บทที่ 110 ฮ่องเต้ประทานรางวัล

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

“หยกของเปิ่นหวางเล่า?”

หลินชิงเวยก้าวเข้ามา “ที่แท้เสด็จอายังคงไม่ถอดใจ หม่อมฉันคิดอยู่แล้วเหตุใดเสด็จอาจึงยอมเข้ามาในห้องของหม่อมฉัน ให้หม่อมฉันเปลี่ยนยานั้นเป็นเรื่องรอง หยิบยืมโอกาสนี้เพื่อค้นหาหยกชิ้นนั้นคือจุดประสงค์หลักกระมัง”

“ในเมื่อเจ้ารู้ก็คืนให้เปิ่นหวาง เรื่องอื่นเปิ่นหวางจะไม่ถือสาเจ้า”

หลินชิงเวยกล่าวยิ้มๆ “ท่านคิดจะถือสาข้าอย่างไร?”

เซียวเยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกและมองนางเหมือนต้องการบันดาลโทสะ สุดท้ายยังคงหายใจเข้าลึกอีกครั้งและลดทิฐิอย่างพ่ายแพ้ ถามเสียงต่ำว่า “ทำอย่างไรเจ้าจึงจะยอมคืนให้เปิ่นหวาง?”

หลินชิงเวย “เบื่อแล้วก็จะคืนให้ท่าน นั่นเป็นถึงเครื่องประดับเอวของเซ่อเจิ้งอ๋องเชียว เป็นสิ่งของที่มีเอกลักษณ์เป็นหนึ่งไม่มีสอง” นางพิจารณาสีหน้าของเซียวเยี่ยนทางหนึ่ง อีกทางหนึ่งกล่าวเนิบๆ ว่า “หากข้าไม่ได้คาดเดาผิดแล้วละก็ หยกประดับเอวชิ้นนั้นมีความสำคัญยิ่ง พบหยกประหนึ่งพบเซ่อเจิ้งอ๋อง เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากข้านำหยกประดับเอวชิ้นนั้นไปให้หัวหน้ายามรักษาการณ์ที่เฝ้าประตูวังหลวงดูแล้ว หัวหน้ายามรักษาการณ์จะปล่อยข้าออกจากวังหรือไม่”

เซียวเยี่ยนช้อนตาขึ้นมองนางด้วยสายตาเคร่งขรึม

รอยยิ้มของนางยิ่งสว่างไสวเจิดจ้าดังแสงตะวันในวสันตฤดู “ดูสิ เสด็จอาร้อนใจแล้ว แสดงให้เห็นว่าผ่านทางได้”

เซียวเยี่ยนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อควบคุมความโกรธขึ้งในใจที่กำลังพลุ่งพล่าน “หากเจ้าต้องการเงิน เจ้าต้องการเท่าใด บอกราคามา เปิ่นหวางจะให้เจ้า หากเจ้าต้องการหยก…” เขาเม้มปาก “ชิ้นนี้ไม่ได้ เปิ่นหวางจะหาหยกชิ้นอื่นมาให้เจ้าในวันหน้า ดีหรือไม่?”

นี่เขากำลังปรึกษาหารือกับตนใช่หรือไม่?

หลินชิงเวยจิตใจหวั่นไหว “เสด็จอาจะหาหยกชิ้นใหม่มาแลกเปลี่ยนกับข้า นั่นถือเป็นสิ่งของแทนใจที่มอบให้กับข้าใช่หรือไม่?”

