บทที่ 113 เด็กนั้นย่อมสามารถสั่งสอนได้

ไหปีศาจ

บทที่ 113

เด็กนั้นย่อมสามารถสั่งสอนได้

“บ้าน่า มันจะล้มเหลวได้อย่างไรกัน” ใบหน้าของเจิ้งซีดูมืดมน

เจิ้งเว่ยส่ายหัว “ไม่รู้เจ้าค่ะ ถึงจะไม่รู้สึกถึงการต่อต้านแต่มันก็ล้มเหลว”

เจิ้งซีเร่งเร้า “ลองอีกครั้งสิ”

เจิ้งเว่ยพยักหน้าและกระตุ้นพลังวิญญาณในร่างกายของนางอีกครั้ง พลังแห่งพันธสัญญาก่อตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อสร้างสะพานแห่งพันธสัญญา

มันเป็นสะพานเชื่อมระหว่างมนุษย์และสัตว์วิญญาณ

“แกร่ก …”

สะพานวิญญาณหักลงอย่างกะทันหัน

ไม่น่าแปลกใจที่พลังของพันธสัญญาสลายไปอีกครั้ง

ใบหน้าของเจิ้งซีน่าผิดหวังมาก มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน

ลั่วอู๋พูดอย่างสบาย ๆ “ เมื่อไหร่กันที่เจ้าถึงจะทำสำเร็จ ข้าเริ่มเบื่อที่จะรอที่นี่แล้วนะ ช่วยรีบลงมือที”

“อืมเจ้าจะมาเร่งรีบอะไรกัน การทำพันธสัญญาไม่ใช่เรื่องง่ายนะ”

เจิ้งซีสามารถใช้ข้ออ้างนี้เพื่อปิดปากลั่วอู๋ได้

แน่นอนว่าการทำพันธสัญญาไม่ใช่เรื่องง่าย

อย่างไรก็ตามการทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณที่บาดเจ็บสาหัสนั้นง่ายกว่ามาก

เพราะความแข็งแกร่งในการต้านทานต่อพลังวิญญาณของสัตว์วิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บนั้นจะอ่อนแอลงมาก

“ท่านเฉิน โปรดใช้วิธีบังคับทำพันธสัญญาพลังวิญญาณกับราชานกตัวนี้ที” เจิ้งซีกล่าว

สีหน้าของชายชราในชุดสีน้ำเงินดูประหลาดใจ

เจิ้งเว่ยเรียกเขาด้วยเสียงต่ำ “ท่านพี่!”

“ไม่ต้องกังวลไปหลังจากทำพันธสัญญา แล้วสติของราชานกน่าจะกลับมาเชื่องอีกครั้ง เพียงแค่ว่าเจ้าจะไม่สามารถฝึกซ้อมมันได้ไประยะหนึ่ง” เจิ้งซีกล่าว

มันเป็นเรื่องที่ดีมากที่จะได้เจอสัตว์วิญญาณที่ต้องการ แต่ก็เป็นเรื่องยากมากเช่นกันที่จะทำพันธสัญญาได้สำเร็จ

เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วที่ผู้คนนับไม่ถ้วนได้ศึกษาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสัตว์วิญญาณ

พันธสัญญาบังคับเองก็เป็นหนึ่งในหัวข้อที่มีการค้นคว้ามากที่สุด

เมื่อสองพันปีก่อนมีเคยมีคนคิดวิธีบังคับทำพันธสัญญา ซึ่งยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน

แน่นอนวิธีบังคับทำพันธสัญญาจะต้องปฏิบัติตามกฎพื้นฐานด้วย ช่องว่างระหว่างระดับพลังวิญญาณเองก็ไม่ควรห่างกันเกินไป

การดำเนินการของวิธีนี้คือการใช้พลังวิญญาณอันทรงพลัง เพื่อสลายพลังวิญญาณของสัตว์วิญญาณ ในช่วงเวลาสั้น ๆ แน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องการพลังและทักษะในการควบคุมพลังวิญญาณที่ยอดเยี่ยม

