บทที่ 51 แดนฝึกชี่ไห่
“พลังหยางบริสุทธิ์ ร้อยชีพจรเปิดออก ทะลวงเดี๋ยวนี้!”
หลัวซิวเสียงดังฟังชัด พูดออก เคลื่อนพลังหยางบริสุทธิ์อย่างที่สุด ทั้งกระดูกเนื้อหนัง อวัยวะทุกส่วน เส้นเลือกชีพจร ล้วนมีปราณใน ราวกับเป็นคลื่นจากสายน้ำและมหาสมุทร พุ่งมายังจุดตันเถียนอย่างไม่หยุด
“ตู้ม!”
เขตป้องกันที่มองไม่เห็นบริเวณจุดตันเถียนในตัว ก็ลึกลับมือนถูกระเบิดออกมา ปราณในมหาศาลเหมือนถูกเปิดฝาออกมา ไหลเข้าจุดตันเถียนเหมือนน้ำท่วม
ความรู้สึกเต็มเปี่ยมด้วยพลังเริ่มจากบริเวณท้องน้อย ทำให้หลัวซิวรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก
“ทะลวงจุดตันเถียน ก็เท่ากับบรรลุได้ก้าวแรกแล้ว!”
ปราณในทั้งหมดในตัวมารวมอยู่ที่จุดตันเถียน เหมือนกับทะเลสาบมหาสมุทรทั้งหลาย ปราณปล่อยรังสีเปล่งประกายออกมา ส่องไปยังจุดดำมืดของจุดตันเถียน นี่ก็คือชี่ไห่!
เอาจุดตันเถียนเป็นพื้นฐาน ปราณก็จะอาศัยจุดชีพจรเส้นเลือดลมทั้งหลายไหลเวียนไปทั่วกาย ไม่ว่าจะเป็นผลการใช้ประโยชน์ หรือว่าจะเป็นความละเอียดล้ำลึก ก็ล้วนแข็งแกร่งมากกว่าก่อน
ขับเคลื่อนปราณในของผู้ฝึกยุทธ์กลั่นร่าง ถูกเรียกว่าโคจรจุลจักรวาล
และมีแต่การเปิดชี่ไห่แล้วเท่านั้น การขับเคลื่อนพลัง ถึงจะกลายเป็นโคจรมหาจักรวาล!
แต่ว่าถ้าอยากบรรลุแดนฝึกชี่ไห่ แค่ทะลวงจุดตันเถียนมันยังไม่พอ ยังจะต้องบีบอัดปราณใน ให้กลายเป็นปราณแท้ด้วย!
“นี่มันคืออะไรกัน?”
ทันใดนั้น หลัวซิวก็รู้สึกว่าที่จุดตันเถียนมีความรู้สึกเจ็บๆ พอสัมผัสไป ปราณเป็นตาย2ระดับก็หมุนอยู่ในจุดตันเถียนของเขา เผยให้เห็นเป็นสีขาวดำสองสี เหมือนกับภาพไทเก๊ก และเหมือนกับเครื่องโม่หิน
ในขณะที่หมุนเวียนนี้ ปราณเป็นตาย2ระดับก็บีบตัวไม่หยุด ทั้งยังรวดเร็วมาก
โดยปกติแล้ว การบีบปราณแท้ไม่ใช่จะทำได้ในเวลาสั้นๆ หลัวซิวคาดไว้ว่า อย่างน้อยต้องใช้เวลา1-2วัน ปราณในถึงจะสามารถลายเป็นปราณแท้ที่บีบอัดอยู่ในจุดตันเถียนแล้วเปลี่ยนเป็นพลังที่แข็งแกร่งรุนแรงมากขึ้นได้
แต่ภายใต้ปราณเป็นตาย2ระดับที่หมุนเวียนกันอย่างรุนแรงนี้ ใช้เวลาไปเพียงไม่กี่อึดใจ ก็สามารถรวมตัวกันจนสมบูรณ์แบบแล้ว
ที่กึ่งกลางจุดตันเถียน มีวงล้อฝั่งซ้ายสีขาว ฝั่งขวาสีดำหมุนอยู่ มีไอหมอกเป็นสายแพร่ออกมาจากวงล้อนั้น เต็มเปี่ยมไปทั่วจุดตันเถียน กลายเป็นชี่ไห่
พลีงที่เป็นไอเหล่านี้ ก็คือปราณแท้!
การฝึกตนในแดนฝึกชี่ไห่ก็คือการรวบรวมปราณแท้ ขั้น1-3ปราณแท้จะเป็นไอ ขั้น4-6ปราณแท้จะเป็นของเหลว แล้วจะยิ่งรวบรวมมากขึ้น พลังรุนแรงมากขึ้น ขั้น7-9จะรวมเป็นของแข็ง ไม่มีอะไรทำลายได้
“บรรลุแดนฝึกชี่ไห่ง่ายๆ แบบนี้เลยงั้นหรือ?”
