หลี่หมิงอวินไปห้องหนังสือไม่นานนักก็กลับมา เรียวปากของเข้าเม้มเข้าหากันจนแน่นภายใต้สีหน้าตึงเครียด
หลินหลันรีบเข้าไปเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “ท่านพ่อเจ้าว่าอย่างไรหรือ”
หลี่หมิงอวินถอนหายใจเฮือกใหญ่ สะบัดชายชุดแล้วหย่อนตัวลงนั่ง
“ไม่สำเร็จหรือ” หลินหลันเอ่ยถาม
หลี่หมิงอวินขมวดคิ้วแน่นมองไปยังหลินหลัน
หลินหลันรู้สึกถึงความผิดหวัง จากนั้นจึงกล่าวปลอบใจ “ถึงครั้งนี้ไม่สำเร็จแต่พวกเราก็ไม่ท้อถอยเช่นกัน มาพยายามกันต่อไปเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะทำอะไรแม่มดชราไม่ได้”
หลี่หมิงอวินมองดูท่าทางเอาจริงเอาจังของนางถึงกับอดหัวเราะออกมาไม่ได้
หลินหลันจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง ทันใดนั้นถึงตระหนักได้ว่าพ่อหนุ่มนี่หลอกนางอีกแล้ว!
“นี่! เหตุใดเจ้าถึงเป็นคนเช่นนี้ห๊ะ รู้ทั้งรู้ว่าคนเขาร้อนใจจะแย่ แล้วเจ้ายังแสร้งแสดงทีท่าเช่นนี้อีก รีบๆ บอกความจริงมาเลยนะ” หลินหลันกล่าวภายใต้สีหน้าดุดัน
หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พรุ่งนี้ให้แม่โจวนำคนไปห้องคลังเพื่อขนย้ายสิ่งของกลับมาเรือนหลั้วเซี๋ยจาย!”
“จริงหรือ เยี่ยมยอดไปเลย ถือว่าการลงแรงครั้งนี้ไม่สูญเปล่า จริงสิ แล้วท่านพ่อเจ้าว่าอย่างไรบ้าง ได้ลงโทษแม่มดชราหรือไม่” หลินหลันกล่าวอย่างดีอกดีใจ
“ท่านพ่อเข้าใจอย่างดีทั้งหมด แต่เรื่องเช่นนี้จะทำให้เอิกเกริกไปคงไม่ดีนัก จึงได้แต่จัดการอย่างเงียบๆ ถึงแม้แม่มดชราจะไม่ได้รับการลงโทษแต่อย่างใด ทว่าท่านพ่อรู้สึกผิดหวังในตัวนางไปแล้ว หากขืนเกิดเรื่องเช่นนี้อีก สถานะของแม่มดชราคงได้ถึงคราวพังพินาศ!” หลี่หมิงอวินกระตุกยิ้มมุมปากซึ่งแฝงอารมณ์แห่งความสะใจเอาไว้
“ฮึ! ข้าว่านะ แม่มดชรานี่ก็โง่เขลาไม่ใช่ย่อย หากนางเป็นคนฉลาด ก็ควรจะทำดีกับเจ้าเสียยิ่งกว่าลูกแท้ๆ ของตนเองเข้าไว้ แต่ดันทำให้เจ้าอัดอั้นตันใจแล้วยังยึดครองสิ่งของของเจ้าไว้อีก โดยไม่คิดรักษาภาพพจน์ของตนเองไว้สักหน่อย เจ้ารู้อะไรไหม ก่อนเข้ามายังตระกูลหลี่ ที่ข้าเป็นกังวลก็คือแม่มดชราจะเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือขนาดที่ว่าเล่นงานแผนการเล่ห์เหลี่ยมสารพัดของพวกเราจนไม่เป็นผล หากเป็นเช่นนั้นแล้วจะทำอย่างไรดี ทว่าในตอนนี้กลับกลัวก็แต่นางไม่มีปัญญาใช้เล่ห์กลใดๆ และเมื่อใดที่นางใช้เล่ห์กลพวกเราก็ยังคงรับมือได้อยู่ดี” หลินหลันกล่าวแยกแยะเป็นลำดับ
หลี่หมิงอวินเลิกคิ้วมองนาง ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงอารมณ์หวาดหวั่น “เห็นทีว่า ผู้ใดทำผิดต่อเจ้า ผู้นั่นคงพบความโชคร้ายเข้าแล้ว” เขากล่าวเสียงอ่อน