เพราะหากควบคุมพลังวิญญาณได้ไม่ดี พลังวิญญาณของสัตว์วิญญาณจะถูกสั่นคลอนอย่างสมบูรณ์และสัตว์วิญญาณตัวนั้นก็จะหมดสภาพจนถูกทอดทิ้ง

หลังจากแรงสั่นสะเทือนทางแก่นวิญญาณระยะสั้น ๆ พันธสัญญาจะได้รับการลงนามอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากความแข็งแกร่งพลังวิญญาณของสัตว์วิญญาณ ถูกทำให้กระจัดกระจายออก มันจึงง่ายมากที่จะทำพันธสัญญาได้ในกรณีนี้

อย่างไรก็ตามมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ความมั่นคงของพันธสัญญานั้นต่ำมาก เมื่อสัตว์วิญญาณตื่นขึ้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้สัญญาย้อนกลับ

ดังนั้นหลังจากเสร็จสิ้นการทำพันธสัญญา จะต้องใช้เวลานานในการสร้างพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณใหม่ ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ผู้ใช้พลังวิญญาณจำเป็นต้องรักษาพันธสัญญาด้วยพลังวิญญาณเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหากับสัญญาในภายหลัง

สถานการณ์ที่น่าอึดอัดจะเกิดขึ้นเพราะพลังวิญญาณทั้งหมดจะถูกนำไปใช้เพื่อรักษาพันธสัญญา และในช่วงเวลานั้นสัตว์วิญญาณที่ใช้การทำพันธสัญญาด้วยวิธีนี้จะมีพลังต่อสู้เหลือเพียงเล็กน้อย

“ว้าว ถึงขั้นยอมที่จะใช้วิธีน่าเกลียดแบบนี้เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้าเลยเหรอ ?” ฉูจงฉวนเยาะเย้ย

เจิ้งซีจ้องมองเขาอย่างดุดัน“เจ้าจะบอกว่าข้าใช้วิธีนี้ไม่ได้งั้นเหรอ?”

ฉูจงฉวนก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ก็ถูกลั่วอู๋หยุดเอาไว้ เขาพูดกับเจิ้งซีด้วยเสียงแผ่วเบา “จะใช้วิธีการไหนมันก็เรื่องของเจ้า ถ้าคิดว่าทำได้ก็ทำต่อไปเถอะ”

ฉูจงฉวนไม่เข้าใจว่าลั่วอู๋กำลังคิดอะไรอยู่

แต่ด้วยความศรัทธาในตัวเพื่อนเขาจึงไม่พูดอะไรอีก

“หึ” เจิ้งซีตะคอก

เนื่องจากพี่ชายของนางร้องเร่ง เจิ้งเว่ยจึงกัดริมฝีปากด้วยความลังเล แต่ก็ยังพยักหน้า

เพราะการใช้วิธีนี้จะทำให้ขาดความไว้วางใจกับระหว่างสัตว์วิญญาณและผู้ใช้พลังวิญญาณ หากจะต้องการให้มันเชื่องด้วยตัวเองอีกครั้งหรือได้รับการยอมรับจากตัวสัตว์วิญญาณ ด้วยวิธีนี้มันจะเป็นเรื่องยากขึ้นมาก

แต่เมื่อพี่ชายของนางพูดมาอย่างนั้นก็ให้เขาทำไปเถอะ

ชายชราในเปล่งพลังวิญญาณสีเขียวออกมาจากฝ่ามือ

พลังวิญญาณควบแน่นอยู่ในมือของเขาราวกับว่าเป็นเส้นไหมนับไม่ถ้วนค่อยๆตกลงบนนกหน้าโง่

