บทที่ 120 ซางกวนฮ่าวหยาง

ราชาซากศพ

บทที่ 120
ซางกวนฮ่าวหยาง

“อืม! ตอนนี้ข้าอยู่ในขั้นปฐพี” หลินเว่ยพยักหน้าและบ่งบอกว่าเขาไม่ได้กังวลกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เนื่องจากเขาจะต้องเร่งฝึกฝนให้สูงขึ้นไปกว่านี้ แม้จะก้าวหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็เถอะ

“ขั้นปฐพีช่วงปลาย! โชคดี ข้ากังวลมากเกินไปว่าเจ้าจะถูกกลืนกิน แต่ขั้นพลังนี้นับว่าน้อย เมื่อสามารถสำเร็จได้ถึงขั้นสวรรค์ ข้าก็วางใจได้ “เมื่อได้ยินคำตอบของหลินเว่ย ซางกวนฮ่าวหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที และกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ดูเหมือนอาจารย์คนนี้จะไม่เลว” เมื่อเห็นว่าไม่มีรอยยิ้มเสแสร้งบนใบหน้าของเขา หลินเว่ยก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ และรับรู้ถึงความจริงใจที่หายไปนานก็ปรากฏขึ้น

“อืม! นั่นคือเหตุผลที่ข้ามาที่สถานศึกษาเทียนหยู เพื่อค้นหาความก้าวหน้า” หลินเว่ยพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อืม! ข้าเข้าใจแล้ว วันนี้เจ้าไปพักผ่อน พรุ่งนี้ข้าจะให้ใครบางคนพาเจ้าไปลงรายชื่อและรับป้ายตัวตนของเจ้า ด้วยวิธีนี้เจ้าจะสามารถเข้าสู่หอคอยวิญญาณจักรพรรดิเพื่อฝึกฝนได้” ซางกวนฮ่าวหยางพยักหน้าและกล่าวขึ้น

หอคอยวิญญาณจักรพรรดิ? หลินเว่ยถามอย่างสงสัย
“ใช่…มีสถูปอยู่ที่ลานด้านใน ซึ่งสามารถเพิ่มระดับจิตวิญญาณที่ต่ำกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ได้” ซางกวนฮ่าวหยางพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“มันจะสามารถเพิ่มระดับความแข็งแกร่งได้หรือไม่” เมื่อได้ยินคำพูดของซางกวนฮ่าวหยาง ใบหน้าของหลินเว่ยก็แสดงความตกใจและถามอย่างรีบร้อน

“แน่นอนว่ามีหอคอยวิญญาณจักรพรรดิเพียงสองแห่งในอาณาจักรเฝิงหยู่ หนึ่งอยู่ที่นี่และอีกแห่งอยู่ในสถานศึกษาราชวงศ์เฟิ่งหยูู” ซางกวนฮ่าวหยางพยักหน้า และกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

“ข้าเข้าใจแล้ว” หลินเว่ยพยักหน้าและกล่าว
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะ! เจ้าต้องจัดการอาหารการกินด้วยตนเอง มีโรงครัวในสถานศึกษาเทียนหยู ซึ่งอยู่ในแผนที่ของสถานศึกษาเทียนหยู ที่อยู่ในแหวนมิติที่ข้าใส่เอาไว้ให้ ไม่มีอะไรแล้วเจ้าสามารถออกไปได้ และเที่ยวชมบริเวณรอบ ๆ “ซางกวนฮ่าวหยางกล่าว

“ขอรับ อาจารย์!” หลินเว่ยโค้งคำนับ แล้วหันไปทางห้องที่ซางกวนฮ่าวหยางจัดให้เขา

เมื่อเขาเดินมาถึงประตูห้อง หลินเว่ยก็ผลักประตูเข้าไปทันที หลังจากมองดูเล็กน้อย เขาก็หันไปปิดประตูลงกลอน

การตกแต่งในห้องหับนั้นเรียบง่ายมาก มีเพียงเตียงเดียวและชุดโต๊ะเก้าอี้ ดูเหมือนว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ในนั้นมานานแล้ว
เมื่อคิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ไปอีกนาน หลินเว่ยจึงเอาน้ำและเศษผ้าออกมาเช็ดอย่างระมัดระวัง และสุดท้ายก็วางชุดเครื่องนอนใหม่ลงบนเตียง

หลังจากเสร็จสิ้น หลินเว่ยก็ปล่อยเสี่ยวไป๋และเสี่ยวหลง ไปหาสถานที่ฝึกซ้อมด้วยตัวเอง ในขณะที่เขานอนอยู่บนเตียงและตรวจสอบสิ่งของภายในแหวนมิติ

แหวนมิตินี้มีพื้นที่กว้างขวาง ไม่เช่นนั้นซางกวนฮ่าวหยางจะไม่มอบมันให้เขา

มีสิ่งอยู่ในแหวนมิติไม่มากเท่าใดนัก มีอาวุธทั้งหมดสองชนิด ซึ่งทั้งสองเป็นอาวุธวิญญาณ ป้ายหยกสองชิ้น และหินหยวนหนึ่งร้อยก้อน

หลินเว่ยมีอาวุธจิตวิญญาณสองชิ้นดาบหนึ่งเล่มและชุดต่อสู้หนังสัตว์หนึ่งชุด พวกมันทั้งหมดเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูงและอาวุธวิญญาณคุณภาพสูงสองชิ้น โดยธรรมชาติแล้วหลินเว่ยได้ขบคิดและเปลี่ยนมาสวมอาวุธวิญญาณทั้งสองชิ้นนี้
หลังจากนั้น หลินเว่ยเก็บหินหยวนจำนวน 100 ก้อนเอาไว้เนื่องจากเป็นหินหยวนชั้นดี 100 ชิ้น ซึ่งมีค่ามาก แต่ละชิ้นเทียบเท่ากับหินหยวนระดับต่ำ 10,000 ชิ้น

หลินเว่ยไม่เข้าใจป้ายหยกสองชิ้นที่เหลือ เขาทดลองใช้พลังจิต และพลังวิญญาณแล้วไม่ได้ผล หลังจากนั้น เขาลองใช้จิตสำนึกของตนเอง เพ่งมองป้ายหยกในมือ

จากนั้นเขาพบว่า เนื้อหาที่บันทึกไว้ในป้ายหยกจะสะท้อนอยู่ในจิตใจ ป้ายหยกสองชิ้นนี้คือแผนที่ของสถานศึกษาเทียนหยู และเคล็ดวิชาการฝึกฝนพลังวิญญาณเทียนหยูจื่อ

หลินเว่ยมีพลังวิญญาณอยู่แล้ว ฉะนั้นเขาจึงไม่ฝึกฝนมันอีก ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเคล็ดลับการฝึกฝนพลังของเทียนหยูจื่อ

ในคืนนั้น หลินเว่ยก็เล่าเรื่องให้ชายชราหมิงฟังเกี่ยวกับการเข้าศึกษาที่เทียนหยู ชายชราหมิงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชาและไม่ใส่ใจ เขากล่าวว่าตราบใดที่หลินเว่ยสามารถเลื่อนระดับได้รวดเร็วก็ทำไปเถอะ
หลินเว่ยตื่นนอนในยามเช้า เขาผลักประตูออกไป พบท้องฟ้าที่มีแสงแดดจ้า ส่องประกายแววตาของหลินเว่ย

“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าตื่นแล้ว มากับข้า” ขณะที่หลินเว่ยเอื้อมมือมาปิดตาจากแสงแดดที่ส่องเข้ามาในดวงตา พลันได้ยินเสียงของหญิงสาวที่ชัดเจนและเย็นชา ลอยเข้ามาในหูของหลินเว่ย

เมื่อได้ยินเสียงนี้หลินเว่ยก็ตกใจ หลังจากที่เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อหลบแสงแดด เขาก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้น เป็นเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่บนก้อนหิน

เมื่อเห็นท่าทางของผู้หญิงคนนั้น หลินเว่ยก็รู้สึกแปลกใจ หลินเว่ยไม่เคยพบใครที่เรียกได้ว่างดงาม ยกเว้นซูเหมยในเมืองเฮยสุ่ย เมื่อเทียบกับนางแล้ว แม้จะด้อยกว่าซูเหมย แต่ในแง่ของรูปร่างนางอาจยังเด็กเกินไป จึงไม่สามารถรับรู้ได้

“เจ้ามองอะไร! ห้ามมองข้า ไม่รู้ว่าอาจารย์ รับเจ้ามาเป็นศิษย์ได้อย่างไร” เมื่อหญิงสาวเห็นหลินเว่ยมองนาง นางก็แผดเสียงไม่พอใจ รู้สึกราวกับเขาหลินเว่ยกำลังสำรวจนางอย่างทะลุปรุโปร่ง จากนั้นนางก็ขมวดคิ้วและดวงตาฉายแววรังเกียจ
นางกล่าวด้วยความไม่พอใจ

เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย หลินเว่ยก็ยักไหล่และแสดงสีหน้าเฉยเมย เขาเดินขึ้นไปบนเนินหิน เอียงศีรษะแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นใคร?ทำไมข้าต้องไปกับเจ้า! ข้าไม่ใช่คนโง่

เมื่ออีกฝ่ายเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับอาจารย์ของนาง หลินเว่ยก็รู้ความสัมพันธ์ระหว่างนาง กับซางกวนฮ่าวหยางแล้ว อย่างไรก็ตาม หลินเว่ยไม่ได้ใส่ใจกับมัน เรื่องใหญ่คือ ซางกวนฮ่าวหยางทำลายความสัมพันธ์ดีงามระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน

ด้วยความสามารถของเขาที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ มีคนมากมายที่ขอให้เขารับเป็นอาจารย์

“ฮึ่ม! ข้าคือซางกวนหรูผิง อาจารย์ขอให้ข้าพาเจ้าไปลงรายชื่อ รับแผ่นป้ายเข้าหอคอยวิญญาณจักรพรรดิจะไปหรือไม่?” เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจของหลินเว่ย ซางกวนหรูผิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามระงับความโกรธของนาง มองไปที่หลินเว่ยด้วยใบหน้าที่เย็นชาและกล่าวแนะนำตนเอง “หลังจากนั้นนางก็หันกลับไป และจากไปโดยไม่มีเวลาให้หลินเว่ยพิจารณา

“เดี๋ยว ข้าเป็นลูกศิษย์ของปู่เจ้า เจ้าควรเรียกข้าว่าศิษย์น้อง” เมื่อหลินเว่ยเห็นซางกวนหรูผิงเดินหนีไป เขารีบลุกขึ้นเดินตาม และแกล้งคนอื่นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

“ …… !”
“ฮึ่ม! ถ้าเจ้าพูดอีกครั้ง ข้าจะสังหารเจ้าซะ” เมื่อเห็น หลินเว่ยใช้ประโยชน์จากฐานะตนเอง ช่างกวนหรูผิงก็หยุดชะงัก หันหน้าไปมองหลินเว่ย นางพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม พร้อมร่องรอยเจตนาสังหาร

“อืม! เอาล่ะเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย หลินเว่ยก็ถูจมูกของเขาและกางมือออก ว่าตนเองนั้นบริสุทธิ์ใจ หลังจากนั้น หลินเว่ยก็ไม่ล้อเลียนนางอีกต่อไป

เมื่อเห็น หลินเว่ยไม่พูดอีกต่อไป ซางกวนหรูผิงก็หันกลับมาและเดินหน้าต่อไป
ที่อยู่อาศัยของซางกวนฮ่าวหยาง อยู่ห่างไกลจากผู้อื่นเล็กน้อย หลินเว่ยแทบไม่พบใครระหว่างทาง จนกระทั่งเขาออกจากป่า และเดินไปได้ระยะหนึ่ง หลินเว่ยก็เริ่มเห็นศิษย์คนอื่น ๆ