บทที่ 92 คำพูด Ink Stone_Romance
ภายในบ้านของนายใหญ่เฉินวุ่นวายนักและข่าวก็แพร่กระจายไปทุกเรือนอย่างรวดเร็ว
“ฟื้นแล้ว!”
“ฟื้นแล้วจริงๆ!”
“โอ้สวรรค์ บอกว่าจะฟื้นช้าสุดตอนเช้าตรู่ ก็ฟื้นจริงๆ ด้วย”
เฉินเซ่าตื่นเต้นจนหัวหมุน
“ไปเชิญแม่นางเฉิงมาเร็วๆ” เขากล่าวด้วยเสียงสั่น
“เจ้าค่ะ” สาวใช้หลายคนวิ่งออกไป แต่กลับถูกภรรยาของเฉินเซ่ารั้งไว้
“นายสาม แม่นางเจียวเหนียงมิใช่บอกไว้ว่าฟื้นแล้วก็ให้กินยา ห้ามปลุกนางมิใช่หรือ” นางกล่าว
เฉินเซ่ากระทืบเท้า
“คำพูดเช่นนั้นจะคิดจริงได้อย่างไรเล่า หากคิดจริง ก็แค่อยากจะบอกพวกเราว่านางสามารถรักษาให้หายได้จริงเพียงเท่านั้น” เขาพูดพร้อมกับโบกมือ “จริงอยู่ว่าพูดเช่นนั้น แต่จะฟังที่นางพูดหรืออย่างไร รีบไปๆ”
เพื่ออำนวยความสะดวกในการวินิจฉัยโรคและให้ยา ที่พักของเฉิงเจียวเหนียงจัดให้อยู่ใกล้กับนายใหญ่เฉิน ทางนั้นคึกคักตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง แต่ทางนี้กลับเงียบสงบเฉกเช่นทุกวัน
ไฟในลานกว้างน้อยกว่าที่อื่นและห้องก็มืดสนิท แสดงว่าคนในบ้านยังหลับอยู่
แน่นอนว่าความเงียบสงบเฉกเช่นทุกวันนั้นหมายถึงเฉิงเจียวเหนียงและสาวใช้ของนางเท่านั้น ส่วนสาวใช้ทั้งสี่คนของตระกูลโจวนอนหลับไม่สนิท เมื่อได้ยินเสียงคึกคัก พวกเขาจึงรีบออกไปดูอยู่หลายหน
ขณะนี้ เมื่เห็นเหล่าสาวใช้ของตระกูลเฉิน จึงรีบกล่าวทักทายอย่างประหม่า
“พี่สาวทั้งหลาย เป็นเช่นไรบ้าง”
“ท่านหญิงหมอเทวดา ท่านหญิงหมอเทวดา” เหล่าบรรดาสาวใช้ของตระกูลเฉินกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน แม้ว่าพวกเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความเคารพต่อสาวใช้เหล่านี้ “นายใหญ่เฉินฟื้นแล้วจริงๆ ฟื้นแล้วจริงๆ รีบเชิญนายหญิงเร็ว”
วิเศษอย่างที่คิด!
สาวรับใช้ของตระกูลโจวรู้สึกดีใจมาก เมื่อเห็นว่าสาวใช้ของตระกูลเฉินให้ความเคารพมากเช่นนี้ ในใจรู้สึกว่าพวกตนมีประโยชน์นัก
“พี่สาวทั้งหลายรอสักครู่ พวกข้าจะรีบเข้าไปเรียกก่อน” พวกนางพูดขึ้นทันที แล้วหันหลังตรงเข้าบ้านไป ซึ่งยังไม่ทันเดินครบสองก้าว ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกและมีเงาคนยืนออกมา
คงไม่ได้นอนและกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของทางนั้นเช่นกัน ทว่า แสร้งทำเหมือนสงบนิ่งนัก
สาวใช้ของตระกูลโจวพูดเพียงในใจและก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำความเคารพ
“พวกเจ้ามาทำอะไรกัน” เสียงทุ้มต่ำแสดงอาการไม่พอใจของสาวใช้ดังขึ้นก่อน
“พี่สาว รีบไปบอกนายหญิงว่านายใหญ่เฉินฟื้นแล้ว” สาวใช้รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฟื้นก็ฟื้นสิ ไม่ใช่บอกไปแล้วหรือว่ากินยาก็พอแล้ว ไม่ต้องมารบกวนเวลานอนของนายหญิง” สาวใช้กระซิบ
สาวใช้ทั้งของตระกูลเฉินและตระกูลโจวต่างชะงักไปตามๆ กัน
“แม่นางปั้นฉิน” สาวใช้ของตระกูลโจวหุบยิ้มและเตือนด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “วิชาการแพทย์เช่นนี้ เจ้าไม่เข้าใจหรอก ไปบอกก่อนแล้วค่อยให้นายหญิงตัดสินใจเถอะ”
สาวใช้ยิ้มเยาะและเดินเข้าไปสองก้าวโดยไม่ลืมที่จะปิดประตู และก็มีเสียงโวยวายดังเข้ามา
“ข้าไม่เข้าใจ แล้วเจ้าเข้าใจหรือ” นางถามด้วยเสียงต่ำ
สาวใช้นางนี้ไม่มีมารยาทเอาซะเลย!
สีหน้าของเหล่าสาวใช้ดูแย่มาก พวกนางล้วนเป็นสาวใช้ประจำกายและมีหน้ามีตาของฮูหยินโจว เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ที่ติดตามหลานนอกเท่านั้น เหตุใดถึงบังอาจทำตัวหยาบคายเช่นนี้
“นี่คือสาวใช้ที่ตระกูลเฉิงเลือกไว้รับใช้หรือ” สาวใช้กล่าวด้วยสีหน้าเข้มขรึม
พูดไม่ทันจบคำ ก็ถูกสาวใช้ถ่มน้ำลายใส่
“ของตระกูลเฉิง ของตระกูลโจวอะไรกัน ไปๆ ฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรืออย่างไร” นางกระซิบ
เหล่าบรรดาสาวใช้รู้สึกงงงวย อับอายและไม่พอใจทันที
“นังสาวใช้ชั้นต่ำ หยาบคาย ไม่มีมารยาท ลงมือตีเร็วเข้า” พวกนางตะโกนลั่น
หากไม่ใช่อยู่บ้านตระกูลเฉิน สาวใช้ที่หยาบคายเช่นนี้ พวกนางคงตบสั่งสอนไปนานแล้ว
สาวใช้ยืนอยู่ตรงระเบียง มองไปที่สาวใช้ทั้งสี่คน ท้องฟ้าใกล้จะสว่างแล้วและแสงไฟก็สลัวลง สาดส่องหน้านางอย่างอธิบายไม่ถูก
“พวกเจ้าพูดว่าอะไร ให้ลงมือตีเลยหรือ” นางกล่าวพร้อมกับหัวเราะอีกครั้ง “พูดว่าหยาบคายเช่นนี้ ควรลงมือตี”
เหล่าสาวใช้ของตระกูลเฉินถึงกับเสียขวัญ
นี่เป็นอะไรกัน…
เฉินเซ่าเดินไปเดินมาภายในห้องพร้อมกับมองไปทางข้างนอกแล้วถอนหายใจอย่างเป็นกังวล
“เหตุใดถึงยังไม่มา เหตุใดถึงยังไม่มา” เขาเอ่ยขึ้นมา
“มาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกประตูกล่าว
ทุกคนต่างดีใจและรีบเข้าไปต้อนรับ แต่กลับมองเห็นมีสาวใช้เพียงสองคนเท่านั้นที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบและด้านหลังก็ไม่มีใครเดินตามมา
เฉินเซ่าและคนอื่นๆ ตกใจเล็กน้อย
“สาวใช้นางนั้นกล่าวว่า นายหญิงบอกแล้วว่าอย่ารบกวนเวลานอนของนาง หากฟื้นแล้ว ก็ให้กินยาได้เลย และเมื่อนางตื่นนอน นางจะมาเอง” สาวใช้กล่าวอย่างขี้ขลาด
ภรรยาของเฉินเซ่าอดไม่ได้ที่จะมองไปที่สามีของนาง
จริงอยู่ว่าพูดเช่นนี้ ทว่า ฟังแล้วนึกว่าไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ
เฉินเซ่าเหม่อลอยเล็กน้อย แม่นางคนนี้ช่าง…
“ยังมีต่อเจ้าค่ะ” สาวใช้อยากพูด แต่พูดไม่ออก
“มีอะไรอีก” ภรรยาของเฉินเซ่าขมวดคิ้วถาม
“เพราะว่ามีเรื่องกัน ไปเรียกนายหญิง สาวใช้ของตระกูลโจวกับสาวใช้นางนั้นทะเลาะกันเจ้าค่ะ…” สาวใช้ก้มศีรษะกล่าว “สาวใช้นางนั้นต้องการให้สาวใช้ทั้งสี่คนกลับบ้านไปเจ้าค่ะ…”
อันที่จริงพูดว่าให้กลับไปจะดูสุภาพไป เพราะสาวใช้นางนั้นพูดว่าไสหัวออกไป
อะไรนะ
เฉินเซ่าสะบัดแขนเสื้อ
เวลานี้แล้วยังจะมาทะเลาะกันอีก