นกหน้าโง่ไม่แม้แต่จะตอบสนองต่อมัน มันรู้สึกหน้ามืดและเริ่มจะเป็นลม

“รีบลงมือ เดี๋ยวราชานกกลายพันธุ์ก็จะฟื้นได้ในไม่ช้า” ชายชราชุดสีน้ำเงินกล่าวอย่างรีบร้อน

เจิ้งเว่ยพยักหน้า

สะพานวิญญาณแห่งพันธสัญญาถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง

พลังของพันธสัญญาเข้าสู่ร่างกายของนกหน้าโง่ โดยไม่มีสิ่งกีดขวางอีกต่อไป ดวงดาวหกดวง ซึ่งสว่างเกินไปกว่าสองครั้งก่อน ปรากฏขึ้นพร้อมกับเปล่งแสงสีฟ้าอ่อน

“ครั้งนี้แหละ สำเร็จแน่” เจิ้งเว่ย มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

แต่ในช่วงเวลาต่อมาใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเป็นตกตะลึง

ได้อย่างไรกัน

หลังจากที่พลังวิญญาณของพันธสัญญาไหลเข้าสู่ร่างกายของราชานกกลายพันธุ์จนกำลังจะครบวงจร มันก็แตกสลายลงอีกครั้ง

“ท่านพี่ …”

เจิ้งเว่ยมีดวงตาแดงก่ำดวงความกังวล

นางเริ่มสงสัยว่าปัญหาคือตัวของนางเอง

เจิ้งซีคำราม “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้

แม้แต่ชายชราในชุดสีน้ำเงินก็ยังสับสนเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน

หลังจากพลังวิญญาณของพันธสัญญาไหลเข้าไปในสัตว์วิญญาณ สัญญาก็ถูกทำลายลงและไม่สามารถทำต่อได้

นกหน้าโง่ตื่นอย่างช้าๆ

พันธสัญญาสัตว์วิญญาณนั้นมีอายุสั้นมาก

มันดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วโบกปีกที่ได้รับบาดเจ็บด้วยความโกรธ มันส่งเสียงแหบแห้งออกมา

ช่างน่าเสียดายที่หลังจากการวิวัฒนาการแล้ว แม้ว่าร่างกายของมันจะมีเกียรติภูมิมากขึ้น แต่เสียงของมันนอกจากจะสูงแล้วก็ยังไม่ได้ดีอะไรเช่นเคย

มันไม่สามารถที่จะแสร้งทำเป็นซื่อสัตย์ได้อีก

ความโกรธในดวงตาของมันกำลังฉายออกมา

เจิ้งเว่ยเห็นดวงตาของนกหน้าโง่ นางก็รู้สึกกลัวจึงถอยหลังออกไปสองสามก้าว

“ลองเสร็จหรือยัง” ลั่วอู๋กล่าวอย่างร่าเริง

ใบหน้าของเจิ้งซีขุ่นมัวและเคร่งเครียด “ต้องมีบางอย่างผิดปกติกับสัตว์วิญญาณตัวนี้แน่ ใช่แล้ว ในฐานะที่มันเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์อีกทั้งยังเป็นราชาของเหล่าเหยี่ยวหยกขาว มันจึงเย่อหยิ่งโดยธรรมชาติและไม่สามารถถูกสยบได้ในเวลาอันสั้น”

ก็ถูกที่พูดว่ามันเย่อหยิ่ง

แต่นกหน้าโง่ตัวนี้ไม่ใช่ราชาของเหยี่ยวหยกขาวแต่อย่างใด มันคือราชาของแร้งทรายต่างหาก

ท้องของลั่วอู๋เขย่า เขาเองก็ไม่รู้ว่านกหน้าโง่ตัวนี้กลายเป็นราชาเหยี่ยวหยกขาวกลุ่มนี้ได้อย่างไร

“ออกไปให้พ้นถ้าเจ้าทำไม่ได้” ฉูจงฉวนกล่าวอย่างเศร้าใจ

เจิ้งซีพูดด้วยความโกรธ “แล้วเจ้าทำรึไง”

