งให้คนไปตัดลิ้นคนๆ นั้นตรงนั้นเลย
ภาพคาวเลือดในครั้งนั้นสั่นสะเทือนถึงทุกคนในตระกูลซือ…
นับแต่นั้นมา ไม่มีใครในตระกูลซือกล้าดูแคลนซือเซี่ยอีก
แต่ตอนนี้ เฉินเมิ่งฉีกลับบอกว่าซือเซี่ยเป็นคนเละเทะ? ทั้งยังพูดต่อหน้าซือเยี่ยหานอีกด้วย?
เฉินเมิ่งฉีมองซือเซี่ยที่ตอนนี้ก็ยังเปลือยกายท่อนบนอยู่ การเปลือยกายเป็นหลักฐานอย่างดี จนตื่นเต้นไม่อาจควบคุมตนเองได้ เธอไม่เชื่อหรอกว่าเกือบจะจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้แล้ว ซือเยี่ยหานจะยังเฉยอยู่ได้!
ต้องรู้ว่า เยี่ยหวันหวั่นเพียงแค่คุยกับชายอื่นประโยคเดียวก็สามารถทำให้เขาฆ่าคนได้แล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใช้รูปโฉมที่สวยสะคราญรับเสื้อของผู้ชาย ผู้ชายคนนี้ยังนั่งเปลือยเต๊ะท่าอยู่ข้างเธออีกต่างหาก
เฉินเมิ่งฉีทำท่าทางร้อนรนแทนเยี่ยหวันหวั่น เอ่ยปากขอร้องซือเซี่ย “ซือเซี่ย นายรีบใส่เสื้อผ้าเถอะ นายทำแบบนี้จะทำให้คนอื่นเข้าใจหวันหวั่นผิด…”
ซือเซี่ยมองท่าทางของเฉินเมิ่งฉี เหมือนมองคนโง่คนหนึ่ง
ยัยโง่นี่โผล่มาจากที่ไหนกัน?
คาดไม่ถึงว่าเยี่ยหวันหวั่นจะเป็นเพื่อนสนิทกับคนแบบนี้?
เฮอะ สมองมีปัญหาจริงๆ ด้วย มิน่าล่ะถึงได้ชอบโรคจิตอย่างซือเยี่ยหาน!
ซือเซี่ยยิ้มเย็นชา โยนเสื้อผ้าในมือทิ้งไปแล้วเอนหลังพิง รูปร่างที่เมื่อใส่เสื้อผ้าดูผอมเพรียว พอถอดเสื้อผ้าออกแล้วกล้ามเนื้อหนั่นแน่น ลายเส้นของกล้ามเนื้อเปลือยอยู่ตรงนั้น “เฮอะ ฉันจะไม่ใส่ ฉันจะถอดเสื้อให้เธอใส่ จะทำไม?”
พริบตาที่เสียงของซือเซี่ยจบลง ทั้งห้องเรียนพลันเงียบกริบ
ส่วนเยี่ยหวันหวั่นเบิกตากว้าง หากไม่ใช่เพราะซือเยี่ยหานอยู่ตรงนี้ เธอคงจะกระโจนเข้าไปกัดไอ้บ้านี่ให้ตาย
มีความเกลียดแค้นอะไรกับเธอกันแน่!
เจ้านี่เป็นยมฑูตหลังการกลับชาติมาเกิดของเธอใช่ไหมเนี่ย!
“โอ้…โอ้โห…นี่มันเผ็ดร้อนสุดๆ ไปเลย! ผู้ชายสองคนแย่งผู้หญิงคนเดียว!”
“อีกทั้งทั้งสองคนยังเป็นหนุ่มหล่อระดับพระกาฬ! แม้ว่าบรรยากาศของซือเซี่ยจะไม่ค่อยถึงขั้น แต่ก็ต้านทานความหนุ่มความเยาว์ของเขาไม่ไหว! เยี่ยหวันหวั่นมีเสน่ห์มากเกินไปแล้ว!”
“เฮอะ เป็นยัยจิ้งจอกจริงๆ ด้วย หน้าด้านจริงๆ!”
“อ่อยคนนั้นทีคนนี้ที ทำเกินไปแล้วหรือเปล่า?”
เฉินเมิ่งฉีคิดไม่ถึงว่าท่าทีของซือเซี่ยจะทำให้เธอเซอร์ไพร์สมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก พลันยิ่งรู้สึกได้ใจ ยิ่งตั้งใจเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก ทำท่าราวกับไม่อยากจะเชื่อ “นาย…นายทำแบบนี้ได้ยังไง! รู้ทั้งรู้ว่าหวันหวั่นมีแฟนอยู่แล้วยังทำแบบนี้อีก ตระกูลซือของนายสอนกันมาแบบนี้เหรอ?”
…………………………………
บทที่ 210 ช่างเป็นพ่อเต็มตัวจริงๆ
เพื่อที่จะเรียกคะแนนต่อหน้าซือเยี่ยหาน ใบหน้าของเฉินเมิ่งฉีเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวแล้ว
ซือเซี่ยได้ยินดังนั้นพลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
การอบรมสั่งสอนของเขาอย่างนั้นเหรอ?
เฮอะ การอบรมสั่งสอนของเขาทั้งหมดเป็นซือเยี่ยหานที่สอนทั้งหมดนั่นแหละ!
ซือเซี่ยทำหน้าไม่ใส่ใจ วางท่าเป็นลูกผู้ลากมากดี ทั้งยังจงใจปรายตามองไปที่ซือเยี่ยหานทีหนึ่ง “ฉันทำไม? ต่อให้หวันหวั่นบอกให้ฉันถอดกางเกง ฉันก็จะทำตามถอดให้เขา เธอมีอะไรงั้นเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นตกใจ
ฉันบ้าไปแล้วหรือไงถึงจะให้นายถอดกางเกง! รักษาหน้าตัวเองหน่อยไอ้บ้าเอ๊ย!
ทุกคนถูกภาพฉากนี้ทำให้ตกใจจนอึ้งไปเลย อีกทั้งทุกคนยังคอยลอบสังเกตปฏิกิริยาของซือเยี่ยหาน
ถูกสวมเขาต่อหน้าสาธารณชน ตอนนี้เป็งจังหวะที่ต้องบอกเลิก!
ภายใต้สายตาจำนวนนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ต้นจนตอนนี้อารมณ์ของซือเยี่ยหานไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แม้จะเผชิญหน้ากับการยั่วยุด้วยเจตนาร้ายของซือเซี่ย รอเขายั่วยุให้เสร็จ ถึงได้ใช้สายตาเยียบเย็นมองเขานิ่งๆ เอ่ยว่า “ก่อเรื่องพอหรือยัง?”
สายตานั้นก็เหมือนกับกำลังมองเด็กน้อยที่โวยวายเอาแต่ใจอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้ซือเซี่ยโมโหทันที นัยน์ตาพลันลุกโชนขึ้นมา!
ซือเยี่นหานเห็นเขาไม่ขานรับ สายตาเย็นชาพลันแผ่ความรู้สึกกดดันอันมหาศาล น้ำเสียงก็ต่ำลงในพริบตา “ทำไม? เห็นฉันแล้ว ไม่รู้จักทักทายกันแล้วหรือยังไง?”
ซือเซี่ยฝืนต้านทานความกดดันอันน่ากลัวนั้น ราวกับทั้งร่างถูกภูเขาลูกหนึ่งกำลังกดทับ เลือดแทบจะถูกแช่แข็ง
เวลาผ่านไปเพียงเล็กน้อย ทั้งๆ ที่อากาศหนาวเย็นขนาดนี้ ทว่าหน้าผากของเขากลับผุดเม็ดเหงื่อเล็กๆ ชั้นหนึ่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดหนุ่มน้อยก็กัดฟัน พูดออกมาทีละคำ “อาเก้า!”