เส้นเลือดสีเขียวข้างขมับของเซียวเยี่ยนกระตุกสองครั้ง “ไม่ใช่”

“ในเมื่อไม่ใช่ เช่นนั้นยังมีอะไรต้องให้พูดคุยอีกเล่า ต่อให้เสด็จอานำสิ่งของที่มีราคายิ่งกว่านี้มา” หลินชิงเวยยิ้มจนดวงตาโค้งลง ยิ่งเซียวเยี่ยนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง นางยิ่งเบิกบานใจ “ข้าก็ไม่ยอมแลกด้วย เสด็จอาจะค้างที่ตำหนักของข้าหรือไร หากไม่ใช่ เช่นนั้นข้าไม่ส่งนะ”

เซียวเยี่ยนย่อมรู้ดีว่าการที่เขารั้งอยู่ที่นี่เพื่อเอาชนะคะคานกับหลินชิงเวยต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด ได้แต่เดินผ่านร่างของหลินชิงเวยไปอย่างเย็นชา ก่อนจะออกประตูไปเขากล่าวว่า “มอบสิ่งของของเปิ่นหวางคืนมา เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางกำลังทำร้ายเจ้าหรือ”

หลินชิงเวยเบ้ปากพูดว่า “บุรุษเช่นท่านนี้ช่างไร้มโนธรรมจริงๆ เพิ่งจะดูแลปรนนิบัติท่าน ท่านก็เปลี่ยนสีหน้าไม่รู้จักผู้อื่น” นางปิดประตูใส่หน้าอย่างไม่เกรงใจพูดผ่านประตูกั้นว่า “รอให้วันใดท่านกระจ่างแจ้งว่าข้าต้องการอะไร ข้าค่อยคืนให้ท่าน”

ดอกไม้ไฟด้านนอกส่งเสียงดังอยู่ค่อนคืน อาจเพราะด้วยภายหลังไม่มีคนชื่นชมอีกต่อไปจึงหยุดจุดดอกไม้ไฟในที่สุด เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นภายในตำหนักฉางเหยี่ยนเต็มไปด้วยความสับสนยุ่งเหยิง หลินชิงเวยพลิกตัวมือข้างหนึ่งทาบลงเสาเตียงข้างหนึ่งกลับไม่ระวังถูกบาดแผลของนาง เจ็บเสียจนนางร้องซี๊ดแทบหมดกะจิตกะใจที่จะนอนต่อ

ขณะที่นางลืมตาขึ้นก็ประสานเข้ากับดวงตาดำขลับกระจ่างใสคู่หนึ่ง นางตกใจเสียจนลุกขึ้นมานั่งแล้วซุกกายเข้าไปในผ้าห่ม เมื่อจับจ้องสายตาอีกครั้ง เป็นซินหรูที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงของนาง นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ซินหรู เช้าตรู่เช่นนี้หากเจ้าไม่นอนแล้วเจ้าก็ไปออกกำลังกายข้างนอกได้ วิ่งออกกำลังกายก็ได้…”

ซินหรูยกแขนของหลินชิงเวยขึ้นมา “พี่สาวท่านหกล้มใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านได้รับบาดเจ็บ”

หลินชิงเวยมองแขนของตนแวบหนึ่ง ข้างบนยังมีรอยเลือดเล็กน้อย นอกจากรู้สึกปวดแผลเล็กน้อยนอกนั้นก็ไม่มีอะไร

คิดดูแล้วนางก็สู้สุดชีวิตเช่นกัน หากอยู่ในยุคสมัยปัจจุบันบาดแผลที่แขนลึกขนาดนี้อย่างไรก็ต้องแอดมิตในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายวัน ต้องให้น้ำเกลือทุกวัน ต้องดูแลอย่างละเอียดแล้วละเอียดอีก ไหนเลยจะเหมือนเวลานี้ เย็บแผลอย่างลวกๆ ใส่ยาเล็กน้อยแล้วพันแผล วันรุ่งขึ้นลุกขึ้นมายังเต็มไปด้วยกระปรี้กระเปร่า

คนในยุคสมัยโบราณไฉนจึงได้มีน้ำอดน้ำทนเช่นนี้

ยามนี้ข้างนอกเสียงดังวุ่นวาย ดูท่าแล้วนางคงไม่อาจฟื้นตัวอย่างสงบ

ซินหรูเอ่ยขึ้นอีกว่า “ได้ยินว่าเมื่อคืนฝ่าบาทพบมือสังหาร พี่สาวช่วยฝ่าบาทโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตนจึงได้รับบาดเจ็บที่แขนและเสียเลือดไปมากเจ้าค่ะ” นางสูดปากเล็กๆ ของนาง ดูท่าทางแล้วปวดใจเหลือแสน ทำให้หลินชิงเวยถึงกับใจอ่อนยวบ

หลินชิงเวย “บาดแผลเล็กน้อยแค่นี้แต่สามารถช่วยชีวิตฝ่าบาทได้ เจ้าว่าคุ้มค่าหรือไม่?”

