แววตาน่าหลานรั่วสว่างวาบ แล้วพูดว่า “ได้ คำไหนคำนั้น ถ้านายรับสามกระบวนท่าของฉันได้ ฉันขอโทษนายอยู่แล้ว”

ลู่ฝานทำท่า “เชิญ” ให้กับน่าหลานรั่ว เว้นระยะห่าง และเผชิญหน้ากัน

แม้บทสนทนาของทั้งสองคน จะไม่ดังมาก แต่เมื่อหนึ่งคนบอกเล่าให้กับสิบคน สิบคนนั้นก็ไปบอกต่ออีกร้อยคน จนรู้กันทั้งหมด

กลุ่มคนถอยไปด้านหลัง เว้นที่ว่างให้ทั้งสองคน บนโรงน้ำชา ลู่เฮ่าหรานขมวดคิ้วพูดว่า “หาเรื่อง หาเรื่องจริงๆ เขาจะสู้กับน่าหลานรั่วได้ยังไง อีกฝ่ายเป็นครูสถาบันสอนวิชาบู๊นะ”

ลู่หาวพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ “ดูเหมือนลู่ฝานจะมีความมั่นใจนะ แต่การตัดสินใจนี้ ดูบุ่มบ่ามไปหน่อย ตอนนี้ดูว่าเขาจะรับมือกับสามกระบวนท่าของน่าหลานรั่วอย่างไร คิดว่าในฐานะที่เป็นครูสถาบัน น่าหลานรั่ว ยังต้องไว้หน้าตัวเองสักนิด คงไม่ได้ลงมือด้วยแรงทั้งหมด”

คนตระกูลลู่ตกใจ คนตระกูลโม่อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ลู่ฝาน ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ คิดไม่ถึง……คิดไม่ถึงว่าจะประลองกับครูน่าหลาน สามกระบวนท่า น่าขำสิ้นดี!”

โม่หยุนเฟยหัวเราะออกมาเป็นคนแรก

โม่หลินถามว่า “หยุนเฟย ครูน่าหลาน พละกำลังเป็นยังไง”

โม่หยุนเฟยตอบว่า “แดนปราณในชั้นเก้า แม้ไม่ได้สูงในบรรดาครูของสถาบัน แต่จัดการลู่ฝานได้สบายๆ”

โม่เทียนหัวเราะ แล้วพูดว่า “งั้นก็ดี แดนปราณในชั้นเก้า แค่กระบวนท่าเดียว ก็กำจัดลู่ฝานได้แล้ว วัยรุ่นอวดดีตามคาด หาเรื่องใส่ตัว”

หัวหน้าตระกูลเหยียนจางเหยียนถามจางเยว่หาน ด้วยคำถามเดียวกัน

จางเยว่หานตอบอย่างนิ่งๆ “พละกำลังของครูน่าหลานไม่ด้อย ลู่ฝานแพ้แล้ว”

จางเหยียนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “งั้นก็ดี ฉันทนดูความโอ้อวดของลู่ฝานไม่ไหวแล้ว เยว่หาน ลูกเลือกถูกแล้ว คนอวดดีไร้สมองแบบนี้ ไม่ใช่คนรักในฝันของลูกหรอก ลูกไม่จำเป็นต้องเศร้าแล้ว”

จางเยว่หานแววตาวูบไหว พูดออกมาว่า “รู้แล้วค่ะพ่อ”

ในลานกว้าง

น่าหลานรั่วง้างมือขึ้น

“ลู่ฝาน ปล่อยพลังปราณของนายออกมาสิ วางใจเถอะ ฉันเป็นครูของสถาบัน ไม่เอาชีวิตนายหรอก นิดหน่อยก็พอแล้ว”

น่าหลานรั่วแสร้งทำเป็นอ่อนโยน ทำท่าเป็นแบบอย่างของครู

แต่ขณะนั้น น่าหลานรั่วแอบเอาพลังปราณมาไว้เต็มแขน เขาจะกำจัดลู่ฝานด้วยการโจมตีครั้งเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ จะเห็นได้ชัดว่าการพิจารณาของเขา ไม่มีปัญหา

ลู่ฝานไม่ได้ปล่อยพลังปราณออกมา แค่เอากระบี่หนักด้านหลังออกมา

มือจับด้ามกระบี่เอาไว้ ลู่ฝานยืนอยู่ตรงนั้น กลับทำให้คนรู้สึกมั่นคงดั่งขุนเขา

ภาพลวงตาเช่นนี้ ทำให้คนที่ผลการฝึกตนไม่เพียงพอ รู้สึกหายใจรุนแรง

ในโรงชา ลู่เฮ่าหรานตาเป็นประกาย พูดออกมาว่า “ท่าทางดีนะ ลู่ฝานเป็นวิชากระบี่ตั้งแต่ตอนไหน เมื่อคืนฉันลืมถามเขาว่าเอากระบี่ใหญ่ด้านหลังมาจากไหน”

เจ้าดำที่ติดตามข้างกายลู่ฝาน เดินมาข้างๆ อย่างเชื่อฟัง ตอนลู่ฝานสะบัดกระบี่หนักในมือ อันตรายเป็นอย่างมาก

เจ้าดำที่แสนฉลาด รู้จุดนี้เป็นอย่างดี จึงหลบไปก่อน

สีหน้าของน่าหลานรั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยังไม่ทันได้ออกกระบวนท่า กลับทำให้คนรู้สึกกดดัน พรสวรรค์ของเด็กคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ นี่ถ้าเข้าไปในสถาบันสอนวิชาบู๊ พละกำลังยกระดับขึ้นมา ไม่แน่อาจฝึกการกดดันออกมาได้ก่อนเป็นการปลดปล่อยพลังปราณ

น่าหลานรั่วรู้สึกเสียใจนิดหน่อย อัจฉริยะเช่นนี้ แค่ฝึกตามขั้นตอน ถึงไม่ได้เข้าสถาบันสอนวิชาบู๊ ความสำเร็จในอนาคต ก็ไม่ด้อยกว่าเขาแน่นอน

ถ้าผ่านไปอีกไม่กี่ปี แล้วมาหาเรื่องเขาอีกครั้ง เขาจะทำอย่างไรดี

น่าหลานรั่วอดไม่ได้ที่จะเพิ่มพลังปราณบนแขนอีกบางส่วน ดูเหมือนต้องสร้างอะไรให้ลู่ฝานจดจำเสียหน่อย ในเมื่อตัดสินใจจะล่วงเกินแล้ว ทำลายความสามารถของอีกฝ่ายด้วยเลยละกัน

คิดได้เช่นนี้ น่าหลานรั่วพูดเสียงก้อง “ลู่ฝาน รับกระบวนท่าแรกของฉันไปซะ”

พูดจบ น่าหลานรั่วยกมือขึ้น โจมตีลู่ฝานด้วยหมัด

ทั้งสองคนห่างกันร้อยฟุต หมัดของน่าหลานรั่วชกใส่อากาศ แต่กลับทำให้เสื้อผ้าบนตัวลู่ฝาน เกิดเสียงดังพึ่บพั่บ

ในฐานะที่เป็นนักบู๊แดนปราณในชั้นเก้า แม้จะไม่ถึงขั้นที่ปล่อยพลังปราณออกมาข้างนอกได้ แต่หมัดเดียวมีพละกำลังทะลุทะลวง ทำร้ายคู่ต่อสู้กลางอากาศ

วินาทีต่อมา พลังหมัดอันแข็งแกร่ง กระทบลงบนตัวลู่ฝาน

ทั้งตัวลู่ฝานมีแสงสว่างขึ้นมา พลังปราณปลดปล่อยออกมาภายนอก พลิกมือฟาดกระบี่ลงไป

วิชากระบี่หนักท่าที่หนึ่ง สายลมทำลาย!

ทันใดนั้น มีเสียงเหมือนแก๊สระเบิดดังขึ้นในอากาศ ลู่ฝานฟันกระบี่ลงไป ทำลายพลังหมัดของน่าหลานรั่วทันที

ฝ่าเท้าจมลงไปในพื้นดินลึก กระบี่หนักกระแทกลงบนพื้น จนเกิดเสียงอึกทึก

ทันใดนั้น ทุกคนรู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านมา ลู่ฝานที่อยู่ในลานกว้าง สามารถรับกระบวนท่าแรก ได้อย่างปลอดภัย

“เป็นไปไม่ได้!”

โม่เทียนพูดอย่างตกใจ กระบี่นี่ของลู่ฝาน ดูเหมือนธรรมดา แต่แฝงไปด้วยความลึกลับ

โม่เทียนดูออกว่ากระบี่ของลู่ฝานไม่ธรรมดา ไม่ใช่เพลงกระบี่ทั่วไปแน่นอน ฟาดลงไปเพียงกระบี่เดียว ทำให้นักบู๊แดนปราณในชั้นเก้าอย่างน่าหลานรั่ว ไม่สามารถทำอะไรเขาได้

ลานกว้างเต็มไปด้วยความเงียบ แค่กระบี่เดียว สามารถพิสูจน์พละกำลังของลู่ฝานได้แล้ว

ปราณชี่ที่เหมือนเปลวเพลิง ปกคลุมตัวเอาไว้ ลู่ฝานไม่กลัวว่าจะมีคนรู้จักปราณชี่ของเขา เพราะดูจากภายนอก ปราณชี่กับพลังปราณของเขา ต่างกันไม่มาก แค่เหมือนเปลวไฟเท่านั้น

ขนาดหวูเฉินอาจารย์ของเขา ยังพูดเลยว่า แม้ว่าจะใช้ นักบู๊แดนหยินหยางลงไป ไม่มีทางดูออก เว้นเสียแต่เจอนักบู๊แดนหยินหยางขึ้นไป อาจมองความไม่ธรรมดาของปราณชี่เขาออก