หลินหลันหันขวับกลับมาและกล่าวเตือนเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ดังนั้น เจ้าอย่าริอาจผิดต่อข้าเชียว”
หลี่หมิงอวินหัวเราะขึ้นมา “เราเป็นสามีภรรยากัน ซึ่งสามีภรรยาคือคนๆ เดียวกัน ข้าทำผิดต่อเจ้าก็เท่ากับทำผิดต่อตัวข้าเองมิใช่หรือ”
ได้ฟังเขาเอ่ยอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้ สีหน้าของหลินหลันจึงแดงระเรื่อขึ้นมากะทันหัน พ่อหนุ่มนี่ ย้ำเตือนต่อนางเรื่องที่พวกเขาเป็นสามีภรรยากันอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน คิดจะทำอะไรกันแน่ ก็บอกแล้วไงว่าให้ดูๆ กันไปก่อน
เรื่องราวใหญ่โตจบสิ้นไปอีกหนึ่งเรื่อง ค่ำคืนนี้หลินหลันจึงนอนหลับอย่างสบายใจเป็นพิเศษ ทว่าหลี่หมิงอวินที่นอนอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวขนาดเท่าเตียงเดี่ยวนั่น เอาแต่จ้องมองไปยังเงาเรือนร่างเล็กๆ ในม่านมุ้ง ในใจอันแน่นไปด้วยความอึดอัด ระยะนี้ไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปอยู่บนเตียงของนางเลย! นับวันอากาศก็หนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว การนอนตรงนี้มันไม่สบายเสียจริงเลย
วันรุ่งขึ้น แม่โจวพาคนไปยังห้องคลังเก็บของ พร้อมกับตรวจสอบทรัพย์สินตามใบรายการของขวัญทีละชิ้น และสั่งให้คนแบกกลับไปยังเรือนหลั้วเซี๋ยจายอย่างระมัดระวัง
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย สิ่งของถูกขนย้ายกลับมาทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ โดยเบื้องต้นวางไว้ในอาคารห้องหนังสือ แต่ดูเหมือนสิ่งของบางอย่างจะขาดหายไปเจ้าค่ะ” แม่โจวกล่าว
แน่นอนว่าคงมีสิ่งของขาดหายไปบ้าง เมื่อคืนหลี่หมิงอวินได้เอ่ยกับนางไว้แล้วเช่นกันว่า ไม่ว่ามีของอยู่จำนวนเท่าใดก็ให้นำกลับคืนมาก่อน ยังดีที่ลงมือว่องไว มิเช่นนั้นความเสียหายคงยิ่งใหญ่ไปมากกว่านี้
“ที่ขาดหายไปกี่อย่าง ท่านช่วยตรวจสอบดูให้เรียบร้อยแล้วเขียนรายการมาให้ข้าทีนะ” หลินหลันสั่งการ
แม่โจวยื่นสมุดบันทึกออกมาให้ “รวบรวมรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
แม่โจวทำการทำงานได้อย่างละเอียดรอบครอบเสียจริง โชคดีที่มีนางเป็นผู้ช่วยจึงเบาแรงนางไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หลินหลันรำพึงรำพันในใจ
“พวกเราถือว่ายังดีนะเจ้าคะ ทางด้านต้าเส้าหน่ายนายนั่นสูญเสียไปเยอะมากทีเดียว ก่อนที่ข้าจะไปตรวจสอบรายการทรัพย์สิน เห็นหลู่ฉีหน้าดำคร่ำเครียดอยู่เจ้าค่ะ” แม่โจวกล่าว
หลินหลันรู้สึกประหลาดใจ “สิดสอดของต้าเส้าหน่ายนายก็ถูกส่งคืนด้วยหรือ” นางกับหมิงอวินเปลืองแรงไปไม่น้อย กลับช่วยให้พี่สะใภ้ได้รับผลพลอยได้ไปด้วยเสียนี่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เหนือความคาดหมายของนางก็คือ กระทั่งสินสอดของลูกใภ้นางก็ยังไม่ละเว้น อะไรจะหน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้ เกินเยียวยาแล้วจริงๆ
“ใช่เจ้าค่ะ เหล่าเหยียป่าวประกาศเพียงว่า คุณชายทั้งสองล้วนมีครอบครัวแล้ว ก็ควรรู้จักเรียนรู้จัดการดูแลกันเองไว้บ้าง” แม่โจวกล่าว
หลินหลันแสยะยิ้ม “เหล่าเหยียก็คงกัดฟันพูดไม่ต่างกันหรอก น่าสงสารเสียจริงอ่า ช่างน่าสงสารเสียจริง”
วันนี้ ณ โถงหนิงเฮ๋อเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมขรึมเป็นพิเศษ กระทั่งชุนซิ่งและชุ่ยจือที่คอยปรนนิบัติรับใช้ข้างกายนายหญิงก็ทำได้เพียงรอปรนนิบัติอยู่ด้านนอก และอยู่ภายใต้ระยะห่างจากประตูออกไปถึงสิบฝีก้าว
เหตุการณ์ทะเลาะโวยวายเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมามีผู้รับรู้ไม่กี่คนเท่านั้น นอกนั้นรับรู้เพียงว่านายท่านมาที่นี้ด้วยสีหน้าฉุนเฉียว หลังจากนั้นนายหญิง แม่เถียนและผู้ดูแลจ้าวก็ตามนายท่านไปยังห้องคลังเก็บทรัพย์สิน หลังจากนั้นนายท่านก็ไปยังที่พักของอนุภรรยาหลิว โดยนายหญิงกลับมาที่ห้องด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว และในวันนี้นายหญิงสะใภ้ทั้งสองต่างก็ส่งคนมาขนย้ายสิ่งของของตนออกไป
ดังนั้น ตอนนี้ทุกคนจึงสามารถคาดเดาได้ว่า นายท่านและนายหญิงมีปัญหาไม่ลงลอยกันด้วยเรื่องนี้ จนนายหญิงโกรธเกรี้ยว
แม่เจียงมองดูนายหญิงที่บึ้งตึงไม่พูดไม่จา “ของเล็กๆ น้อยเหล่านี้ จะเอากลับคืนไปก็ให้เอาไปเถอะเจ้าค่ะ อย่าทะเลาะกับเหล่าเหยียด้วยเรื่องนี้เลยนะเจ้าคะ” นางได้ยินชุนซิ่งเอ่ยว่า ฮูหยินไม่นอนหลับตลอดทั้งคืน เช้านี้ก็ไม่กินข้าวปลาอาหาร ดั้งนั้นจึงหอบสังขารมาปลอบใจนายหญิงของตน
นัยน์ตาของฮานชิวเยว่ฉายให้เห็นถึงความเย็นชา “เจ้ารู้อะไรไหม เรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลอย่างมาก แจกันโบราณคู่นั้น ไม่มีผู้ใดแตะต้องมันจริงๆ ข้ากล้าเอาหัวเป็นประกัน ที่ส่งมาก็คือของปลอม หรือหมิงอวินจะจงใจใช้แจกันคู่สร้างเรื่องขึ้นมา ข้ารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่านี่เป็นแผนงานที่เขาใช้เล่นงานข้าหรือไม่”
แม่เจียงเผยสีหน้าตกตะลึง “หากเป็นเช่นนี้จริง ฮูหยินจะต้องระมัดระวังให้มากเข้าไว้นะเจ้าคะ”
ฮานชิวเยว่กล่าวด้วยความเคียดแค้น “เขากล้าวางแผนเล่นงานข้า ความแค้นนี้ข้าจะอดกลั้นไว้ได้อย่างไร”