ซินหรูถอนใจ “สามารถช่วยชีวิตฝ่าบาทได้นั้นย่อมดีเจ้าค่ะ แต่พี่สาวไม่ควรได้รับบาดเจ็บ ผู้บุกรุกคนนั้นช่างอำมหิตนัก!” การที่ฮ่องเต้ได้รับความตื่นตระหนกแต่รอดพ้นจากอันตราย ในใจนางยังคงรู้สึกว่าเป็นโชคดีอย่างยิ่งแล้ว

หลินชิงเวยบีบแก้มกลมๆ ของนาง “ข้าจำได้ว่าคนในตำหนักฉางเหยี่ยนมีไม่มาก แต่กลับได้รับข่าวสารรวดเร็วเช่นนี้ พวกเขากำลังเอะอะโวยวายอะไรกันด้านนอก?”

ซินหรูได้ยินเช่นนั้นจึงมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา “พี่สาวยังไม่รู้อะไร ข่าวนี้มาถึงตำหนักฉางเหยี่ยนตั้งแต่เช้าตรู่ ยังมีพระราชโองการของฝ่าบาท บอกว่าพี่สาวมีความดีความชอบจากการถวายอารักขาจึงประทานรางวัล ประทานสิ่งของมีค่ามามากมายเจ้าค่ะ”

หลังจากหลินชิงเวยล้างหน้าบ้วนปากแล้วจึงออกไปดู ดียิ่งนัก สิ่งของที่ประทานมานั้นเกือบจะกองเต็มลานเรือนด้านหน้าเลยทีเดียว ปี้หลิงกำลังสั่งการให้นางกำนัลขนย้ายสิ่งของไปมา

ตำหนักฉางเหยี่ยนในวันนี้ นับได้ว่ามีหน้ามีตากับผู้อื่นบ้างแล้ว

ปี้หลิงเห็นหลิงชิงเวยเข้ามาจึงรีบเดินเข้ามาด้วยความยินดีปรีดา “บ่าวถวายพระพรเหนียงเหนียงเพคะ เหนียงเหนียงรีบมาดูเพคะ ฝ่าบาททรงประทานสิ่งของมามากมาย”

หลินชิงเวยดูสิ่งของหีบแล้วหีบเล่า ในใจนั้นพึงพอใจอย่างเอกอุ ยังนับได้ว่าเด็กน้อยคนนั้นมีมโนธรรม ไม่เสียแรงที่ตนเองเสียเลือดไปหลายหยด

ผ้าไหมแพรพรรณมีอยู่หลายหีบใหญ่ๆ ยังมีไข่มุกอัญมณีอีกหีบหนึ่ง ปี้หลิงชี้ไปหีบใบหนึ่ง ในนั้นมีผ้าอยู่หลายพับ เนื้อผ้าดูไปแล้วละเอียดประณีตกว่าผ้าพับอื่นๆ อยู่บ้าง ลวดลายที่อยู่ริมผ้านั้นประณีตวิจิตรชวนมองยิ่ง ปี้หลิงพูดขึ้นว่า “นี่เป็นผ้าไหมอวิ๋นจิ่น[1]ของเจียงหนานเพคะ ได้ยินว่าเป็นเครื่องบรรณาการที่นำเข้ามาในแต่ละปีไม่มากนัก ยามนี้ฝ่าบาทประทานให้เหนียงเหนียงมากมายเช่นนี้ เกรงว่าเหนียงเหนียงในตำหนักอื่นคงไม่มีสักพับเพคะ”

