บทที่ 119 ช่วยทำงาน

ถ้าไม่ใช่เห็นแก่เจ้านายตัวเอง ขอร้องให้เขาไปเขาก็ไม่ไปหรอก

ทั้งเจ้านายและบ่าวสองคนหลับไปทั้งแบบนั้น

เสี่ยวเอ้อที่โรงเตี๊ยมไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปรบกวน แต่เวลาผ่านทางนี้มักจะมองเข้ามาข้างในด้วยสีหน้าประหลาด

และนึกพึมพำในใจ ชายชุดดำดูไม่เหมือนคนที่จนขนาดไม่มีเงินเช่าสองห้อง แต่ตอนนี้กลับพาบุรุษอีกคนที่หน้าตาดูดีเข้าไปอยู่ด้วยกัน

ไม่ให้เขาคิดมากไม่ได้หรอก…..

ขณะนั้นจางซิ่วเอ๋อขึ้นเขา ตามคำบอกว่าอยู่ใกล้เขาก็ต้องกินของเขา ถึงแม้ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่กังวลเรื่องความเป็นอยู่ แต่มีความผูกพันธ์กับภูเขานี้อยู่ อยู่ที่บ้านไปก็เบื่อ สู้มาเดินเล่นบนเขาดีกว่า

ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ที่บ้านมีกลอน ขอแค่ลงกลอนที่บ้านให้แน่นหนาก็ไม่ต้องให้ใครอยู่เฝ้าบ้าน

ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อพาจางชุนเถาขึ้นเขามาด้วยกัน ทั้งสองคิดว่าถ้าเจอจางซานหยาบนภูเขา ช่วยจางซานหยาตัดหญ้า นางจะได้ไม่ลำบากมาก

ช่วงมื้อเย็นจางซานหยาก็จะได้มาเรียนอ่านหนังสือด้วยกัน

อย่างไรเสียขอแค่จางซานหยาเอาหญ้ากลับไปมากพอ คนตระกูลจางไม่สนหรอกว่าจางซานหยาทำอะไรไปบ้าง

อีกอย่าง ภูเขานี้ใหญ่ขนาดนี้ คนตระกูลจางคงไม่ส่งคนมาจับตาดูจางซานหยา แค่จางซานหยาบอกว่าตัวเองอยู่บนเขาตลอดคงไม่มีใครรู้หรอก

เมื่อคืนจางซานหยาไม่ได้มากินข้าว จางซิ่วเอ๋อต้องรับแขกจึงไม่มีเวลาไปส่งอาหารให้จางซานหยาและแม่โจว

ส่วนตอนเช้าจางซิ่วเอ๋อก็ไม่เห็นจางซานหยาไปบ้านผีสิง ดังนั้นนางจึงเอาของกินมาฝากจางซานหยาตอนขึ้นเขา

ทั้งสองเดินทั่วเขารอบนึงก็ไม่เห็นจางซานหยา

“พี่ใหญ่ พี่ว่าเมื่อวานหลังจากที่แม่และซานหยากลับไปแล้วจะโดนรังแกไหมเจ้าคะ” จางชุนเถาถามอย่างเป็นห่วง

จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ ต้องโดนรังแกอยู่แล้ว ต้องดูว่ารังแกถึงขนาดไหน

แม่เฒ่าจางและจางอวี่หมินมีความโมโหอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอย่างไรบ้าง

“ตอนนี้เรายังไปไม่ได้ ถ้าไปพวกเขาน่าจะโมโหกว่าเดิม” จางซิ่วเอ๋อก็อยากไปดู แต่พอนึกได้ว่าตอนนี้แม่เฒ่าจางโกรธแค้นตัวเองฝังใจจึงตัดสินใจว่าอย่าเพิ่งไปดีกว่า

อย่างน้อยต้องรอให้ไม่มีคนก่อนค่อยไป

สองพี่น้องกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นจางซานหยาสะพายตะกร้าเดินตัวโอนเอนขึ้นเขามา

ทั้งสองสบตากันและรีบเดินเข้าไป

“ซานหยา เจ้าเป็นอะไรไป” จางชุนเถาถามอย่างเป็นห่วง

จางซานหยาเงยหน้าขึ้นมา เห็นว่าเป็นพี่สาวสองคนของตัวเองก็มีสีหน้าดีใจ แต่หน้านางดูง่วงไม่น้อย เห็นแล้วรู้เลยว่าเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน

ซานหยาเอ่ยเสียงเบา “เมื่อวานหลังจากที่พวกเรากลับไป ที่บ้านมีถ้วยยังไม่ได้ล้างมากมาย ห้องครัวก็สกปรกมาก และยังมีเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง…..ข้ากับแม่ทำงานกันถึงดึก ตอนเช้าตื่นมาข้าจึงตามแม่ไปซักผ้าต่อ……”

“หลังจากที่เจ้าทำงานพวกนั้น พวกนั้นยังให้เจ้ามาตัดหญ้าอีกรึ” จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองจะทนไม่ไหวแล้ว

นางคิดว่าตัวเองเป็นคนใจเย็นมาตลอด แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องเลว ๆ ที่คนตระกูลจางทำ นางแทบคุมไฟโทสะในใจตัวเองไม่ไหว

จางซานหยาก้มหน้า เห็นจางซิ่วเอ๋อเป็นแบบนี้นางไม่กล้าพูดต่อ

จางซิ่วเอ๋อจับหน้าอกตัวเอง “โมโหชิบ!”