“ฮูหยินเจ้าคะ ถึงอย่างไรท่านก็ต้องอดทนไว้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ! หากเป็นเพียงแจกันโบราณคู่นี้ที่ก่อปัญหาขึ้นมา เรื่องราวก็คงไม่เลยเถิดเกินเลยไปมากว่านี้แล้วล่ะเจ้าค่ะ บ่าวเกรงแต่ว่าเอ้อร์เส้าเหยียจะไม่หยุดยังแต่เพียงเท่านี้ ดังนั้นถึงได้ใช้แจกันโบราณเป็นเหยื่อล่อ สร้างเรื่องของเลียนแบบขึ้นมา หรือว่าคนทางด้านห้องคลังนั่นจะเชื่อถือไม่ได้เจ้าคะ” แม่เจียงกล่าวด้วยใจวาดระแวง
ฮานชิวเยว่ขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ทำกันอย่างลับๆ ผู้ที่รับรู้ก็มีเพียงสามคนเท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้เจ้าก็รู้ว่าไว้ใจได้ทั้งสิ้น”
“บนโลกนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นนะเจ้าคะ ยังไงพวกเราก็ต้องระมัดระวังเอาไว้หน่อย อีกอย่างจนถึงตอนนี้แล้วสาวใช้เฉี่ยวโหรวนั่นก็ยังหาตัวไม่พบ แม่ค้าพ่อค้าคนกลางทั่วทั้งปักกิ่งต่างก็ไม่มีผู้ใดรับซื้อขายนางไป ไม่รู้ว่าเอ้อร์เส้าเหยียนำนางไปแอบซ่อนไว้แห่งหนใด ในมือของเขายังมีไม้เด็ดที่จะเล่นงานพวกเราได้อีกไม่น้อย ฮูหยินเจ้าคะ อดทนไว้หน่อยเถอะเจ้าค่ะ! จะให้เอ้อร์เส้าเหยียจับผิดพวกเราอีกไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ” แม่เจียงกล่าว
ฮานชิวเยว่เผยสีหน้าอันเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ข้ากับเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นต้องตายกันไปข้าง เจ้าคิดว่าการที่ข้าไม่ลงมือแล้วเขาจะปล่อยให้ข้าลอยหน้าลอยตาอยู่ต่องั้นหรือ ใครจะรู้ว่าเยี่ยซินเหว่ยพูดอะไรกับเขาไว้บ้าง”
“ฮูหยิน หากต้องการลงมือก็มิควรเป็นท่านลงมือด้วยตนเอง อดทนไปอีกสักครึ่งเดือนเหล่าไท่ไทก็มาถึงแล้ว เอ้อร์เส้าเหยียจะไม่ให้เกียรติท่านก็ได้ แต่จะไม่ให้เกียรติเหล่าไท่ไทคงเป็นไปไม่ได้ อย่างที่บ่าวเคยเอ่ยไว้ ขอเพียงเหล่าไท่ไทมีใจเอนเอียงมาทาท่านและต้าเส้าเหยีย เอ้อร์เส้าเหยียก็เล่นลูกไม้ตุกติกไม่ได้อีก มันคงเป็นไปได้ที่คนๆ หนึ่งจะระมัดระวังตนเองอยู่สักพัก แต่ใครบ้างจะรับประกันได้ว่าชั่วชีวิตของตนเองจะไร้ซึ่งการกระทำผิด พวกเราแค่จับตาดูเขาเมื่อทำผิดพลาด แล้วค่อยลงมือให้สาสม เช่นนั้นถึงจะลุล่วงไปได้เจ้าค่ะ” แม่เจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอันร้ายกาจ
“ต้าเส้าเหยีย…ต้าเส้าเหยียเจ้าคะ…ฮูหยินติดธุระอยู่ตอนนี้เจ้าคะ เดี๋ยวข้าน้อยไปบอกกล่าวให้ก่อนนะเจ้าคะ…”
“เข้ามา…”
ฮานชิวเยว่เหลือบสายตามอง หมิงเจ๋อมาทำอะไรที่นี่
หลี่หมิงเจ๋อแหวกม่านประตูแล้วเดินเข้ามา และเพราะการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในการปล่อยม่านลง จึงส่งผลให้ม่านสีแดงสดสะบัดไปมาไม่หยุด
ในใจหลี่หมิงเจ๋อกำลังคับคั่งไปด้วยความหงุดหงิด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เป็นมารดาเขายังคงไม่กล้าเอะอะโวยแต่อย่างใด ทำเพียงเดินไปเบื้องหน้าผู้เป็นมารดาพร้อมกับสีหน้าเย็นชา ก่อนจะหยุดลงแล้วยกสองมือขึ้นให้การคาราวะ “ท่านแม่ ลูกมีเรื่องต้องการถามท่านแม่ขอรับ”
สายตาของฮานชิวเยว่ดุดันขึ้นทันใด “นับวันยิ่งจะไร้กฎระเบียบเข้าไปใหญ่”
หลี่หมิงเจ๋อเม้มริมฝีปาก หาได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกไปไม่
“ว่ามาสิ! มีเรื่องอันใด”
หลี่หมิงเจ๋อชั่งใจอยู่สักพัก เรื่องนี้มันยากที่จะเอ่ยปากพูดออกไป
“เป็นลูกผู้ชายพูดจาและทำสิ่งใดๆ ก็ตามให้มันดูฮึกเหมฉะฉานเข้าไว้ มัวอำๆ อึ้งๆ อยู่ได้” ด้วยฮานชิวเยว่อารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว น้ำเสียงคำพูดคำจาของนางจึงแย่ตามไปด้วย
หลี่หมิงเจ๋อกล่าวด้วยความกลัดกลุ้ม “ท่านแม่ วันนี้หลั้วเหยียนไปขนสินสอดของนางกลับคืน แต่ทว่า เหตุใดสิ่งของที่เป็นสินสอดถึงได้หายไปมากมายขนาดนั้นขอรับ”
ฮานชิวเยว่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกระรอก หลี่หมิงอวินยังไม่ทันมาถามไถ่ แต่บุตรชายแท้ๆ ของตนเองกลับโผล่มาสักถามเอาความก่อนเสียแล้ว
“หลั้วเหยียโอดครวญขึ้นมาหรือไร” ฮานชิวเยว่กล่าวอย่างเย็นชา
“เปล่าขอรับ นางไม่ว่าพูดอะไรทั้งนั้น เป็นตอนที่สาวใช้ของนางมารายงานแล้วลูกดันได้ยินเข้าขอรับ ท่านแม่ ของเหล่านี้ล้วนเก็บไว้ในห้องคลังทรัพย์สิ้น เหตุใดถึงขาดหายไปได้หรือขอรับ และจะว่าไปตระกูลเราก็ยังไม่ได้ยากจนขนาดที่จะต้องไปแตะต้องสินทรัพย์ของสะใภ้กระมัง” หลี่หมิงเจ๋อรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันทำให้เขาอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง แม้หลั้วเหยียนจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ด้วยการแสดงออกทางสีหน้าอารมณ์ของนางเช่นนั้นมันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก ดังนั้นเขาถึงรีบมาสักถามผู้เป็นมารดาในทันทีว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ใครบอกเจ้าว่าสินสอดของเมียเข้าถูกนำไปใช้แล้วหรือ สิ่งของของเมียเจ้าก็มิใช่ของของเจ้าหรอกหรือ แม่อุตส่าห์ทำงานอย่างหนักก็เพื่อเจ้าทั้งนั้นมิใช่หรือ แต่เพื่อสิ่งของของเมียเจ้าที่หายไป เจ้าถึงกับต้องมาถามเอาความ แล้วยังใช้น้ำเสียงเช่นนั้นพูดจากับแม่ จิตใจเจ้าทำด้วยอะไรกัน” ฮานชิวเยว่กรนด่าทอออกไปชุดใหญ่
หลี่หมิงเจ๋อรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา หรือว่าตนเองจะคิดมากเกินไปแล้ว
“ฮูหยิน ท่านอย่าได้โมโหไปเลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวเสียสุขภาพไปกันใหญ่ ต้าเส้าเหยียเพียงแค่ไม่รู้ความเท่านั้นเจ้าค่ะ…” แม่เจียงซึ่งอยู่ด้านข้างกล่าวโน้มน้าว
“เขาไม่รู้ความก็จะใช้คำพูดและน้ำเสียงเช่นนี้กับข้าได้งั้นหรือ แล้วยังสงสัยในตัวแม่แท้ๆ ของตนเองเช่นนี้อีก” ความโกรธเกรี้ยวของฮานชิวเยว่ยากที่จะดับลงได้
แม่เจียงรีบกล่าวขึ้นทันควัน “ต้าเส้าเหยีย ท่านอย่าได้เข้าใจฮูหยินผิดไปนะเจ้าคะ เมื่อคืนฮูหยินเพิ่งพบว่าในจวนนี้มีคนวงในทำให้สิ่งของในคลังขาดหายไปไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้หากพูดออกไปคงไม่ดีต่อภาพลักษณ์เท่าไหร่นัก และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ พอฮูหยินคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อของหายไปไม่น้อยเช่นนี้ ต้าเส้าเหยียกับเอ้อร์เส้าเหยียจะคิดอย่างไร ดังนั้นจึงให้พวกท่านขนย้ายของกลับคืนไปก่อนเจ้าค่ะ ไว้รอสืบหาสิ่งของที่หายไปจนเจอแล้ว จะส่งคืนให้พวกท่านอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลี่หมิงเจ๋อกล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านแม่ เป็นผู้ใดกันที่บังอาจถึงเพียงนี้ กระทั่งสิ่งของในห้องคลังทรัพย์สินยังกล้าขโมยได้ ท่านแม่ พวกเราต้องแจ้งทางการหลวงนะขอรับ”
“เรื่องนี้ต้าเส้าเหยียไม่ต้องกังวลไปหรอกเจ้าค่ะ เหล่าเหยียและฮูหยินจะจัดจากด้วยตนเองเจ้าค่ะ” แม่เจียงกล่าวหนักแน่น
เมื่อหลี่หมิงอวินเข้าใจเช่นนี้แล้ว เขาจึงเผยสีหน้าอันเต็มไปด้วยความละอายใจออกมา “ท่านแม่ ลูกโง่เขลาเบาปัญญา ขอท่านแม่โปรดลงโทษลูกด้วยขอรับ”
ฮานชิวเยว่รู้สึกโศกเศร้าจนมิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ “เสียแรงที่ข้าเป็นห่วงพวกเจ้าจริงๆ ”
หลี่หมิงเจ๋อกล่าวโทษตนเองอย่างสุดซึ้ง เขาไม่ควรพูดจาไร้กาลเทศะถึงปานนี้ “ท่านแม่อย่าโกรธลูกเลยนะขอรับ ลูกมิได้ตั้งใจขอรับ”
แม่เจียงพยายามคลี่คลายสถานการณ์ “ต้าเส้าเหยีย ฮูหยินกำลังวุ่นวายใจด้วยเรื่องนี้ ท่านกลับไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ!”
หลังส่งหมิงเจ๋อออกไปแล้ว ฮานชิวเยว่ถึงได้กล่าวขึ้นอย่างใจเย็น “สิ่งของเหล่านั้นของหลั้วเหยียน เลือกคืนนางไปสักสามสี่อย่าง ในส่วนของหมิงอวินนั่น ก็คืนกลับไปสักสองสามอย่างเช่นกัน เดี๋ยวจะมาเอ่ยว่าตามคืนให้แต่เพียงของหลั้วเหยียนเท่านั้นอีก”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”
ฮานชิวเยว่ถอนหายใจก่อนจะกล่าวขึ้น “ส่วนแม่เถียนคงเอาไว้ไม่ได้แล้ว ให้นางเกษียณออกไปเถอะ โดยนำเงินให้นางซักก้อนไว้ตั้งหลักปักฐาน! ส่วนทางด้านห้องคลัง หลังจากนี้ก็ให้แม่เหยาเป็นคนดูแลจัดการแล้วกัน ข้าเห็นว่าแม่เหยาถือว่าไว้ใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว”