ตอนที่ 227 ปูทางการค้าขาย / ตอนที่ 228 ล้างแตงดิน

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 227 ปูทางการค้าขาย

“เจ้าปฏิเสธ?” จ้าวหลานถาม

ไป๋จื่อพยักหน้า “แน่นอนเจ้าค่ะ แม้ข้ากับเขาจะเป็นเพื่อนกัน แต่กลับยังไม่ถึงขั้นที่ต้องการให้เขามาเลี้ยงดูพวกเรา หากรับคำเขาแล้ว ด้วยฐานะของเขา ครอบครัวของเขาไม่อาจจะเข้าใจ ถึงตอนนั้นแล้วพวกเราควรทำเช่นไรเล่าเจ้าคะ อีกทั้งผู้อื่นจะคิดว่าข้าเป็นอนุที่เขาเลี้ยงไว้นอกจวน และข้าไม่ต้องการเช่นนั้น” นางกล่าวทีเล่นทีจริง ทว่าจ้าวหลานและหูเฟิงล้วนรู้ว่านางไม่ได้พูดล้อเล่น เป็นจริงเช่นที่นางว่า

หูเฟิงไม่ได้พูดอะไร เขากินข้าวต่อไป ด้วยคาดเดาคำตอบเช่นนี้ไว้แล้ว ไป๋จื่อแตกต่างกับเด็กสาวทั่วไป นางไม่มีใจมักใหญ่ใฝ่สูง และมีความสามารถที่จะเลี้ยงดูตนเองได้ เรื่องต่ำช้าเช่นการเป็นอนุเพื่อแลกมากับความหรูหราและร่ำรวย นางย่อมไม่มีทางทำแน่

จ้าวหลานพยักหน้าด้วยความชื่นชม “จื่อเอ๋อร์ เจ้าทำถูกต้องแล้ว แม้พวกเราจะยากจน แต่ก็ใช้ว่าต้องยากจนศีลธรรมด้วย ยอมแต่งเป็นภรรยาหนุ่มชาวบ้าน ดีกว่าแต่งเป็นอนุของลูกผู้รากมากดี เป็นอนุก็ไม่ต่างอะไรกับข้าทาส ไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้ตลอดชีวิต”

บุตรสาวพยักหน้าเห็นด้วย “ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ ท่านแม่ ท่านวางใจเถอะ ทั้งชีวิตนี้ข้าจะไม่ไปที่ใดทั้งนั้น จะอยู่ปกป้องท่านที่นี่ พวกเราสองแม่ลูกมีชีวิตที่ดีก็เพียงพอแล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญทั้งนั้น”

เมื่อจ้าวหลานรู้ความคิดของไป๋จื่อ นางอยากพูดโน้มน้าวบุตรสาวสักหน่อย แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรต่อหน้าบุตรบิดาสกุลหู จึงได้แต่พยักหน้า “กินข้าวเถอะ”

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกสามวันหลังจากนี้ เมิ่งหนานจะออกจากเมืองชิงหยวนแล้ว แผนการแรกของนางจึงต้องดำเนินการก่อน ไม่เช่นนั้นหากเมิ่งหนานไปแล้ว แผนการของนางคงจะเป็นจริงได้ยากเย็นนัก

“ท่านแม่ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมือง ท่านต้องการซื้อสิ่งใดหรือไม่”

จ้าวหลานส่ายหน้า “ข้าไม่มีอะไรที่ต้องซื้อ ในบ้านนี้ล้วนไม่ขาดสิ่งใด ทุกอย่างครบครันแล้ว ว่าแต่เจ้าจะไปทำอะไรที่เมืองหรือ ไม่ใช่ว่าเมื่อวานเพิ่งไปมาหรือไร”

“เดิมทีข้าไม่คิดจะไปพรุ่งนี้หรอกเจ้าค่ะ ทว่าเมิ่งหนานจะจากไปแล้ว แตงดินในที่ดินของพวกเราใกล้จะออกผล ข้าต้องไปปูทางการค้าขายเสียก่อน ไม่เช่นนั้นหากเมิ่งหนานไปแล้ว พวกเราจะขาดพระผู้เป็นเจ้าที่ชี้นำทางเช่นเขาไป คิดจะปูทางคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น”

ครั้นไป๋จื่อพูดเช่นนี้ หูจ่างหลินที่เงียบมาตลอดก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าอยากให้ใต้เท้าเมิ่งช่วยปูทางการค้าขายหรือ”

ไป๋จื่อยิ้มกล่าว “ไม่นับว่าให้เขาช่วยข้าปูทางหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ไปพบคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และต้องการการแนะนำจากเขา ด้วยฐานะของพวกเรา ใช่ว่าจะไปที่ใดก็ได้ ใช่ว่าอยากพบผู้ใดก็ได้พบ ทว่าเมิ่งหนานแตกต่างจากพวกเรา ในเมืองชิงหยวนแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าตีฝีปากกับเขา มีเขาอยู่ย่อมจัดการธุระสำเร็จได้เป็นเท่าตัว”

หูเฟิงค่อยๆ วางตะเกียบในมือลง แล้วหยิบผ้าที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาเช็ดปาก ท่าทางสง่างามน่ามอง หลังจากวางผ้าที่ด้านข้างอีกครั้งแล้ว เขาถึงจะเอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า “เมื่อครู่ผู้ใดเป็นคนพูดกัน ว่าไม่อยากรับบุญคุณจากผู้อื่นโดยไม่ต้องเสียอะไร คำพูดที่พูดเมื่อครู่นี้ เพียงแค่กะพริบตาก็ลืมแล้วหรือ”

เด็กสาวชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเย็น “ใครบอกว่าข้าจะรับบุญคุณจากผู้อื่นโดยไม่ต้องเสียอะไร ข้าย่อมต้องตอบแทนเขาอยู่แล้ว”

ชายหนุ่มพลันเลิกคิ้ว หันหน้าไปมองไป๋จื่อที่อยู่ข้างๆ “โอ้? เจ้าคิดจะตอบแทนเขาอย่างไร แต่งงานกับเขาหรือ”

ไป๋จื่อรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว หูเฟิงกำลังหาเรื่องนางชัดๆ

“ใช่ ข้าคิดจะแต่งงานกับเขา แล้วอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย”

คำกล่าวนี้เกิดขึ้นจากความโมโหของนางอย่างเห็นได้ชัด ทว่าหูเฟิงก็ยังคงหน้าบูดบึ้งโดยที่ไม่มีเหตุผล เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่เกี่ยวกับข้าหรอก ข้าผิดเองที่พูดมาก” ครั้นพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นกลับห้องไป

เมื่อเห็นหูเฟิงเดินไปด้วยความโมโหเช่นกัน จ้าวหลานจึงดึงแขนเสื้อของไป๋จื่อ “จื่อเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรของเจ้า แต่งงานกับเมิ่งหนานอะไรกัน เรื่องพรรค์นำมาล้อเล่นได้หรือ”

……….

ตอนที่ 228 ล้างแตงดิน

ไป๋จื่อพลันมีสีหน้าจนใจ “ข้าเพียงพูดเพราะโมโห หูเฟิงจงใจหาเรื่องข้าชัดๆ ข้าก็เพียงตอบไปตามที่เขาต้องการก็เท่านั้น”

หูจ่างหลินก็มีสีหน้าอึดอัดใจขึ้นมาบ้าง จึงยิ้มจางๆ กล่าวว่า “จื่อยาโถว อย่ากล่าวโทษหูเฟิงเลย เขาเป็นห่วงเจ้า จึงเห็นเรื่องของเจ้าเป็นเรื่องของตนเองเช่นกัน เขาไม่ได้มีเจตนาจะหาเรื่องเจ้าหรอก”

ความคิดของหูเฟิง ไหนเลยไป๋จื่อจะไม่รู้ เพียงแต่หูเฟิงปากร้ายนัก คำกล่าวของเขาช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย นางจึงตีฝีปากกับเขาอย่างอดไม่อยู่

ตอนนี้นางรู้สึกเสียดายขึ้นมาแล้ว ถึงอย่างไรเข้าเมืองก็ต้องนั่งรถม้า และหูเฟิงก็เป็นสารถีประจำตัวของนางไปแล้ว บัดนี้เขาโมโหเช่นนี้ พรุ่งนี้นางจะทำอย่างไรเล่า

ตอนบ่าย นางกับจ้าวหลานไปยังที่ดิน ขุดมันฝรั่งถุงหนึ่งกลับมา

ทั้งสองนั่งยองล้างมันฝรั่งอยู่ริมแม่น้ำ จ้าวหลานมีสีหน้าเบิกบานใจนัก “จื่อเอ๋อร์ แต่ไหนแต่ไรข้าเคยเห็นแตงดินหัวใหญ่เช่นนี้เลย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเวลาเพียงหนึ่งเดือน แตงดินจะออกผล ทั้งยังหัวใหญ่ถึงเพียงนี้ สุกงอมเร็วยิ่งกว่าข้าวสาลีเสียอีก เหนือความคาดหมายยิ่งนัก”

ไป๋จื่อก็ยิ้มไม่หุบเช่นกัน “ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกันเจ้าค่ะ ดูท่าออกผลเป็นหมื่นชั่งในที่หนึ่งหมู่คงไม่เกินจริง ทว่าสิ่งที่เร่งด่วนในตอนนี้ คือรีบปูทางการค้าขายให้เรียบร้อย”

เมื่อพูดถึงปูทางการค้าขาย สีหน้าปลื้มปีติของจ้าวหลานก็จางลงไปบ้าง “จื่อเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้เคยมีคนตายเพราะพิษแตงดิน พวกเรารู้ว่ามันเป็นของดีก็จริง แต่พวกชาวบ้านไม่รู้ เกรงว่าจะขายออกได้ยากกระมัง”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้ามีหนทางของข้า” นางไม่เคยคิดจะขายให้ชาวบ้านที่ซื้อผักในตลาดเหล่านั้นอยู่แล้ว มันฝรั่งหมื่นชั่ง หากนำไปขายในตลาดทั้งหมด ผลลัพธ์คงจะไม่ต่างอะไรกับท่านยายที่นางพบเมื่อครั้งก่อนเป็นแน่ ไม่มีผู้ใดสนใจ