นางพยายามทำให้ตัวเองเย็นลง โมโหพวกสุดติ่งแบบนี้ไปก็แก้ปัญหาไม่ได้

ตอนนี้นางไปอาละวาดก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรแม่โจวและซานหยายังอาศัยอยู่ที่ตระกูลจาง…..

จางซิ่วเอ๋อข่มความโมโห หายใจออกยาว ๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่นุ่มขึ้น “ซานหยา เจ้ากลับบ้านนอนไป”

“ข้าไม่กล้า…..” จางซานหยานึกถึงคนตระกูลจางแล้วไม่กล้า

จางซิ่วเอ๋อยื่นกุญแจในมือให้จางซานหยาและเอ่ยขึ้น “ไปบ้านที่แท้จริงของพวกเราพี่น้อง”

กลัวจางซานหยาไม่เข้าใจ จางซิ่วเอ๋ออธิบายเพิ่ม “บ้านผีสิง”

จางซานหยาสับสนนิดหน่อย ไม่รู้ว่าทำไมจางซิ่วเอ๋อถึงให้กุญแจกับนาง

แต่ตอนนี้นางง่วงมาก มึนไปหมด จึงคิดไม่ถึงว่าตัวเองควรถาม

“เชื่อที่พี่ใหญ่บอก เจ้ากลับไปนอนก่อน ส่วนเรื่องหญ้าเจ้าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีกลับไปส่งงาน ข้ากับพี่ใหญ่จะตัดให้” จางชุนเถาบอกด้วยความสงสารจับใจ

จางซานหยาพยักหน้า วางตะกร้าลงและเดินกลับไปอย่างล่องลอย

จางซิ่วเอ๋อกำชับอย่างเป็นห่วง “ตอนนอนลงกลอนประตูจากด้านในด้วยนะ ถ้าไม่ใช่พวกพี่ไม่ต้องเปิดประตู!”

จางซิ่วเอ๋อมองตะกร้าบนพื้น รวมถึงเชือกในตะกร้า สีหน้าอึมครึมมืดมนจนแทบจะมีน้ำหมึกซึมออกมา

สีหน้าจางชุนเถาก็ไม่ค่อยดี นางเอ่ยอย่างโมโห “พวกเขาทำเกินไปแล้ว!”

“พี่ อีกหน่อยเราหาเงินได้เยอะแล้วต้องหาทางพาซานหยาออกมานะ” จางชุนเถากล่าว

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “แน่นอน!”

ให้ซานหยาอยู่ที่บ้านตระกูลจางต่อ ต้องลำบากยังไม่เท่าไหร่ นางกลัวว่าวันไหนแม่เฒ่าจางจะขายจางซานหยาเพื่อเงินหรือเปล่า

อย่างไรเสียนางก็เคยโดนขายมาก่อน ชุนเถาก็เช่นกัน

จางซิ่วเอ๋อหิ้วตะกร้าพลางกล่าว “ไปตัดหญ้ากันก่อนเถอะ”

จางซิ่วเอ๋อหาบริเวณที่หญ้าขึ้นมาก นางตัดหญ้าอยู่ข้างหน้า จางชุนเถาเก็บหญ้าที่นางตัดอยู่ข้างหลังและเอามากองรวมกัน

สองพี่น้องช่วยกัน ทำงานเร็วกว่าจางซานหยาที่แขนเล็กขาเล็กไม่รู้ตั้งเท่าไร

ประมาณหนึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็ตัดหญ้าที่พอต้องการ

แต่นอกจากหญ้า ทั้งสองต้องขุดผักป่ามาด้วย เพราะเป็นสิ่งที่จางซานหยาต้องทำทุกวันเหมือนกัน

พอถึงเวลาเที่ยง ทั้งสองคนยังทำไม่เสร็จ จึงกินของที่เอามาให้จางซานหยาไปก่อน

จางซิ่วเอ๋อนึกเสียใจทีหลัง ตอนจางซานหยามานางเอาแต่โมโห ไม่ทันได้นำของนี่ให้จางซานหยา ไม่รู้ว่านางรู้จักหาของกินเองไหม?

พอคิดได้แบบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ทำงานเร็วขึ้น

ในที่สุดทั้งสองก็ทำเสร็จเมื่อถึงเวลาบ่าย นี่ถ้าจางซานหยาทำคนเดียว คงต้องทำทั้งวันจนถึงดึก

ตอนลงเขาจางซิ่วเอ๋อเจอคนคุ้นหน้าคนหนึ่ง

ซึ่งก็คือสวี่อวิ๋นซานที่สะพายคันธนู ในมือหิ้วกระต่ายสองตัว

พอจางซิ่วเอ๋อเห็นสวี่อวิ๋นซานก็นึกถึงเรื่องที่เมื่อวานสวี่อวิ๋นซานออกตัวให้ บวกกับต้องการทำให้มั่นใจว่าความเปลี่ยนแปลงที่บ้านเป็นฝีมือสวี่อวิ๋นซานหรือเปล่า จึงเอ่ยขึ้น “สวี่อวิ๋นซาน เจ้ารอก่อน”

สวี่อวิ๋นซานชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ก่อนจะหันกลับมา

พอเห็นว่าเป็นจางซิ่วเอ๋อ เขาก็มีรอยยิ้มดีใจ แต่มีความขมขื่นในรอยยิ้มนั้นด้วย สุดท้ายซิ่วเอ๋อก็เหินห่างกับเขา เมื่อก่อนนางไม่เคยเรียกชื่อเขาโต้ง ๆ แบบนี้ นางเรียกเขาว่าพี่ตลอด

…………………………………………