บทที่ 114 การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

ไหปีศาจ

บทที่ 114

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

หัวใจของเจิ้งซีแทบจะพังทลาย

ทำไมกัน?

ทำไมราชานกกลายพันธุ์ถึงยอมสยบแทบเท้ากันง่ายๆแบบนี้? มีเหตุผลอะไรกัน?

เจิ้งเว่ยกัดริมฝีปากของนาง อย่างไม่เต็มใจและงงงวย ทั้งที่นางยอมทำผิดในสิ่งที่นางไม่อยากทำเพื่อจะได้ครอบครองมันแต่ก็ยังไม่สำเร็จ แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงพูดแค่สองคำราชานกกลายพันธุ์ก็ยอมเชื่อฟัง

“เป็นไปไม่ได้” ดวงตาของเจิ้งซีจับจ้องไปที่นกหน้าโง่ “มันกำลังกลัว ดังนั้นมันจึงยอมสยบ ใช่แล้ว มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เว้นแต่เจ้าจะทำพันธสัญญากับมันไว้ก่อนแล้ว”

นี่เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด

ด้วยการทำพันธสัญญาเท่านั้น ราชานกกลายพันธุ์ถึงจะยอมรับในตัวลั่วอู๋ได้จริงๆ

ลั่วอู๋ทำหน้าดูเหมือนคนงี่เง่าและมองเขาอย่างเหยียดๆ “เจ้าลืมอะไรไปรึเปล่า สัตว์วิญญาณเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะงั้นข้าไม่สนใจที่จะทำพันธสัญญากับนกหน้าโง่ตัวนี้หรอกนะ”

ทุกคนมีแผนในการใช้ชีวิตและพัฒนาตนเองต่างกัน ดังนั้นทุกคนจึงระมัดระวังในการเลือกสัตว์วิญญาณประจำตัว

“แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไมกัน?” เจิ้งซีไม่เข้าใจ

ลั่วอู๋พูดอธิบาย “ข้าจับปลามาได้สองสามตัว และมันถูกปล้นโดยพวกเหยี่ยวหยกขาว ข้าจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะทวงเอาปลาของข้ากลับคืนมา”

“เพื่อมาเอาปลาของเจ้ากลับไปเนี่ยนะ?”

เจิ้งซีแทบจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยคำตอบนี้

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะนึกออกว่าก่อนราชานกกลายพันธุ์จะวิวัฒนาการ มันกลืนปลาแปลก ๆ เข้าไปสามตัวและยังมีอีกสองตัวเหลืออยู่ในแอ่งน้ำ

อีกฝ่ายคงมาเพื่อปลาเหล่านี้จริงๆ

ใครจะไปคิดกัน

ฝูงเหยี่ยวหยกขาวร้องโหยหวนและบินวนอยู่บนท้องฟ้า พวกมันดูโกรธมาก แต่เพราะความแข็งแกร่งของชายชราในชุดน้ำเงิน พวกมันจึงไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขา

พวกมันเป็นสัตว์วิญญาณที่อ่อนแอที่สุดในแถบนี้ แต่ด้วยจำนวนที่มากและความเร็วอันรวดเร็ว พวกมันจึงอยู่รอดในดินแดนที่อันตรายเช่นนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาราชาที่สามารถนำพาพวกมันให้พัฒนาขึ้น ใครจะไปคิดว่าราชาของพวกมันจะถูกจับหลังจากวิวัฒนาการได้เสร็จสมบูรณ์

จิตใจของพวกมันเศร้าหมองและโกรธเกรี้ยว

น่าเสียดายที่พวกมันไร้ความสามารถจึงทำได้แค่โกรธ

ลั่วอู๋ขมวดคิ้วแล้วตบนกโง่ ๆ บนหัวพร้อมชี้ไปที่กลุ่มเหยี่ยวหยกขาว “เจ้าไปเอาใจพวกน้องชายตัวน้อยของเจ้าหน่อย พวกมันชักจะเสียงดังเกินไปแล้ว”

ดวงตาที่สดใสของนกหน้าโง่หันกลับไปเล็กน้อย ตอนนี้การปรากฏตัวของมันค่อนข้างน่าอัศจรรย์ การเคลื่อนไหว ดังกล่าวทำให้ทุกคนที่นี่รู้สึกยืดหยุ่นขึ้นมาก

มันกระพือปีกเล็กน้อยราวกับว่าพร้อมที่จะบินจากไป

เจิ้งซีสะดุ้ง “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ! ถ้ามันบินจากไปแล้วไม่กลับมาล่ะ เจ้ายังไม่ได้ทำพันธสัญญาเลยไม่ใช่รึไง”

ก่อนการทำพันธสัญญาทุกอย่างนั้นว่างเปล่าและไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ

และสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ตาม พวกมันต่างก็โหยหาอิสรภาพ

“ไม่ต้องห่วงมันจะไม่ไปไหนไกลหรอก” ลั่วอู๋มั่นใจ

เจิ้งซีและพรรคพวกไม่เข้าใจว่าความเชื่อมั่นของลั่วอู๋นั้นมาจากไหน

ในขณะเดียวกันลั่วอู๋ก็ลดเสียงลงกระซิบข้างหูของนกหน้าโง่ แล้วพูดว่า “ตราบใดที่เจ้ากลับมาข้าจะให้เจ้าได้นำฝูงพรรคพวกน้องชายของเจ้าทั้งหมดที่อาศัยในมิติไห”

พรรคพวกน้องชายของมันในมิติไหหมายถึงกลุ่มแร้งทรายที่เป็นลูกน้องของมันโดยธรรมชาติ

แววตาของนกหน้าโง่สว่างขึ้นเล็กน้อยพร้อมพยักหน้า

มันยังคงคิดถึงเด็ก ๆ เหล่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะราชาแห่งแร้งทรายที่มีอยู่ไม่กี่ตัวการที่ไม่มีแร้งทรายในใต้บังคับบัญชาเลยมันดูไม่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของแร้งทรายนั้นมีพลังมากกว่าเหยี่ยวหยกขาวอีกด้วย

ตกลง!

นกหน้าโง่บินขึ้นไปบนท้องฟ้ากางปีกสีขาวราวกับหิมะขนาดใหญ่ เปล่งแสงสีฟ้าอันงดงามสะท้อนอยู่ทั่วทั้งตัวราวกับจะประกาศถึงการกลับมาของราชา

ฝูงเหยี่ยวหยกขาวส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น

ด้วยเสียงร้องต่ำอันแหลมคมและโดดเด่นของนกหน้าโง่ ฝูงเหยี่ยวหยกขาวเงียบลง

จากนั้นนกหน้าโง่ก็ค่อย ๆ บินลงมา

เหยี่ยวหยกขาวกลุ่มนั้นเองก็บินลงมาอย่างแยบยล ฉากนี้ดูเหมือนว่าดอกไม้สวรรค์กำลังตกลงมาทั่วท้องฟ้า มันยิ่งสวยงามเมื่อเกิดขึ้นในป่าฝนขนาดใหญ่เช่นนี้

เหยี่ยวหยกขาวร่อนลงบนพื้นก่อตัวเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หลายสิบกลุ่มติดกัน ติดตามเบื้องหลังนกหน้าโง่ราวกับทหารผู้ภักดีที่สุดคอยติดตามนายพลของพวกเขา

ทั่วบริเวณนั้นเงียบไปชั่วขณะ

เจิ้งซีและพรรคพวกไม่มีอะไรจะพูด

ไม่ต้องพูดถึงพันธสัญญากับราชานกกลายพันธุ์เลย มันไม่ได้ต้องการที่จะหลบหนีด้วยซ้ำ กลับกันมันได้นำกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของมันให้มายอมจำนนด้วยกัน

สิ่งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าราชานกกลายพันธุ์นั้นยอมจำนนอย่างสมบูรณ์

“เจ้า…เจ้าทำได้อย่างไร” แววตาของเจิ้งซีหายไปเล็กน้อยในสายตาของเขา

คำถามนี้ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่สงสัย แต่ยังรวมถึงฉูจงฉวนและหลิวหูด้วย พวกเขาต้องการถามคำถามนี้ด้วยเช่นกัน ยกเว้นหลี่หยิน

หลี่หยินมักจะคิดว่านายน้อยของนางมีอำนาจทำได้ทุกอย่างเสมออยู่แล้ว

ลั่วอู๋กลอกตาของเขา “ข้าจะบอกเจ้าอย่างไรดี”

เจิ้งซีรีบร้อน

“ ไอ้เด็กนี่อย่ามามัวหยิ่งสิ” ด้านหลังเจิ้งซีทหารองค์รักษสองคนมีสีหน้าที่ดูไม่ดี

ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น “เมื่อกี้ดูเหมือนว่ามีใครบางคนพนันกับข้าว่าจะปราบนกโง่ตัวนี้ได้หรือเปล่า และถ้าเขาคนนั้นแพ้เขาบอกว่า เขาจะต้องขอโทษข้า”

ใบหน้าเจิ้งซีดูรังเกียจมาก

เขาไม่สามารถดึงหน้าของตัวเองลงได้

ชายชราในชุดเสื้อสีน้ำเงินก้าวไปข้างหน้า แรงกดดันพลังวิญญาณในร่างกายของเขาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เขามีท่าทางพร้อมที่จะต่อสู้ หากสถานการณ์ออกมาไม่เป็นไปตามที่หวัง

“ตูม”

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากสถานที่ห่างไปไม่ไกลนัก

ลมปราณอันน่ากลัวถูกแผ่ออกมา ฟ้าร้องสว่างวาบราวกับหยดน้ำตาร่วงลงมาจากบนท้องฟ้า

ฝูงเหยี่ยวหยกขาวเริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว

โลกทั้งใบดูเหมือนจะสั่นสะเทือน

“มันคืออะไร?” ชายชราในชุดสีน้ำเงินอดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นตระหนกที่แฝงอยู่ในสายตาของเขา

