บทที่ 211 เกิดเธอแย่งแฟนฉันขึ้นมา / บทที่ 212 เมื่อกี้เธอโดนจีบอยู่หรือเปล่า?

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 211 เกิดเธอแย่งแฟนฉันขึ้นมา / บทที่ 212 เมื่อกี้เธอโดนจีบอยู่หรือเปล่า? โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 211 เกิดเธอแย่งแฟนฉันขึ้นมา

“แม่เจ้า เทพธิดาของฉันสุดยอดไปเลย คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอาสะใภ้ของซือเซี่ย! ฐานะนี้! สุดยอดไปเลย!”

“ในที่สุดก็รู้สักทีว่าทำไมซือเซี่ยถึงดูแลเยี่ยหวันหวั่นขนาดนี้!”

“เมื่อกี้เฉินเมิ่งฉีพูดว่าอะไรนะ? บอกว่าที่บ้านซือเซี่ยไม่มีการอบรมสั่งสอน? ชิบ! นี่ไม่เท่ากับว่าด่าอาของซือเซี่ยเขาด้วยหรือไง?”

พูดถึงตรงนี้ ผู้คนรอบด้านพลันส่งสายตาแปลกประหลาดไปทางเฉินเมิ่งฉี

“เฉินเมิ่งฉีคนนี้ก็ตลกดีนะ เจ้าตัวเองยังไม่ได้พูดอะไรเลย เขากลับวิ่งเข้าไปอธิบายโน่นนี่ คนที่รู้ก็คิดว่าเพราะสนิทสนมกันราวพี่น้องถึงได้กังวลใจแทนหวันหวั่น คนที่ไม่รู้จะหลงคิดว่าเขากำลังจงใจใส่ร้ายเยี่ยหวันหวั่นต่อหน้าแฟนเยี่ยหวันหวั่นน่ะสิ!”

“ฉันว่าอย่างหลังมีความเป็นไปได้สูงนะ! เฉินเมิ่งฉีมีคดีติดตัวอยู่ก่อนแล้ว เขาชอบแย่งแฟนของเพื่อนสนิทไม่ใช่หรือไง?”

“ถูกเธอพูดแบบนี้แล้วก็จริงนะ เห้อ แม้แต่ซ่งจื่อหางเขายังไม่เว้น ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมขนาดนี้เลย! เมื่อกี้นี้แปดสิบเปอร์เซ็นต์จะต้องจงใจยุแยงแน่ๆ!”

“พระเจ้า น่ารังเกียจจริงๆ! หลายวันมานี้เขาเอาแต่อธิบายว่าซ่งจื่อหางบีบบังคับเขา แล้วยังบอกว่าซ่งจื่อหางขู่เขาว่า ถ้าหากไม่ยอมทำตาม จะพูดว่าเขาเป็นคนไปอ่อยตัวเองก่อน บอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นซ่งจื่อหางที่โกรธจนใส่ร้ายเขา…ฉันเกือบจะหลงเชื่อ สงสารเขาไปแล้วนะเนี่ย! สุดท้ายเขาหลอกเจียงเยียนหรานเสร็จ ก็วิ่งมาหลอกเยี่ยหวันหวั่นต่อ เฮอะๆๆ…”

“คนแบบนี้ สุดจริงๆ! ทั้งยังรั้งพี่ชายของเยี่ยหวันหวั่นไว้ไม่ยอมปล่อยจนถึงตอนนี้ด้วยนะ!”

เฉินเมิ่งฉีตกใจจนมึนงงตั้งแต่ตอนที่ได้ยินซือเซี่ยเรียกซือเยี่ยหานว่าอาเก้าแล้ว

ตอนนี้มาได้ยินคนที่มุงดูอยู่รอบๆ พวกนั้นพูดนั่นพูดนี้ สีหน้าก็ยิ่งซีดเผือด

เป็น…เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…

ซือเซี่ยกับซือเยี่ยหานเป็นอาหลานกันไปได้ยังไง!

เมื่อครู่นี้เธอกลับพูดต่อหน้าซือเยี่ยหานว่า “ที่บ้านไม่สั่งสอน” แบบนี้

แล้วก็ ซือเยี่ยหานจะคิดว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ของเธอคือกำลังยุแยงความสัมพันธ์ของพวกเขาอาหลานหรือเปล่า?

เธอได้ยินมาว่าสิ่งที่ซือเยี่ยหานไม่ชอบให้เกิดขึ้นมากที่สุดก็คือสิ่งนี้!

เฉิงเสวี่ยเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว แค่นหัวเราะทีหนึ่ง เผยสีหน้าว่าเป็นไปอย่างที่คิด เธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้

วันนี้โชคดีที่มีเฉินเมิ่งฉีเบี่ยงเบนความสนใจของซือเยี่ยหานไป ไม่อย่างนั้นเธอคงจะ…

แต่ว่า หากหลังจากกลับไปแล้วเยี่ยหวันหวั่นฟ้องขึ้นมา…

เทียบกับความกังวลของเฉิงเสวี่ย ตอนนี้เฉินเมิ่งฉีตกใจจนสมองว่างเปล่าไปแล้ว อธิบายกับซือเยี่ยหานอย่างติดอ่าง “คุณชายซือ ฉัน…ฉันไม่รู้…ฉันไม่รู้ว่าซือเซี่ยจะเป็นหลานของคุณ…ขอโทษจริงๆ นะคะ…ฉันเข้าใจผิดเอง…ฉันแค่…เป็นห่วงหวันหวั่นมากเกินไปก็เลยเป็นแบบนี้…คุณอย่าได้ถือสาเลยนะคะ…”

ซือเยี่ยหานไม่ได้พูดอะไร หรือแม้กระทั่งมองก็ไม่มองเธอ แต่กลับมองไปทางเยี่ยหวันหวั่น

ความไม่สนใจของซือเยี่ยหานทำให้หัวใจของเฉินเมิ่งฉีเหมือนกับถ้ำน้ำแข็ง ทำได้เพียงหันไปหาเยี่ยหวันหวั่นที่พึ่งสุดท้ายด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ “หวันหวั่น ฉันไม่ได้เจตนาจริงๆ นะ! เธอรู้ดีที่สุด ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเป็นห่วงเธอนะ!”

เยี่ยหวันหวั่นได้ฟังเฉินเมิ่งฉีที่ถึงตอนนี้ก็ยังคิดจะหลอกลวงเธอ สายตาพลันเรียบนิ่ง “จริงหรือ? แต่ว่าพวกเขาล้วนพูดกันว่าเธอจงใจยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับแฟนนะ!”

“จะเป็นไปได้ยังไง หวันหวั่นแม้แต่เธอก็ไม่เชื่อฉันแล้วเหรอ?” เฉินเมิ่งฉีร้อนใจ

เยี่ยหวันหวั่นยัยโง่นี่ ทำไมคนอื่นพูดอะไรก็เชื่อไปซะหมดเล่า!

สวี่อี้หน้านิ่งมองเฉินเมิ่งฉีเสแสร้างอยู่ตรงนั้น เยี่ยหวันหวั่นยัยผู้หญิงโง่นี่ คิดว่าเดี่ยวก็ถูกหลอกอีก…

เยี่ยหวันหวั่นฟังเฉินเมิ่งฉีแก้ตัวไปเรื่อง สีหน้าเผยความร้อนรน สุดท้ายเอ่ยขอโทษขึ้นว่า “ขอโทษนะเมิ่งฉี ก่อนหน้านี้เธอเคยแย่งแฟนของเยียนหรานมาครั้งหนึ่งแล้ว ฉันยากที่จะเชื่อเธอจริงๆ ฉันคิดว่า ต่อไปพวกเราอย่าได้ติดต่อกันอีกเลยจะดีกว่า! ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิด… ถ้าเกิดเธออยากจะแย่งแฟนของฉันขึ้นมาด้วยจะทำยังไง? แฟนฉันหล่อขนาดนี้…”

เยี่ยหวันหวั่นพึมพำพลางแนบชิดข้างกายซือเยี่ยหานด้วยความตื่นกลัว กอดแขนของเขาไว้ด้วยความหวงแหน ใบหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

ซือเยี่ยหานเห็นเยี่ยหวันหวั่นที่กอดแขนของเขาอย่างกะทันหัน นัยน์ตาเรียบนิ่งไร้คลื่นลมจึงฉายแววประหลาดใจ

ส่วนสวี่อี้นั้น ดีใจจนแทบเป็นบ้าไปแล้ว แม่เจ้าโว้ย ผู้หญิงคนนี้นับว่ามีสมองขึ้นมาบ้างแล้ว เป็นเรื่องที่พันปีจะมีสักหน!

………………………………………

บทที่ 212 เมื่อกี้เธอโดนจีบอยู่หรือเปล่า?

เฉินเมิ่งฉีโดนพูดแทงใจดำ สีหน้ากินปูนร้อนท้องขึ้นมาทันที แต่ไม่นานก็กลับไปทำสีหน้าโดนเข้าใจผิดและเสียใจผิดหวังอย่างรวดเร็ว “เป็นไปได้ยังไง! หวั่นหวัน เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน ฉันจะไปแย่งแฟนเธอได้ยังไง!”

เฉินเมิ่งฉีพูดจบ นับน์ตาสองข้างแดงก่ำ ตัวสั่นเบาๆ อยู่ภายใต้ลมที่พัดมาโดนร่างบอบบาง สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดสายตาอ้อนวอนมองไปทางซือเยี่ยหาน “คุณชายซือ ฉันรู้สึกกับคุณ… แค่ชื่นชมและบูชา… ไม่มีทางคิดเป็นอย่างอื่น… ฉัน…”

ปรากฏว่า เฉินเมิ่งฉีเพิ่งจะก้าวไปได้แค่ครึ่งก้าว สวี่อี้ก็มาขวางหน้าเธอไว้ สีหน้าเย็นชา “คุณหนูเฉิน กรุณาเคารพตัวเองด้วย!”

“หึ—“

เห็นเฉินเมิ่งฉีโดนคนรับใช้ของเขาหักหน้า ทุกคนหัวเราะขึ้นมาในทันใด

“ชื่นชม บูชา? ผู้หญิงคนหนึ่งเคารพนับถือผู้ชายอีกคนหมายความว่ายังไง ยังต้องพูดอะไรมากอีกหรือ? นี่ก็ถือว่าสารภาพรักต่อหน้าแล้ว ยังมีความหมายอื่นอีก?”

“หมาก็ยังกินขี้อยู่วันยังค่ำ! แม้แต่แฟนเจียงเยียนหรานเธอยังไม่ปล่อยเลย ไม่ต้องพูดถึงคนตรงหน้านี้ แฟนเยี่ยหวั่นหวันมองแล้วดูมีชาติตระกูลกว่าซ่งจื่อหางเยอะเลย!”

“เมื่อกี้เยี่ยมู่ฝานเอาเสื้อผ้ามาให้เธออยู่ เธอยังกล้าทำเป็นตัวสั่นต่อหน้าแฟนคนอื่น เดี๋ยวก็อับอายเดี๋ยวก็ร้องไห้น่าสงสาร คิดว่าคนอื่นตาบอดหรือไงนะ!”

“ฉันจำได้มีข่าวลือบอกว่าเยี่ยหวั่นหวันโดนเสี่ยงเลี้ยงอยู่นอกโรงเรียน ข่าวลือน่าจะมาจากเธอนี่แหละ?”

เฉินเมิ่งฉีสีหน้าเปลี่ยนทันที “ฉัน… ฉันเปล่า… ไม่ใช่แบบนี้… ฉันจะปล่อยข่าวลือแบบนั้นได้ยังไง…”

บัดซบเอ้ย ช่วงนี้เจียงเยียนหรานสนิทกับเยี่ยหวั่นหวันขนาดยั้น ไม่ใช่ว่าไปพูดอะไรกับเธอนะ? มิน่าท่าทีของเยี่ยหวั่นหวันที่มีต่อเธอถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้…

เยี่ยหวั่นหวันยืนอยู่อีกฝั่ง มองดูเฉินเมิ่งฉีด้วยสายตาเย็นชาท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของฝูงชน

เพราะก่อนหน้านี้เฉินเมิ่งฉีเคยวางแผนใส่ร้ายอย่างลับๆ เธอโดนทุกคนรังเกียจและเย้ยหยัน ส่วนตอนนี้ ทุกอย่าง เธอจะเอาคืนเธอทีละเรื่องให้หมด

แน่นอน นี่ยังห่างไกลกับคำว่าพออยู่เยอะ…

ติ๊งต่อง—

จนเสียงกระดิ่งให้เตรียมเข้าเรียนดังขึ้น เฉินเมิ่งฉีที่ถูกรุมล้อมอยู่ในที่สุดก็รอดออกมาได้

“หวั่นหวัน ไม่ว่าเธอจะเข้าใจฉันผิดยังไง แต่ฉันไม่เคยทำเลยจริงๆ … ฉัน… ครั้งหน้าฉันจะมาหาเธอใหม่…” เฉินเมิ่งฉีหลบสายตาที่อึมครึมลง กัดริมฝีปากมองไปทางซือเยี่ยหานด้วยสายตาเว้าวอน แล้วค่อยรีบออกไป

เยี่ยหวั่นหวันไม่สนใจเฉินเมิ่งฉีอีกต่อไป ลุกขึ้นมาเดินไปส่งซือเยี่ยหานที่ระเบียงทางเดิน

มองดูชายหนุ่มตรงข้าม เยี่ยหวั่นหวันเงียบไป ไม่พูดอะไรสักคำ

“ไปเข้าเรียนเถอะ” ซือเยี่ยหานเห็นเธอไม่พูดอะไร เลยคิดว่าเธอกลัวจะพูดกับตัวเอง ไม่ได้พูดอะไรต่อ

จากนั้น วินาทีที่ซือเยี่ยหานก้าวเท้าออกไป ข้อมือกลับรู้สึกแน่นขึ้นมา

มือเล็กข้างหนึ่งคว้าแขนเสื้อเขาไว้เบาๆ

ซือเยี่ยหานหยุดเดินทันที สายตามองไปยังแขนเสื้อตัวเอง

เยี่ยหวั่นหวันก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรั้งเขาไว้ หลังรู้สึกตัว ก็รีบหดมือกลับ เอามือม้วนเล่นกับขนสีขาวนั้น

ซือเยี่ยหานก็ไม่ได้เร่งเร้า กลับยืนมองเธออยู่ตรงนั้นอย่างสงบ

เยี่ยหวั่นหวันหาเรื่องคุย “คุณจะชอบเฉินเมิ่งฉีหรือเปล่า?”

ซือเยี่ยหานมองเธอเข้าไปในดวงตาอย่างลึกซึ้ง จากนั้นพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ สายตาฉันสูงมาก”

เยี่ยหวั่นหวันอึ้งไป ผ่านไปนานค่อยเงยหน้ามองด้วยความตกใจ กะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก

เอ่อ เมื่อกี้เธอเพิ่ง… โดนจีบหรือเปล่านะ?

นี่ไม่ใช่ว่าตบตามาชื่นชมเธอนะ?

ในสถานการณ์ที่แฟนสาวเป็นเธอนั้น ยังสามารถทำหน้าเคร่งขรึมพูดคำพูดนี้อย่างจริงจังออกมาได้…

………………………………………………………………….