อา…อาเก้า!?
หลังจากได้ยินซือเซี่ยเรียกแฟนหนุ่มของเยี่ยหวันหวั่นแล้ว ทุกคนที่กำลังรอดูเรื่องราวสนุกๆ ล้วนนิ่งอึ้งไป
อารมณ์ของเฉินเมิ่งฉีที่แอบได้ใจพลันหยุดชะงัก
จากนั้น ยังไม่จบเพียงเท่านี้ สายตาของซือเยี่ยหานพยักเพยิดไปทางเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยว่า “เมื่อกี้แกเรียกเธอว่าอะไรนะ?”
ซือเซี่ยกำหมัดแน่น คำๆ นั้นแทบจะเล็ดรอดออกมาจากช่องฟันของเขา “อา…สะ…ใภ้…เก้า”
โอ้วมายก็อด! นี่มัน…เรื่องอะไรกันเนี่ย!
ได้ฟังคำเรียกอาสะใภ้ของซือเซี่ยนั้น ทุกคนที่สับสนเป็นทุนเดิมก็กำลังหัวปั่นจนแทบบ้าไปแล้ว
แม่มันเถอะ! เมื่อกี้ซือเซี่ยเรียกเยี่ยหวันหวั่นว่าอะไรนะ? อาสะใภ้!
อย่างไรก็คิดไม่ถึงเลยว่า ซือเซี่ยกับเยี่ยหวันหวั่นจะมีความสัมพันธ์กันเช่นนี้!
เพราะฉะนั้นพูดได้ว่า ที่ซือเซี่ยทำดีกับเยี่ยหวันหวั่นมาตลอด คอยปกป้องเธอ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะเธอคืออาสะใภ้เก้าของเขา? เป็นแฟนสาวของอาของเขา?
น่าอึ้งจริงๆ !
และคนที่ตกใจยิ่งกว่าพวกเขากลับเป็นเยี่ยหวันหวั่นเอง
พ่อฉันเก่งจริงๆ ช่างเป็นพ่อเต็มตัวจริงๆ คาดไม่ถึงว่าแค่มองก็ทำให้ซือเซี่ยเรียกเธอว่า “อาสะใภ้” ได้แล้ว!
ทั้งยังแก้ปัญหาเรื่องข่าวลือและความเข้าใจผิดในโรงเรียนของเธอได้ในพริบตาอีกด้วย
หลังจากซือเยี่ยหานได้ยินคำเรียกขานว่าอาสะใภ้นี้แล้ว สุดท้ายถึงได้ถอนสายตาตักเตือนกลับมา มองไปทางสวี่อี้ที่อยู่ข้างกาย
สวี่อี้ที่เพิ่งประสบกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อครู่ ขาเกือบจะไม่อยู่แล้ว ตะลึงอยู่แวบหนึ่งถึงได้รู้สึกตัว
รีบนำเอาเสื้อคลุมของผู้ชายชุดหนึ่งที่เหลืออยู่ในถุงออกมา ส่งไปด้านหน้าซือเซี่ย มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ของฝ่ายตรงข้าม เอ่ยอย่างระมัดระวัง “คุณชายซือเซี่ย คุณเพิ่งจะหายป่วย รีบสวมเสื้อผ้าเถอะครับ! อย่าตากลมจนป่วยไป!”
ซือเซี่ยหน้ามุ่ย สุดท้ายแล้วก็หยิบเสื้อผ้าตัวเองขึ้นมาสวม จากนั้นก็รับเสื้อคลุมในมือของสวี่อี้ สวมทับลงไป
ตากลมจนป่วยอะไร ตอนนี้ทั้งตัวเขาแทบจะติดไฟเองได้แล้วเนี่ย!
……………………………………………………..