สำหรับเนื้อผ้าของอาภรณ์ หลินชิงเวยกลับไม่ได้พิถีพิถันเรื่องนี้เท่าใดนัก ในเมื่อสิ่งของนี้ราคาสูงเยี่ยงนี้ นำมาตัดอาภรณ์ชุดใหม่ก็ไม่เลว

หลินชิงเวยให้นางกำนัลยกหีบที่บรรจุผ้าไหมแพรพรรณธรรมดาเข้ามา แม้จะสู้อวิ๋นจิ่นไม่ได้ แต่ก็หรูหราสูงค่ายิ่ง นางมอบให้กับปี้หลิงสองพับ นางกำนัลคนอื่นๆ ล้วนได้รับสิ่งของกันถ้วนหน้าต่างมีสีหน้ายินดี

ต่อมาหลินชิงเวยจึงไปดูสิ่งของในหีบอื่นๆ สำหรับหลินชิงเวยแล้วหีบนั้นจึงจะเป็นของล้ำค่าสำหรับนาง ในหีบมีกล่องผ้าไหมมากมายซ้อนกันอยู่ ภายในกล่องผ้าไหมล้วนบรรจุยาสมุนไพรล้ำค่าและมีชื่อ ยังมีโสมอายุกว่าร้อยปีและหลิงจืออีกสองดอก ได้ยินนางกำนัลรายงานว่า อายุที่แท้จริงโสมร้อยปีต้นนี้เกือบจะมีอายุห้าร้อยปีแล้ว ภายในวังหลวงแห่งนี้มีเพียงโสมต้นนี้เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นเกียรติเพียงใด

โสมอายุห้าร้อยปีหรือนี่…ภายในวังหลวงแห่งนี้มีเพียงต้นนี้ต้นเดียว นี่สำหรับหลินชิงเวยแล้วนับว่าเป็นสิ่งของล้ำค่าในสิ่งของล้ำค่าที่สุด นำมาทำอะไรดีเล่า? ในเมื่อมีสรรพคุณให้สุขภาพแข็งแรงอายุยืนอีกทั้งรักษาความอ่อนเยาว์ชะลอความชราได้อีกด้วย!

นอกจากหลิงจือและโสม สมุนไพรอย่างอื่นนางล้วนนำมาปรุงเป็นยาลูกกลอนได้มากมาย ใช้ยาสมุนไพรเหล่านี้เป็นตัวนำ สรรพคุณและราคาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

หลินชิงเวยให้ปี้หลินสั่งการให้ทุกคนขนย้ายหีบยาสมุนไพรเหล่านี้ไปยังห้องโอสถ ยังดีที่ห้องโอสถกว้างขวางพอ เมื่อนำไปวางข้างในก็ไม่รู้สึกแออัดหรือเบียดเสียด

หลินชิงเวยเห็นแล้วว่าบนตู้มีไหใบหนึ่ง ไหใบนั้นใหญ่มาก หลินชิงเวยและซินหรูสองคนช่วยกันยกจึงจะยกไหว

นี่เป็นยาสมุนไพรไหหนึ่งที่นางสั่งให้ซินหรูดองเอาไว้ หลินชิงเวยเปิดฝาออกดู กลิ่นฉุนของโอสถพวยพุ่งออกมาทำให้แสบจมูก ยังมองเห็นงูหลายตัวอยู่ข้างใน มีตะขาบหลายตัว และยังมีหนอนแมลงบยางชนิดรวมไปถึงยาสมุนไพรอีกส่วนหนึ่ง

[1] คือผ้าไหมปักลายดอกของหนานจิง เป็นชนิดของผ้าที่ทำในหนานจิง มณฑลเจียงซูประเทศจีน “อวิ๋นจิ่น” เป็นคำทั่วไปสำหรับผ้าไหมแบบดั้งเดิมซึ่งเป็นการทอผ้าลายดอกสำหรับพระราชวงศ์เท่านั้น อวิ๋นจิ่น เป็น 1 ใน 4 ของศิลปะผ้าปักดอกอันเลื่องชื่อของจีน ผ้าปักดอกฯนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมแห่งมนุษยชาติของยูเนสโก