ตอนที่ 225 อยากไปเมืองหลวงหรือไม่ / ตอนที่ 226 ล้วนเป็นลูกผู้รากมากดี

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 225 อยากไปเมืองหลวงหรือไม่

ห้องอาบน้ำและในห้องน้ำล้วนปูด้วยแผ่นหินสีดำ แล้วค่อยวางถังไม้สองถังไว้บนแผ่นหินของทั้งสองห้อง เชื่อมถังทั้งสองด้วยท่อน้ำไม้ไผ่และประตูน้ำ พวกนางจะได้ใช้ ‘น้ำประปา’ จากในห้องอาบน้ำและห้องน้ำได้ เพียงแต่ขั้นตอนการเติมน้ำค่อนข้างยากลำบาก เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้หูเฟิงทำ

องครักษ์จินมองท่อน้ำและประตูน้ำ พลันมีสีหน้าประหลาดใจ “นี่คืออะไรหรือ” ขณะพูด เขาก็ใช้มือไปบิดประตูน้ำ ก่อนจะมีน้ำสะอาดสายหนึ่งไหลออกมาจากในท่อน้ำ ทำเอาเขาตกใจจนสะดุ้งโหยง

ไป๋จื่อรีบปิดประตูน้ำ ยิ้มกล่าวว่า “นี่คือน้ำสะอาดที่ไหลมาจากทางนั้นเจ้าค่ะ แต่อย่าได้สิ้นเปลือง เพื่อเติมน้ำในถังไม้ขนาดใหญ่นี้ให้เต็ม หูเฟิงต้องเทียวไปเทียวมาอยู่ตั้งเจ็ดแปดรอบ”

เมิ่งหนานและองครักษ์จินวิ่งไปมาอยู่หลายสิบรอบ ก็นับว่าเข้าใจหลักการนี้แล้ว วิธีการนี้ช่างมหัศจรรย์นัก เหตุใดก่อนหน้านี้เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลย

“ผู้ใดเป็นคนสอนเจ้า” เมิ่งหนานถาม

ไป๋จื่อยักไหล่ “ไม่มีใครสอนข้าเจ้าค่ะ ข้าคิดวิเคราะห์เอาเอง ก็แค่ของเล่นเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่อะไร”

เมื่อเข้าใจหลักการของมันแล้ว ก็นับว่าไม่ใช่สิ่งของที่วิเศษอะไรจริงๆ แต่ปัญหาก็คือผู้ใดคิดค้นหลักการนี้ขึ้นมาได้

องครักษ์จินยกนิ้วโป้งให้ไป๋จื่อไม่หยุด “เจ้าช่างฉลาดเฉียบแหลมยิ่งนัก”

เด็กสาวยิ้มกล่าว “เอาล่ะ บ้านยังสร้างไม่เสร็จ ตอนนี้มองอะไรไม่ออกหรอกเจ้าค่ะ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ขอเชิญพวกท่านมาร่ำสุรา ถึงตอนนั้นข้าจะพาพวกท่านชมบ้านอย่างละเอียดอีกครั้งนะเจ้าคะ”

เมิ่งหนานถอนใจเสียงหนึ่ง “ข้าแค่คิดว่าน่าจะรอถึงเวลานั้นไม่ไหว”

ไป๋จื่อไม่เข้าใจ จึงเลิกคิ้วถามว่า “เพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”

องครักษ์จินกล่าวต่อ “ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก เพียงแต่คุณชายต้องกลับเมืองหลวงแล้ว เกรงว่าจะรอวันที่เจ้าสร้างบ้านเสร็จไม่ได้”

นางหัวเราะขึ้นมาในทันที เผยให้เห็นเขี้ยวขาวสะอาดคู่หนึ่ง ภายใต้แสงอาทิตย์เช่นนี้ รอยยิ้มของนางช่างงดงามและเปล่งประกายเสียยิ่งกว่า เมิ่งหนานเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของนางแล้ว เขาก็รู้สึกเบิกบานใจตามไปด้วย

“นับเป็นข่าวดีเจ้าค่ะ ครั้งก่อนท่านบอกว่าอยากกลับบ้าน ข้าว่าพอเหมะพอเจาะทีเดียว”

กลับเมืองหลวงได้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้เมิ่งหนาน…

จู่ๆ เขาก็เก็บท่าทีไม่สนใจโลกเช่นปกติ แล้วมองไป๋จื่อด้วยความมจริงจังอย่างยิ่ง “จื่อยาโถว เจ้าอยากไปเมืองหลวงหรือไม่”

ไป๋จื่อตะลึง ‘เมืองหลวงหรือ’

เมื่อพูดถึงเมืองหลวง นางก็คิดถึงความเจริญรุ่งเรืองของปักกิ่ง ในยุคปัจจุบัน เดิมทีนางก็อาศัยอยู่ที่ปักกิ่งเช่นดัน และเคยชินกับชีวิตในสภาพแวดล้อมที่หรูหราและคึกคักเช่นนั้น

ทว่าเมื่อนางมาอยู่ที่โลกนี้แล้ว ความสงบเงียบในหมู่บ้านเล็กๆ ทำให้นางมีความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ ความจริงแล้วชีวิตในหมู่บ้านก็ไม่มีอะไรไม่ดี จิตใจของนางผ่อนคลายในทุกวัน และไม่มีความรู้สึกรีบร้อนอันเกิดจากความกดดันในระดับสูงเช่นเมื่อก่อน นี่สิถึงจะเป็นชีวิต…ไม่ใช่หรือ

นางส่ายหน้า “ไม่อยากเจ้าค่ะ”

เมิ่งหนานชะงักไปเล็กน้อย “ไม่อยาก? เพราะเหตุใด ทุกคนล้วนอยากไปที่เมืองหลวงทั้งนั้น ล้วนอยากไปใช้ชีวิตที่นั่น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถตั้งรกรากอยู่ที่นั่นได้ แต่ไปดูความรุ่งเรืองของเมืองหลวงสักหน่อยก็นับเป็นเรื่องดี เจ้ากลับไม่อยากไปเสียนี่”

ไป๋จื่อพยักหน้า “ข้าจำได้ว่าเคยพูดไปแล้ว ข้าไม่อยากใช้ชีวิตที่รื่นเริง เพียงอยากอยู่กับท่านแม่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ มีชีวิตที่สงบสุข มีอิสระอยู่ที่นี่ เมืองหลวงไม่เหมาะกับข้าอีกต่อไปแล้ว”

เมืองหลวงไม่เหมาะกับข้าอีกต่อไปแล้ว?

ประโยคนี้ของนางหมายความว่าอย่างไร พูดราวกับว่าเคยชิน หรือเคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงอย่างไรอย่างนั้น

เมิ่งหนานร้อนใจอยู่บ้าง “เจ้าคิดทบทวนดูอีกสักหน่อยเถอะ ขอเพียงเจ้าอยากไป ข้าจะจัดเตรียมพาเจ้าและแม่ของเจ้าเข้าเมืองหลวงในทันที อีกทั้งรับรองว่าพวกเจ้าจะมีชีวิตที่สุขสบายไปทั้งชีวิต”

คำพูดของเมิ่งหนานทำให้นางนึกถึงยุคปัจจุบัน ผู้ชายบางคนเคยพูดเช่นนี้กับนาง คล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง

……….

ตอนที่ 226 ล้วนเป็นลูกผู้รากมากดี

คนคนนั้นเป็นทายาทตระกูลร่ำรวย ที่เคยเป็นคนไข้ของนางครั้งหนึ่ง นับได้ว่าเขาตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ คอยตามจีบนางด้วยสารพัดวิธี ตอนที่เขาเห็นนางวิ่งเต้นเข้าห้องผ่าตัดในทุกวัน เขาพูดว่า ‘ทำงานในโรงพยาบาลมันเหนื่อยเกินไป ลาออกเถอะ ขอแค่คุณยอม ไม่ว่าที่ไหนบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน ผมสร้างบ้านให้คุณได้ทั้งนั้น ขอแค่คุณยอมก็พอ’

“ข้าไม่อยากไป เมิ่งหนาน ข้าขอบคุณในความหวังดีของท่านนะเจ้าคะ” ปฏิเสธเมิ่งหนาน ก็เหมือนการปฏิเสธบุรุษผู้นั้นในยุคปัจจุบัน

ไม่ว่าใครล้วนอยากมีชีวิตที่สุขสบายและมั่นคง ไร้ความกังวล มีความสุขไปตลอดชีวิต

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ควรสร้างด้วยบุรุษคนใด หากต้องการใช้ชีวิตเช่นไร ก็ควรไขว่คว้ามาด้วยตนเอง ใช้สองมือของตนเองทำให้ฝันเป็นจริง ไม่ใช่อาศัยความช่วยเหลือของผู้อื่น

ไม่มีผู้ใดสามารถเป็นที่พึ่งพิงให้ได้ไปตลอดชีวิต พึ่งพาใครไม่เท่าพึ่งพาตนเอง นี่เป็นคติในการดำเนินชีวิตของนางเอง

หากในอนาคตอยากไปเมืองหลวง นางจะอาศัยความสามารถของตนเอง ใช้สองมือของนางเลี้ยงดูตนเองและผู้เป็นมารดา

โลกหล้านี้ แต่ไหนแต่ไรล้วนไม่มีอาหารกลางวันที่ได้มาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่ว่าจะได้สิ่งใดมา ย่อมต้องเสียบางสิ่งบางอย่างไป

เกียรติยศ หรือไม่ก็ร่างกาย

นางไม่อยากได้รับสิ่งใดจากมือของผู้อื่น และไม่อาจให้ตนเองสูญเสียอะไรไป

เมิ่งหนานยังอยากพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ไป๋จื่อกลับหมุนกายจากไปแล้ว

นางทำเกี๊ยวและจีตั้นปิ่งที่เมิ่งหนานและจินเสี่ยวอันชอบกินเป็นมื้อกลางวัน ทั้งยังมีผัดผักที่มีรสชาติเผ็ดร้อนอีกสองจาน จินเสี่ยวอันกินอย่างเอร็ดอร่อยทีเดียว ทว่าเมิ่งหนานกลับไม่อยากอาหาร เอาแต่ขมวดคิ้วไม่พูดจา สีหน้าเงียบขรึม

จินเสี่ยวอันเห็นเมิ่งหนานมีท่าทีเช่นนี้ ก็อดไม่ได้จะโน้มน้าวว่า “คุณชาย เหตุใดท่านไม่กินให้มากหน่อยเล่า อีกสองสามวันพวกเราก็ต้องไปแล้ว จะไม่ได้ลิ้มรสชาติเสน่ห์ปลายจวักของแม่นางไป๋อีก”

เมิ่งหนานกำลังกลัดกลุ้มเพราะเรื่องนี้นี่แหละ

เขาถลึงตามองจินเสี่ยวอันครั้งหนึ่ง ก่อนจะวางตะเกียบลงบนโต๊ะดัง ‘ปัง’ “ข้าไม่กินแล้ว กลับ!”

หลังจากที่เขาผุดลุกขึ้นแล้ว เขาก็ออกจากประตู แล้วควบม้าจากไปในทันที

องครักษ์จินจนใจ จึงต้องลุกขึ้นตาม แต่จ้าวหลานกับขวางเข้าไว้พร้อมสีหน้างุนงง “องครักษ์จิน ใต้เท้าเมิ่งเป็นอะไรไปหรือ ผู้ใดทำให้เขาโกรธกัน”

จินเสี่ยวอันมองไป๋จื่อครั้งหนึ่ง “หากเป็นเวลาอื่นก็คงไม่เกี่ยวกับแม่นางไป๋ คุณชายของข้าเอาแต่ใจตนเองเกินไปแล้ว เขาอยากให้แม่นางไป๋ตามเขาไปยังเมืองหลวงด้วย ทว่าแม่นางไป๋ไม่ยอม เขาถึงได้โมโหเช่นนี้!”

หลังจากเขาอธิบายเสร็จ ก็กล่าวกับไป๋จื่อว่า “แม่นางไป๋ สามวันหลังจากนี้ ข้ากับคุณชายจะออกจากเมืองชิงหยวน เจ้าจะไปส่งพวกข้าหรือไม่”

ไป๋จื่อพยักหน้า “แน่นอนเจ้าค่ะ ข้าต้องไปแน่” เมิ่งหนานและจินเสี่ยวอันล้วนเป็นคนดี นางเห็นพวกเขาเป็นสหายจากใจจริง สหายต้องเดินทางไกลเช่นนี้ ตนย่อมต้องไปส่งอยู่แล้ว

จินเสี่ยวอันยิ้มปลื้ม “เจ้ามาส่งพวกข้า คุณชายจะต้องดีใจอย่างแน่นอน จริงสิ เจ้าอย่ามามือเปล่านะ อาหารของเจ้าถูกปากคุณชายของข้าเป็นอย่างยิ่ง เสบียงอาหารที่ที่ว่าการอำเภอเตรียมให้ เกรงว่าเขาจะกระเดือกไม่ลง”

เด็กสาวอมยิ้ม “ข้ารู้เจ้าค่ะ”

องครักษ์จินหมุนกายเดินไปสองก้าว ก่อนจะเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน “เจ้าอย่าเตรียมให้เพียงแค่คุณชายนะ เตรียมให้ข้าด้วยสักชุด”

เมื่อเห็นไป๋จื่อพยักหน้า คราวนี้เขาถึงจะจากไปอย่างอารมณ์ดี ควบม้าตามคุณชายของเขาไป

จ้าวหลานดึงไป๋จื่อให้นั่งลงที่หน้าโต๊ะ “ใต้เท้าเมิ่งอยากพาเจ้าไปเมืองหลวงจริงหรือ”

หูเฟิงที่อยู่ข้างๆ หยุดคีบอาหาร เขาไม่มองไป๋จื่อ ทว่ากลับคอยเงี่ยหูฟัง

ไป๋จื่อยิ้มจาง “ใช่เจ้าค่ะ เขาบอกว่าขอเพียงพวกเราอยากไป ก็จะจัดการพาพวกเราไปเมืองหลวง ทั้งยังรับรองว่าพวกเราจะมีชีวิตที่สุขสบายไปทั้งชีวิต”