เมื่อสองแม่ลูกล้างดินที่เปื้อนบนผิวมันฝรั่งจนสะอาด ดวงอาทิตย์ก็คล้อยลงเรื่อยๆ ริมแม่น้ำอากาศเย็นขึ้น เหล่าสตรีในหมู่บ้านเริ่มจึงเริ่มยกผ้าผ่อนมาที่ริมแม่น้ำอย่างพร้อมเพรียง ทันทีที่ทุกคนเห็นมันฝรั่งของพวกนาง ก็พลันส่งเสียงชื่นชมอย่างอดไม่อยู่ ทั้งยังเผยสีหน้าเหมือนจะน้ำลายไหล เพราะทุกครอบครัวล้วนยากจน ยากนักจะได้กินมันฝรั่ง ย่อมเกิดความโลภขึ้นมาเช่นเดียวกัน

บัดนี้มีคนอยู่เยอะนัก ไป๋จื่อจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเสียเลย นางไม่มอบมันฝรั่งให้ผู้ใดทั้งนั้น น้ำใจเช่นนั้น เมื่อมอบให้ผู้ใดผู้หนึ่ง อย่างไรก็ต้องมอบให้ผู้อื่นด้วยทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับว่าผิดใจต่อทุกคน

คนในหมู่บ้านเห็นนางไม่มีทีท่าว่าจะมอบสิ่งของให้อย่างใจกว้าง จึงพากันแยกย้าย ต่างคนต่างทำงานของตนเอง ทุกคนล้วนเป็นคนยากจน ไป๋จื่อกับจ้าวหลานเพิ่งมีชีวิตที่ดีได้ไม่กี่วัน ทว่าไม่ยอมปลูกข้าวสาลีในที่นา ปลูกมันฝรั่งเช่นนี้แทน ปัจจุบันนี้มีคนกินพืชชนิดนี้น้อยนัก พวกนางอยากขายเกรงว่าจะยากยิ่งกว่ายาก ต่อไปอาจจะต้องข้ามผ่านฤดูหนาวพร้อมกับมันฝรั่งพวกนี้ เมื่อถึงเวลานั้น พวกนางจะต้องจำใจนำมาแจกจ่ายให้ทุกคน เช่นนั้นนับว่ามีเหตุผล ไม่มีอะไรน่าโต้เถียง

ทว่าความจริงแล้วทุกคนไม่ได้คิดเช่นนั้น อย่างน้อยไป๋จื่อก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น

สตรีสูงวัยสกุลไป๋และหลิวซื่อ รวมไปถึงจางซื่อทั้งสามคน แต่ละคนยกเสื้อผ้ากะละมังหนึ่งมาซักด้วยเช่นกัน

เมื่อก่อนหากไม่ใช่ไป๋จื่อซักผ้าในบ้าน ก็ต้องเป็นจ้าวหลาน แต่ไหนแต่ไรงานพวกนี้ไม่เคยมีผู้ใดทำ อย่างมากก็เพียงต่างคนต่างตากเสื้อผ้าของตนเอง หลังจากที่พวกนางซักเสร็จและนำกลับมา

ทว่าบัดนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ยอมซักผ้าของผู้อื่น จึงต่างคนต่างซักเสียเลย

หลิวซื่อเห็นไป๋จื่อและจ้าวหลานล้างอะไรบางอย่างอยู่ริมแม่น้ำแต่ไกล เดิมคิดว่าพวกนางก็กำลังซักเสื้อผ้าเช่นกัน ขณะกำลังคิดจะเดินไปพูดฉีกหน้าพวกนางเสียสองสามประโยค แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้แล้ว พวกนางกลับกำลังล้างมันฝรั่งหนึ่งถุงเต็มๆ อย่างคาดไม่ถึง อีกทั้งมันฝรั่งแต่ละหัวยังมีขนาดใหญ่เบ้อเร่อ เพียงแค่มองก็ทำให้หิวแล้ว

นางกระทุ้งศอกใส่จางซื่อที่อยู่ข้างๆ เป็นการบอกให้อีกฝ่ายเดินไปกับนางด้วย

จางซื่อกลอกตาขาวใส่พี่สะใภ้ผู้นี้ครั้งหนึ่ง ไม่ได้สนใจนาง เพียงแค่ยกกะละมังของตนเองเดินไป

หลิวซื่อหันไปมองแม่สามีอีก สายตาของแม่สามีกำลังจับจ้องมันฝรั่งอยู่เช่นกัน ขณะเดียวกันก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ข้าวในบ้านใกล้จะเห็นก้นถังแล้ว หลายวันมานี้ได้แต่กินผักป่าอยู่ตลอด ไม่ได้ลิ้มรสชาติของอย่างอื่นมานานแล้วจริงๆ