บทที่ 115 คำขอโทษ

ไหปีศาจ

บทที่ 115

คำขอโทษ

หลังจากหนีออกมาด้วยระยะทางที่ไกลมาก ไกลแสนไกล ในที่สุดลั่วอู๋และคนอื่น ๆ ก็ได้เห็นรูปร่างของสัตว์วิญญาณปริศนา

“สัตว์วิญญาณระดับเพชรงั้นหรือ? มันดูมีความคล้ายกับปีศาจลิงเผือก แต่มันกลับมีเส้นขนสีดำทั่วทั้งตัว ลั่วอู๋พึมพำในใจ

ตระกูลลั่วนั้น เป็นหนึ่งในตระกูลผู้ก่อตั้งวิชาการปรับแต่งสัตว์วิญญาณที่มีชื่อเสียงที่สุด

ผลพิสูจน์คือตระกูลลั่วได้ปรับแต่งสัตว์วิญญาณชนิดใหม่ออกมา นั่นก็คือสัตว์วิญญาณระดับเพชร ปีศาจและลิงเผือก

มันคือรากฐานของตระกูลลั่ว

ในฐานะสมาชิกของตระกูลลั่ว ลั่วอู๋ไม่มีคุณสมบัติมากพอ ที่จะได้พบเจอปีศาจลิงเผือกตัวจริง แต่ว่าเขากลับค่อนข้างคุ้นเคยกับมัน

ฉูจงฉวนลังเลอยู่เป็นเวลานานและพูดออกมา “ข้าคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ ถ้าเจ้าถอดเปลวไฟสีดำของมันออก มันจะค่อนข้างคล้ายคลึงกับลิงภูเขา สัตว์วิญญาณระดับทองมาก”

“ไม่ใช่ เจ้าตัวนี้มันมีลมปราณอันทรงพลังที่ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์วิญญาณระดับทองจะปล่อยออกมาได้” หลิวหูพูด

ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย

หลังจากฟังคำพูดของฉูจงฉวนเขาก็คิดว่า ลิงยักษ์ตัวนี้มีลักษณะคล้ายกับลิงภูเขา แต่มันมีขนาดใหญ่กว่ามาก และมีเปลวไฟสีดำลุกโชนอยู่ตลอดเวลา

“บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการมาจากลิงภูเขาก็เป็นได้” ลั่วอู๋คาดเดา

น่าแปลกพอสมควรเจ้าลิงยักษ์ หลังจากตื่นขึ้นมันก็เข้าไปทำลายพื้นที่ป่าฝนทั้งหมด และไม่ออกมาจากพื้นที่ป่าฝนเลย เหมือนกับว่ามันกำลังรออะไรบางอย่าง

มีควันสีดำลอยออกมาจากป่าฝน

ควันสีดำนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกสะอิดสะเอียนและอึดอัดมาก ราวกับว่ามันมีส่วนประกอบของความรู้สึกด้านลบนับไม่ถ้วนเป็นส่วนประกอบ

แต่ลิงยักษ์กลับมีความสุขที่จะดูดกลืนควันสีดำเข้าไป เปลวไฟบนร่างกายของมันมีชีวิตชีวามากขึ้น ลมหายใจของมันก็มีพลังมากยิ่งขึ้น

“อะไรกัน” ลั่วอู๋คิดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจที่จะไม่ดูมันอีก “รีบออกไปก่อน ที่นี่มันอันตรายเกินไปไม่มีใครรู้ว่าเจ้าลิงยักษ์จะเกิดอาการบ้าคลั่งอีกเมื่อไหร่”

เขามีทุกอย่างที่เขาต้องการแล้ว

โดยปกติแล้วผู้คนจะไม่คัดค้าน

ขณะนั้น ไม่ไกลออกไป มีเสียงเบา ๆ ที่ดูมีความโศกเศร้าในนำเสียง

“ท่านเฉิน… ” เจิ้งซี เจิ้งเว่ย พี่ชายและน้องสาว ถูกล้อมไปด้วยชายชราในชุดสีน้ำเงิน ใบหน้าของพวกเขาดูทุกข์อย่างมาก

โดยเฉพาะเจิ้งเว่ย นางพยายามปิดปากตัวเองเพื่อหยุดร้องไห้ แต่น้ำตาของนางก็ไหลออกมาเรื่อย ๆ

ร่างของชายชราในชุดสีน้ำเงินเต็มไปด้วยเลือด ลมหายใจของเขาอ่อนแรง ดั่งตะเกียงที่กำลังจะหมดน้ำมัน “นายน้อย นายหญิง ข้าขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องพวกท่านได้”