ภรรยาของเฉินเซ่าปลอบประโลมเขา
“ข้าจะไปดูเอง” นางกล่าว พร้อมกับรีบเรียกสาวใช้ให้นำทางไป คนสองสามคนจึงรีบเดินออกไป
ทางนี้ เฉินเซ่าและคนอื่นๆ ถอนหายใจเพราะรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร กินยา พวกเราให้กินยาไปก่อน” หมอหลวงหลี่พูดพร้อมกับถือใบสั่งยาที่สั่งโดยเฉิงเจียเหนียงและเขียนโดยสาวใช้ยื่นให้แก่เด็กน้อย
เด็กน้อยรีบวิ่งไปต้มยา
“นายสาม นายสาม แม่นางมาแล้วหรือ” นายใหญ่เฉินที่นอนอยู่บนเตียงยื่นมือที่สั่นเทาออกไป
เฉินเซ่ารีบเดินไปดูท่านพ่อที่มีร่างกายซูบผอม ซึ่งดูไม่เหมือนมนุษย์แล้ว โบราณว่าไว้น้ำตาลูกผู้ชายห้ามหลั่งออกมาง่ายๆ ทว่า เพียงเพราะยังไม่ครียดถึงขั้นสุดเท่านั้น
“มาถึงแล้วขอรับท่านพ่อ” เขาพูดทั้งน้ำตาและคุกเข่าลงจับมือพ่อของเขา “ลูกอกตัญญูขอรับ ที่ทำให้ท่านพ่อต้องเหนื่อยกับการเดินทางไปมา”
“น้องชายสาม อย่าพูดเช่นนั้นเลย” ลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อเดินเข้ามาพร้อมกับส่ายหัวกล่าว “แม่นางคนนั้นพูดไม่ใช่หรือว่าท่านอามีอาการป่วยที่ซ่อนอยู่มานานแล้ว หากเพราะไม่ใช่ติดตามเจ้าไปและระหว่างทางบังเอิญเจอแม่นางเฉิงแล้วล่ะก็ บัดนี้ พวกเราคงจะหมดหนทางแล้วจริงๆ”
พี่น้องคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องนี้รีบช่วยปรับความเข้าใจ
“เพลานี้มิใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้กัน บัดนี้มีความหวังแล้ว แม่นางเฉิงบอกว่าสามารถรักษาให้หายได้ ก็คือรักษาให้หายได้”
“ยาเล่า รีบไปเอายามา”
นอกจากห้องที่เฉิงเจียวเหนียงพักผ่อนแล้ว สาวใช้ทั้งสี่คนต่างรู้สึกเก้ๆ กังๆ
“ทะเลาะกันจนฮูหยินต้องเดินทางมาเอง” พวกนางก้มศีรษะลงแล้วกล่าว
ฮูหยินเฉินกวาดสายตามองพวกนางโดยไม่พูด
“อาการป่วยของนายใหญ่เฉินรุนแรงนัก นอนมากหรือนอนน้อยหน่อยจะเป็นอะไรไป” สาวใช้นางหนึ่งกล่าว “เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในบ้านของเราเอง ทำให้ฮูหยินต้องตลกขบขันแล้วเจ้าค่ะ”
“นายญิงของเราอายุยังน้อย สาวใช้ก็ยังเด็กอยู่ ตั้งแต่เล็กไม่มีคนสั่งสอน ไม่รู้อะไรควรไม่ควร ทำให้ฮูหยินต้องหัวเราะแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้อีกคนก็รีบกล่าว
ฮูหยินเฉินลังเลอยู่ชั่วครู่
หากกล่าวกันตามตรงแล้ว ก็เป็นเรื่องภายในของเขาจริงๆ ทว่า…
ภาพสีหน้าและคำพูดของแม่นางเฉิงหลังจากคนของตระกูลเดินจากไปปรากฎขึ้นตรงหน้า