หลัวซิวมีสีหน้าตกใจ เห็นเข้าชี้นิ้วไปข้างบน แล้วก็มีพลังที่ไร้ลักษณ์พุ่งออกมา ทำให้หลังคาที่สูงขึ้นไปหลายเมตรสั่นสะเทือนแตกออก
จากนั้น เขาก็ขยับตัว แล้วหายไปจากจุดที่เคยอยู่ วินาทีต่อมาก็มาโผล่อยู่นอกห้อง
“ใช้ปราณแท้มาขับเคลื่อนวิชาท่าร่าง ความเร็วดั่งปีศาจ ไม่เสียแรงที่เป็นวิชาที่ขาดไปบางส่วน แต่ก็ยังถูกนับรวมอยู่ในวิชาท่าร่างระดับ4”
ตอนนี้หลัวซิวรู้สึกว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
ในขณะเดียวกัน ก็มีความรู้สึกส่งมาจากลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย ทำให้เขารับรู้ได้ว่าจุดตันเถียนของตนเองมีวงล้อขาวดำรวมอยู่ด้านใน มีชื่อว่าวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ!
นี่ไม่ใช่ทักษะยุทธ์ และไม่ใช่วรยุทธ์ แต่เป็นตราที่เกิดจากกฎการเวียนว่ายตายเกิด
ในจุดตันเถียน วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหมุนเวียน ความอัศจรรย์ทั้งหลายของกฎการเวียนว่ายตายเกิดเคลื่อนไหวมาในประสาทความรู้สึก ความรับรู้นี้สัมผัสไปถึงวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ หลัวซิวพบว่า วิชายุทธ์ที่เรียนแล้วไม่เข้าใจ ก็ได้เข้าใจขึ้นมาได้ทันที ราวกับสามารถทำความเข้าใจความลึกล้ำทุกอย่างได้หมด
เพราะว่าความเป็นตาย คือกฏแห่งธรรมชาติที่สูงส่งที่สุดอย่างหนึ่ง ถึงแม้หลัวซิวจะสามารถรับรู้ได้ถึงส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่ตัวมันก็มีระดับสูงมาก แต่วิชายุทธ์ที่เขาฝึกมัน มันมีระดับที่ต่ำกว่ามาก ใช้ระดับที่สูงกว่าไปมองดู สิ่งของระดับต่ำก็จะชัดเจนง่ายขึ้นมาก
“มหัศจรรย์มากเลย……”
หลัวซิวอดพูดออกมาไม่ได้ การปรากฏขึ้นของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ เรียกได้ว่า เพิ่มพลังให้ตนเองไปในทุกด้านเลยทีเดียว
อันดับแรกคือ ด้านการฝึกตน ขับเคลื่อนวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ หลัวซิวสามารถดูดซับพลังฟ้าดินจิตและพละกำลังสรรพสิ่งได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์สามารถเทียบกับอุปกรณ์ค่ายผนึกปราณขั้น2ได้เลย
ถ้าหากว่าเพิ่มอุปกรณ์ค่ายผนึกปราณขั้น2เข้ามาด้วย ความรวดเร็วของการฝึกตนของเขา สามารถเพิ่มเป็น4เท่าจาก4เท่าเดิม เพิ่มเป็นทั้งหมด16เท่าได้อย่างน่าตกใจ!
ความรวดเร็วแบบนี้ ต่อให้ฝึกวิชาแย่ๆ ผลการฝึกตนก็ยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แล้วจะประสาอะไรกับพลังหยางบริสุทธิ์ที่เขาฝึก
รองลงมาก็คือทักษะยุทธ์และวิชาท่าร่าง ตอนนี้เขาสามารถมองดูความล้ำลึกของวิชาได้อย่างชัดเจน วิชายุทธ์ระดับ4ทั่วไป เขามั่นใจว่าสามารถฝึกจนบรรลุผลได้ในเวลาอันสั้นที่สุด แล้วใช่เวลาอีกหน่อยก็จะฝึกจนถึงแดนบริบูรณ์ได้ไม่ยาก
“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!……”
ในตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูดังเข้ามา ทำให้หลัวซิวตื่นจากสภาพการฝึกตน คิ้วก็ขมวดขึ้น เพราะว่าตอนที่จอมยุทธ์กำลังฝึกตนอยู่นั้น ไม่ชอบการรบกวน
ชี้นิ้วออกไป พลังก็พุ่งออกมา ทำให้ประตูเปิดออก มีคนแก่คนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเคารพ
“ท่านชายหลัว เจ้าสำนักเชิญคุณไปที่สำนักยุทธ์” คนแก่พูดขึ้นมา
คนแก่คนนี้หลัวซิวก็ไม่ได้จะแปลกหน้าแปลกตาอะไร เขาคือคนรับใช้ข้างกายของเจ้าสำนักยุทธ์
พอได้ยินว่าเจ้าสำนักยุทธ์เรียกหาตนเอง หลัวซิวก็ค่อยๆ ลุกขึ้น “ไม่ทราบว่าเจ้าสำนักยุทธ์มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
สำหรับเจ้าสำนักยุทธ์แล้วนั้น หลัวซิวก็เคารพอยู่มาก
“เรียนคุณชาย เจ้าสำนักยุทธ์ของเมืองซินฉือมาเมืองชิงหยุนพบกับเจ้าสำนัก เขาพาสาวน้อยอัจฉริยะคนหนึ่งมาท้าทายกับยอดฝีมือในสำนัก มีหลายคนพ่ายแพ้ให้กับเธอไปแล้ว ที่เจ้าสำนักเชิญตัวท่านไป ก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้” คนรับใช้กล่าว
พอได้ยินดังนั้น หลัวซิวก็ขมวดคิ้ว เมืองซินฉือคืออีกเมืองที่อยู่ข้างเคียงกับเมืองชิงหยุน
ทุกเมืองในเขตการปกครองหยุนหลง ล้วนมีสำนักยุทธ์ที่สำนักเซียวเหยาก่อตั้งขึ้นมา ถึงแม้จะบอกว่ามีเอาไว้เพื่อชุบเลี้ยงอัจฉริยะต่างๆ แต่จริงๆ แล้วระหว่างกันก็ยังมีการแข่งขันระหว่างกันด้วย มาเชิญท้าทายกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดา
ตอนนี้ ในหมู่นักเรียนของสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุน หลัวซิวอยู่อันดับ1 ก็ต้องมีหน้าที่รับคำท้าจากยอดฝีมือในสำนักยุทธ์จากเมืองอื่นๆ เพื่อรักษาชื่อเสียงของสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุนเอาไว้
บนเวทีประลองของสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุน ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาดูมากมาย บนห้องชมการประลองใต้หลังคานั้น เจ้าสำนักชิงหยุนก็นั่งอยู่กับชายวัยกลางคนท้วมๆ และนั่นก็คือเจ้าสำนักซินฉือ
บนเวทีประลอง วัยรุ่นสองคนกำลังประมือกัน ด้านหนึ่งคือเฟิงเซวียนจวี๋ของสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุน คู่ต่อสู้คือสาวน้อยชุดแดงหน้าตาสะสวย
“ฮ่าๆ เจ้าสำนักชิงหยุน ได้ยินมาว่าสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุนมีอัจฉริยะที่ฝึกพลังหยางบริสุทธิ์สำเร็จ ไม่ทราบว่าจะกล้ามาพนันกับผมหน่อยไหม?” อยู่ดีๆ เจ้าสำนักซินฉือยิ้มพูดออกมา
ในเขตการปกครองหยุนหลงมีทั้งหมด18เมือง เจ้าสำนักยุทธ์ของแต่ละเมือง มักจะนำพาคนเก่งๆ ของตนเองมาสู้กัน บางครั้งก็เล่นพนันกัน ถือเป็นเรื่องธรรมดา
“เจ้าสำนักซินฉือ อยากจะพนันอะไรครับ?” เจ้าสำนักชิงลึกลับนยิ้มถาม
“เดิมพันเอาเป็นกำไลอัญมณีฟ้าที่คุณชนะผมไปเมื่อ3ปีก่อนดีไหม?” เจ้าสำนักซินฉือยิ้มพูดตาหยี
“ผัวะ!”
ในตอนนี้เอง บนเวทีประลองก็มีเสียงตบบ้องหูดังขึ้นมา เฟิงเซวียนจวี๋ร่วงลงจากเวทีประลอง ใบหน้าเป็นร้อยฝ่ามือ สองตาโกรธเป็นฟืนไฟ ทั้งตกใจทั้งโมโห
นักเรียนของสำนักยุทธ์ที่มาดูการประลอง ก็ตกใจไปตามกัน แล้วก็ลุกฮือกันขึ้นมาทันที
“มากไปหรือเปล่า สู้กันไม่หยามกัน ในเมื่อชนะแล้ว ทำไมจะต้องทำให้คนอื่นอับอายด้วย?”
“หน้าตาก็สวย ทำไมถึงใจไม้ไส้ระกำแบบนี้ คิดว่าสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุนไม่มีคนเก่งหรือไง?”
คนไม่น้อยตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