เขาตอบออกมาได้สอดคล้องกันกับที่ ฉูจงฉวนคิดไว้

“ก็นั่นสิเนอะ ดีกว่าเจ้าแน่ ๆ” ฉูจงฉวนดูถูกจากนั้นก็ถามลั่วอู๋ด้วยเสียงต่ำ “เจ้าทำได้ใช่ไหมข้าไม่อยากเผยตัวว่าข้าเป็นใคร”

ลั่วอู๋กลอกตา ข้าก็คงไม่ยอมให้เจ้าเผยตัวหรอก

เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับจิตใจของเขาเล็กน้อย ลั่วอู๋หยิบกริชลงตราธาตุไม้อันน่าหลงใหลที่มีร่องรอยของสีเขียวเป็นลักษณะเฉพาะออกมา

กริชนี้ไม่ได้ใช้เพื่อสังหารศัตรู แต่มีไว้เพื่อช่วยชีวิตผู้คน

ลั่วอู๋ใช้กริชของเขากับนกหน้าโง่ กระแสพลังวิญณาณรักษาค่อย ๆ หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนกโง่และบาดแผลของมันก็ค่อยๆหายดี

เจิ้งซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ความสามารถแบบนี้คืออะไรกัน ?

เมื่อพลังงานหมดลงเครื่องหมายตราธาตุบนกริชก็กะพริบสองสามครั้งและมืดลงโดยสิ้นเชิง

กริชนี้สามารถใช้ซ่อมแซมต้นกำเนิดของสัตว์วิญญาณได้ พลังวิญญาณสำหรับกริชลงตราธาตุไม้นี้อยู่ในระดับเงิน

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเพื่อกริชนี้ ลั่วอู๋ได้ใช้หินวิญญาณไปหลายพันก้อน

แน่นอนว่าผลของมันน่าพึงพอใจ

อาวุธนี้เปี่ยมด้วยพลังธาตุไม้และมีความสามารถในการรักษาระดับสูง

“แกว๊ก!”

นกหน้าโง่กระพือปีกด้วยความยินดี

ลั่วอู๋กล่าว “แม้ว่าข้าจะไม่สนใจที่จะทำพันธสัญญากับเจ้า และเจ้าก็แทบไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสัตว์วิญญาณของข้า แต่ถ้าเจ้าต้องการที่จะทำพันธสัญญาข้าก็จะยอม”

เจิ้งซีและพรรคพวกตกใจ

สัตว์ที่ไหนมันจะยอมเชื่องให้

ยิ่งด้วยที่ว่านกตัวนี้คือราชาแห่งเหยี่ยวหยกขาว มันจะไปยอมเขาได้อย่างไร เพราะแค่คำพูดไม่กี่คำของเขาก็ยังหยาบคายได้ขนาดนี้

สัตว์วิญญาณที่มีความเคารพตัวเองจะไม่มีทางยอมสยบแน่

นกหน้าโง่จ้องมองลั่วอู๋อย่างโกรธเคือง

เจ้ามนุษย์น่าเกลียด

แต่สำหรับมันแล้วตัวลั่วอู๋ให้ความรู้สึกเหมือนสีอ่อน ๆ

ถ้าเขาไม่มาที่นี่อีก มันก็คงจะถูกคนกลุ่มนี้พาไปและพยายามทำให้เชื่องทุกวิถีทาง มันจะไม่มีทางได้เป็นอิสระอีกในอนาคต

นกหน้าโง่ลุกขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วเดินไปที่ด้านข้างของ ลั่วอู๋ด้วยความอัปยศอดสูและก้มหัวอย่างภาคภูมิ

ลั่วอู๋สัมผัสนกที่เงอะงะและพูดอย่างมีความสุขว่า “ถ้างั้นก็ได้เลยข้าจะฝึกฝนเจ้าเอง”