ต่อหน้าคนของตระกูลโจวบอกว่าต้องรักษาผู้ป่วยก่อน จึงยังกลับไม่ได้ แต่เมื่อคนของตระกูลโจวกลับไปแล้วกลับพูดว่าไม่ต้องเข้าไปดูอาการ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าแม่นางคนนี้ไม่ได้วางท่าแก่ตระกูลเฉิน หากแต่ดูเหมือนว่าจะไม่อยากกลับตระกูลโจวต่างหาก
มือทั้งสองข้างของฮูหยินเฉินจับมือตัวเองอยู่ในแขนเสื้อ
“อย่างนี้แล้วกัน พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ” นางกล่าว “พวกเราขอร้องให้นางมารักษาอาการป่วย หากนางไม่พอใจ พวกเจ้าคนกันเองไม่เป็นอะไรหรอก แต่สำหรับพวกเราคงไม่ดีนัก ถือว่าให้ฮูหยินของพวกเจ้าเข้าใจข้าหน่อย ฝืนใจสักหน่อย ทำตามที่นางต้องการเถอะ”
สาวใช้ทั้งสี่นางตะลึง
แสงยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องและท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
เฉิงเจียวเหนียงพลิกตัวและเหยียดแขนออกจากผ้าห่ม
“นายหญิงต้องการดื่มน้ำหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้ถามจากนอกม่าน
“เอา” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
สาวใช้ยกผ้าม่านขึ้นแล้วเดินเข้ามา จากนั้นคุกเข่าลงและยื่นแก้วน้ำอุ่นให้แก่นาง
เฉิงเจียวเหนียงลุกขึ้นนั่งและกินไปหนึ่งคำ
“ติดที่นอนหรือ” นางถาม
ใบหน้าของสาวใช้ซีดเซียว เหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืนอย่างเห็นได้ชัด
“ข้ามิได้มีโชคดีเหมือนกับนายหญิงเจ้าค่ะ ข้าเปลี่ยนที่นอนต้องปรับตัวให้ชินหนึ่งถึงสองวันเจ้าค่ะ” นางยิ้มกล่าว
เฉิงเจียวเหนียงยื่นแก้วน้ำคืนให้แก่นาง
“มิได้โชคดีอะไรหรอก” นางกล่าวพร้อมกับยกผ้าห่มและลุกขึ้น “ที่ไหนๆ สำหรับข้าก็เหมือนกันหมด”
ล้วนไม่รู้จักและแปลกที่ทั้งนั้น
สาวใช้ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ไม่รู้ก็ไม่พูดก็พอแล้ว นางประคองเฉิงเจียวเหนียงลุกขึ้น
เฉิงเจียวเหนียงไม่ได้ถามนางเกี่ยวกับอาการของนายใหญ่เฉินและสาวใช้ก็ไม่ได้พูดถึงเช่นกัน ทำให้สาวใช้ที่รออยู่ข้างนอกต้องทนรอต่อไป
“ยังไม่ตื่นอีกหรือ”
“ทางนั้นกินยาเสร็จไปแล้ว นายท่านให้ข้ามาดูอีกที…”
“เจ้าอย่าเข้าไปเร่งเลย สาวใช้ทั้งสี่คนของตระกูลโจวถูกไล่กลับไปแล้ว หากทำให้รำคาญ เพียงคำพูดเดียวก็สามารถไล่เจ้าไปได้เช่นกัน หากเป็นเช่นนั้น เจ้าจะทำอย่างไร”
เสียงกระซิบคุยกันอยู่ด้านนอก ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกและเสียงก็เงียบสนิทลงทันที
…………………………………………………