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของเขา

เพียงแค่สัมผัสได้ถึงลมปราณนี้ เขารู้สึกสั่นกลัว

ผู้นำทางเย่ดูเหมือนจะนึกออกถึงอะไรบางอย่างและพูดออกมาอย่างรีบร้อน “รีบไปจากที่นี่เร็ว มันเป็นตัวอะไรที่ไม่สมควรจะถูกปลุกให้ตื่น อะไรที่เกิดขึ้นในสถานที่นี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่”

ใบหน้าของลั่วอู๋หนักอึ้ง

ลมปราณที่ทรงพลังแบบนี้เขาเกรงว่ามีเพียงแค่สัตว์วิญญาณชั้นยอดเท่านั้นที่จะปลดปล่อยมันออกมาได้

“กรรร”

พลังวิญญาณอันน่าตื่นตกใจพุ่งออกมาจากระยะไกล มันรุนแรงมากเสียจนต้นไม้ที่ได้รับผลกระทบจากพลังวิญญาณนี้กลายสภาพเป็นฝุ่น

พลังอันเหลือล้นนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับจะทำให้ป่าฝนทั้งผืนกลายเป็นความว่างเปล่า

“ไม่นะ รีบไปกันเร็ว!”

ชายชราในชุดสีน้ำเงินปล่อยพลังวิญญาณออกมาห่อหุ้มเจิ้งซี จากนั้นพวกเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว น่าแปลกที่พวกเขาทั้งหมดเคลื่อนที่ไปพร้อมกันได้เร็วมาก

“หลี่หยิน!” ลั่วอู๋เรียกสาวใช้อย่างรวดเร็ว

หลี่หยินที่ได้ยินเสียงเรียก ก็ปล่อยเสี่ยวไป่ออกมาในทันที

ลั่วอู๋รวบรวมนกหน้าโง่และเหยี่ยวหยกขาวทั้งหมดลงในไหปีศาจด้วยการโบกมือของเขา แน่นอนว่ามีปลาทารกเหลืออยู่ให้ใส่ลงไปในไหเพียงแค่สองตัว

ทักษะ [ทะลวงมิติ] ทำงาน

ร่างของคณะเดินทางทั้งสิบคนหายไปในทันที

เขาคิดว่าทางเดียวที่จะช่วยทุกคนที่มีจำนวนมากเกินไป คือการกระโดดขึ้นไปในอากาศก่อน เพื่อที่พวกเขาจะสามารถย้ายไปยังสถานที่ที่ห่างออกไปไกล เพียงสองไมล์ก็ยังดี

แม้ว่าเขาจะต้องใช้พลังวิญญาณทั้งหมดของเขาเลยก็ตามที

แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว

ลั่วอู๋และพรรคพวกของเขาวิ่งนำหน้าคนของเจิ้งซีไป

“ บ้าน่า!” ชายชราในเสื้อสีน้ำเงินอดไม่ได้ที่จะอุทาน “พวกมันนำหน้าพวกเราไปได้อย่างไร”

ลั่วอู๋ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตอบคำถามของเขา

ตอนนี้พวกเขาต่างก็ต้องหนีออกจากป่าดงดิบด้วยชีวิต

สัตว์วิญญาณที่ตื่นขึ้นมานั้นทรงพลังมาก พวกเขาไม่เคยรู้สึกถึงลมปราณที่ทรงพลังขนาดนี้มาก่อน หากจะให้ประมาณการ มันก็คงมีระดับเพชรเป็นอย่างน้อย

ระดับของสัตว์วิญญาณตัวนี้สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องรอให้ถูกยั่วยุ

“ตูมมม”

ทั่วทั้งแผ่นดินเริ่มสั่นคลอน

ป่าฝนขนาดใหญ่กลายเป็นเหมือนภาพที่พังทลายลง สัตว์ประหลาดห่อหุ้มด้วยเปลวไฟสีดำรูปร่างใหญ่โตคล้ายภูเขาโผล่ขึ้นมาจากดิน

สัตว์ประหลาดตัวนี้มีใบหน้าและเขี้ยวสีดำ ตาของมันสีแดงเดือดเหมือนลาวา เพียงแค่มองมันทุกคนก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอันบีบคั้นจนหายใจไม่ออก หางของมันหนาและเพียงแค่ยกขึ้นลงบนพื้นก็เกิดแรงกระแทกราวกับจะทำลายโลก

“กรรรร!”

สัตว์ประหลาดคำราม

ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะท้านในทันที

หัวใจของลั่วอู๋เต้นตึกตักอย่างรวดเร็วเมื่อเขาได้มองดูมันจากระยะไกล

เจ้านี่คือสัตว์วิญญาณชนิดใดกัน