มันสายเกินไปที่จะวิ่งออกไปจากที่แห่งนี้ หลังจากได้เห็นเจิ้งเว่ยที่ตัวสั่นกลัว เพื่อปกป้องพวกเขาทั้งพี่ชายและน้องสาว เขาชายชราชุดสีน้ำเงินใช้ตัวเองเป็นโล่ เพื่อป้องกันการโจมตีจากลิงยักษ์

“คุณเฉินท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” เจิ้งซีกัดฟัน เขาหยิบยารักษาออกมาและใช้มันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชายชราคนนั้นรู้สึกดีขึ้น

แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

มีกลิ่นบางอย่าง ลอยออกมาจากชายชราในชุดสีน้ำเงิน

เจิ้งเว่ยร้องไห้ “ผู้เฒ่าเฉิน ท่านช่วยตำหนิความเอาแต่ใจของข้าด้วย ที่ข้าพาท่านมาอยู่ในส่วนลึกของพื้นที่ป่าหวงชา ข้าไม่คิดว่าจะมีสัตว์วิญญาณระดับนี้อยู่ด้วย

ด้วยความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าเฉิน แม้ว่าเขาจะต้องต่อกรกับสัตว์วิญญาณระดับทอง เขาก็สามารถปกป้องพวกพวกเขาและพาหลบหนีออกไปได้

แต่ใครจะคิดว่าจะได้พบเจอกับสัตว์วิญญาณระดับเพชร

สัตว์วิญญาณแบบนี้นั้นพบเจอได้ยากมาก

“ไม่ ข้าจะไม่ตำหนิเจ้า ข้านั้นหยิ่งยโสเกินไป พื้นที่ป่าเทียนหวูในตำนานมันกลายเป็นทะเลทรายได้อย่างไร?” แสงจากแววตาของเฒ่าเฉินค่อย ๆ จางลง และก็ไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาอีก “ป่าเทียนหวูที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อนและมีสัตว์ในตำนานมากมาย”

สองพี่น้องตระกูลเจิ้งต่างร่ำไห้อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นรักเฒ่าเฉินอย่างสุดซึ้ง

ลั่วอู๋และพรรคพวกเดินเข้ามา

“อา..” ลั่วอู๋ถอนหายใจ

เขาพูดได้แค่ว่า โชคดีที่มีเสี่ยวไป่

ฉูจงฉวนตกใจเล็กน้อย ปรากฎว่าในส่วนลึกของพื้นที่ป่าหวงชานั้นอันตรายอย่างมาก จนแม้แต่เขาก็ยังประมาทในการเดินทางครั้งนี้

อย่างไรก็ตามเฒ่าเย่ ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “ที่พื้นป่าหวงชานี้เดิมทีมันไม่ได้มีสัตว์วิญญาณแปลกๆ มากนัก แต่เมื่อ 30 ปีก่อน ตอนที่ข้าได้พบกับสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งมากตัวหนึ่งซึ่งอยู่ระดับทอง สัตว์แปลก ๆ ก็เพิ่มจำนวนขึ้นมา”

ตอนแรก ทีมล่าสัตว์ของเฒ่าเย่เป็นทีมที่ทรงพลังที่สุด แต่ตอนนี้กลับเหลือผู้ใช้พลังวิญญาณเพียงแค่ 2 คน

พวกเขาเคยหลงอยู่ในส่วนลึกของป่าหวงชาเป็นเวลาหลายวัน และก็ไม่ได้กลับเข้ามาที่นี่อีกหลังจากนั้น

“บางที มันคงเป็นโชคร้ายของเราก็ได้” ลั่วอู๋พูด

มันสามารถนำมานับรวมเป็นความโชคร้ายได้

เจิ้งซีมองลั่วอู๋อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ออกไปทางของเจ้าซะ”

ในจิตใต้สำนึก

เขานั้นเกลียดลั่วอู๋และพรรคพวกของเขา

มันไม่ใช่แค่เพราะราชาแร้งทรายกลายพันธุ์ แต่เพราะความไม่สมเหตุสมผล ว่าทำไมต้องเป็นเขา?

“ข้าแค่ต้องการช่วยผู้คน แต่ถ้าเจ้าไม่ชอบใจ ก็ไม่เป็นไร” “ไปกันได้แล้ว” ลั่วอู๋เยาะเย้ย

ลั่วอู๋และพรรคพวกเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อน เจ้าช่วยเฒ่าเฉินได้งั้นเหรอ?” มีความหวังที่ริบหรี่ออกมาจากดวงตาของเจิ้งซี

“อาจจะได้” ลั่วอู๋พูดเบา ๆ

เจิ้งซีนึกถึงวิธีการที่ลั่วอู๋ใช้รักษาราชาแร้งทรายกลายพันธุ์ และพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “เจ้าต้องรีบแล้ว เฒ่าเฉินจะไม่ไม่ไหวแล้ว”

ลั่วอู๋หันหน้าหนีและเดินจากพวกเขาไป

ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกสะเทือนใจกับความสัมพันธ์ของอีกฝ่าย เขาจึงพร้อมที่จะทำสิ่งดี ๆ

ทว่านายน้อยของฝั่งนั้นกำลังทำให้เขาตกอยู่ในอารมณ์โกรธ เขาจึงไม่สนใจ แม้จะกำลังมีคนขอความช่วยเหลืออยู่ก็ตาม

“อย่าเพิ่งไป” เจิ้งซีเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขา

ลั่วอู๋ไม่สนใจ “เจ้าต้องการอะไร? อยากมีเรื่องงั้นหรือ?”

ฉูจงฉวนและพรรคพวกของเขา เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้

ถ้าหากไม่มีชายชราในชุดสีน้ำเงินอยู่ตรงนั้นและมีเพียงแค่เจิ้งซีกับลั่วอู๋ เขาคงจะไม่ให้ความสนใจกับอีกฝ่ายเลยจริงๆ

ใบหน้าของเจิ้งซีเปลี่ยนเป็นสีแดงและกัดฟัน เขาไม่เคยชินกับการพูดแบบนี้ “ได้โปรด เจ้ามีวิธีช่วยเฒ่าเฉินไหม?”

“พูดเสร็จหรือยัง?” ลั่วอู๋ถามเบา ๆ

เจิ้งซี พยักหน้าอย่างลังเล

“ข้าจะไปแล้ว”

ลั่วอู๋ไม่ยอมขยับเขยื่อน

ถ้าหากเจ้าขอให้ใครทำอะไร เจ้าต้องทำเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ นี่ยังไม่นับเรื่องการขอโทษ อีก ในเมื่อทำแบบนี้ใครมันจะยอมทำให้เจ้าได้?

เจิ้งซีตัวสั่นเล็กน้อย เขากำมือแน่น และดวงตาของเขาก็แสดงความไม่พอใจ

ขณะนั้น เจิ้งเว่ยก็ลุกยืนขึ้นข้าง ๆ เฒ่าเฉิน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้ำตา นางเดินไปที่ด้านข้างของลั่วอู๋และคุกเข่าลงด้วยสายตาที่เศร้าหมอง

“น้องข้า เจ้ากำลังจะทำอะไร?” เจิ้งซีตกใจมาก

“ท่านพี่ หุบปาก!” เจิ้งเว่ยเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดง แต่กลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่ในดวงตาของนาง “ข้าขอโทษแทนพี่ชายของข้าด้วย ได้โปรดช่วยเฒ่าเฉินด้วย เรายินดีมอบเงินทั้งหมดให้ หลังที่ท่านช่วยเฒ่าเฉินแล้ว”

ยากที่จะจินตนาการ ว่าน้องสาวที่ไว้ใจและเชื่อฟังพี่ชายมาตลอด สามารถดุพี่ชายของนางได้เช่นนี้

แน่นอน ความตายเป็นวิธีที่ทำให้เติบโตยิ่งขึ้น

เจิ้งซีนั่งลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง เขารู้ว่าสิ่งที่น้องสาวของเขาพูดหมายถึงอะไร เขาหยิบลูกศรออกจากแขนเสื้อและทิ่มไปที่แก้มของเขา

ทันใดนั้นเลือดได้ไหลท่วม ทำให้ใบหน้าอันบอบบางนั้นกลายเป็นสีแดง

เจิ้งซีอ้อนวอนด้วยเสียงอันเบาบาง “ข้าขอโทษ ได้โปรด… ”

ลั่วอู๋สัมผัสรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บนแก้มของเขา และถอนหายใจออกมา

“ลุกขึ้นซะ!”

ความจริงแล้ว มันก็ไม่ได้แย่มากนัก

ข้าจะช่วยตามที่เจ้าขอก็ได้

เพราะมันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน