อวี๋หมิงหลางที่ดื่มเข้าไปเยอะได้แสดงให้เห็นว่าแรงดีไม่มีตก ไร้ความปราณี ไร้ซึ่งความอาย นับตั้งแต่เข้าประตูเขาก็ไม่ได้หยุดนิ่ง
ใช้ไปกี่ท่วงท่า เปลี่ยนไปกี่จุด เสี่ยวเชี่ยนจำไม่ได้
เสื้อผ้าของพวกเขาถอดเรี่ยราดมาตามทางนับตั้งแต่เข้าบ้านมาไล่ไปจนถึงชั้นบน กระดาษทิชชู่ใช้ไปจำนวนหนึ่ง ถุงยางใช้ไปสองกล่อง—แน่นอนว่าอวี๋หมิงหลางไม่ยอมรับว่าใช้ไปสองกล่อง เขาพูดอย่างหน้าไม่อายว่ามีครึ่งกล่องที่เหลือจากคราวที่แล้ว ดังนั้นจะนับเต็มไม่ได้ อีกทั้งกล่องที่ซื้อมาใหม่ก็เป็นแบบที่มีไม่กี่อัน เน้นคุณภาพมากกว่า
เหตุผลนี้แถสุดๆ
เล่นเอาเสี่ยวเชี่ยนตื่นขึ้นมารู้สึกเหมือนเพิ่งถูกรถบรรทุกทับร่าง
ห้องถูกเก็บกวาดสะอาดแล้ว สนามรบที่เละเทะเป็นระเบียบเรียบร้อย อวี๋หมิงหลางกำลังนั่งเช็ดกระจกที่ระเบียง บนกระจกมีนิ้วมือที่เธอทิ้งไว้เมื่อคืน ถูกแทนที่ด้วยรอยน้ำจากผ้าขี้ริ้ว เช็ดรอยที่กระจกทิ้งไปแต่รอยในใจนั้นยังคงอยู่
เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นรอยที่กระจก และก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นรอยข่วนที่หลังเปลือยๆของเขา
ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ เมื่อคืนเธอดื่มเยอะเกินไป
ใช่ นี่เป็นข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบมาก เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าเอาแบบนี้แหละ ดูมีเหตุผลและแนบเนียนสุดๆ
แต่พอมาคิดดูจะทำยังไงให้แนบเนียน อันที่จริงมันก็คือการแถ ก็แค่ประธานเชี่ยนไม่อยากยอมรับก็แค่นั้น
คล้ายกับอวี๋หมิงหลางรู้สึกได้ถึงสายตาเธอจึงหันไปมอง แล้วยิ้มแฉ่งให้เธอดุจดอกไม้บาน
หลังจากผ่านศึกอย่างหนักหน่วงเมื่อคืน เสี่ยวเชี่ยนจะไม่ถูกภาพลักษณ์หมาฮัสกี้จอมทึ่มของตานี่ลวงตาอีกต่อไป ต่อให้เขายิ้มแฉ่งเหมือนดอกลำโพง เธอก็รู้ได้ทันทีว่าดอกไม้นี้กินคน กินจริงๆ ไม่มีตรงไหนไม่กิน…
“ลูกเชี่ยน ตื่นแล้วเหรอ~” เขาเดินไปหาเธอ อ่อนโยนดูเป็นผู้ชายที่เอาใจใส่สุดๆ แต่สายตาเสี่ยวเชี่ยนมองไปที่อื่น เอาผ้าห่มห่อตัวอย่างระแวงแล้วรีบซุกตัวเข้าหากำแพง แค่ขยับก็ร้าวไปทั้งตัว
“หยุดอยู่ตรงหน้าห้ามขยับ” เธอไม่อยากทำแล้ว อย่างน้อยก็ต้องให้เธอพักบ้างสิ เล่นวัดกำลังกับทหารหน่วยรบพิเศษแบบนี้ นี่มันเหมือนเอารถมาทับกันชัดๆ
แต่เขาแรงดีมากจริงๆ อุ้มเธอเดินได้ตั้งไกล…แค่กๆ ห้ามคิดฟุ้งซ่าน จริงจังหน่อย นี่สร่างเมาแล้วนะ
“คือว่าผม—” อันที่จริงอวี๋หมิงหลางก็อยากแสดงออกถึงความเป็นสุภาพบุรุษ แต่น้องชายของเขากลับไม่รู้จักพอ ขายเขาซะงั้น
เขามองอย่างอายๆ จากนั้นก็คิดเหตุผลที่หน้าไม่อายขึ้นมาได้
“ผมยังไม่สร่างเมาเลย ใช่ นี่มันเป็นอาการหลังเมา”
เขาทำหน้ารู้สึกผิด “เหล้าเป็นตัวทำลายมนุษย์ ผมจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้แล้ว อาการในตอนนี้เป็นความผิดของฤทธิ์แอลกอฮอล์ทั้งนั้น คนโบราณยังพลาดพลั้งเพราะเหล้า ทุกอย่างเป็นความผิดของเหล้า”
พูดไปก็จ้องขาขาวๆของเสี่ยวเชี่ยนที่โผล่ออกมา จ้องแล้วจ้องอีก มือก็พุ่งไปทางที่สายตามองอย่างควบคุมไม่ได้ ไปที่ไหนต้องยึดครองที่นั่น ถูกต้องแล้ว—อวี๋หมิงหลางคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะยังไม่สร่างเมา
เดิมเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้อยากแฉข้ออ้างหน้าด้านๆของเขาหรอก แต่มือของเขาซุกซนเหลือเกิน จนเธอทนไม่ไหว
“คนที่ดื่มจนเมาจริงๆเขามีอาการแบบนายเมื่อคืนเหรอ?”
ตอนนี้เธอสงสัยอย่างรุนแรงว่าอวี๋หมิงหลางในชาติที่แล้วหลอกให้เธอหลงกลหรือเปล่า จริงๆเขาไม่ได้คออ่อนขนาดนั้น
ดูจากท่าทางของเขาเมื่อคืน ระหว่างเธอกับเขาใครคอแข็งกว่ากันบอกได้ยากมาก เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าจะให้เขาดื่มต่อก็ไม่มีปัญหา
มือของอวี๋หมิงหลางไม่ได้ล่าถอยเลยแม้แต่น้อย เธอตีมือก็แล้วเขาก็ยังคงลูบต่อ อันนี้โทษเขาไม่ได้ ใครใช้ให้ผิวเธอนุ่มลื่นดึงดูดได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะผิวขาวๆที่ถูกเขาแต่งแต้มสีสันเข้าไปเป็นจุดๆ นายเสี่ยวเฉียงรู้สึกว่าเรื่องนี้ตำหนิเขาไม่ได้ ต้องโทษที่เธอมีเสน่ห์มากเกินไป
“ก็ผมเมา ตอนนี้ก็ยังเมา—” ถูกดวงตาสุกใสของเธอจ้องมองจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง “ไม่ใช่เพราะเหล้า เพราะคุณทำให้ผมลุ่มหลง”
“…ดังนั้น มือนาย?” เธอตีมือเขาอย่างหมดคำจะพูด เขาเอามือออกจากขาเธออย่างเสียดายแล้วย้ายไปด้านบน
“นี่เป็นอาการปกติหลังดื่มเหล้าที่ควบคุมไม่ได้ เบบี๋คุณเหนื่อยหรือเปล่า อืม คุณไม่เหนื่อย ดังนั้นพวกเราเอาอีกรอบดีไหม…”
“……” ไอ้คนหน้าด้าน เอาปากหื่นกระหายของนายออกจากปากฉันเดี๋ยวนี้ เก่งจริงก็ให้ฉันพูดก่อนเซ่
แต่ไม่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะร่ำร้องอยู่ในใจดังแค่ไหนก็เอาชนะจิตใจแน่วแน่ของคนบางคนไม่ได้
นายเสี่ยวเฉียงเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อร่างกายของตัวเอง แต่ก็เป็นคนรู้จักดื่มดำกับความงาม ไม่ว่าเสี่ยวเฉียงน้อยจะร่ำร้องอยากเจอเสียวเหม่ยน้อยมากแค่ไหน เขาก็ยังต้องแสร้งทำตัวเป็นคนมีลวดลายก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติอย่างเป็นทางการ ใช้ข้ออ้างในการนวดให้ตัวเองได้ระลึกถึงท่วงท่าลีลาแต่ละจุดเมื่อคืน—เมื่อคืนเสี่ยวเชี่ยนเหนื่อยเสียจนตะโกนว่าเขาว่าเป็นสัตว์
เสี่ยวเฉียงที่เป็นสัตว์ร้ายในคราบสุภาพบุรุษย้ายจากช่วงล่างขึ้นมาช่วงบน เขานั่งคุกเข่าบนขาเธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนสุดๆ สองมือนวดให้เธอด้วยแรงที่กำลังพอเหมาะ
เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา เธอหลับตาด้วยความรู้สึกสบาย เอาหน้าซุกกับหมอนของเขา
เห็นแก่ที่ยังมีความเห็นใจกันอยู่บ้าง รู้จักดูแลรักษาหลังจากที่ใช้งานหนักจนเกินไป เขานวดเก่งจริงๆ รู้สึกว่าความเจ็บปวดบรรเทาลงไปไม่น้อย
ภายในห้องไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับรู้สึกเหมือนเป็นปลาที่ถูกวางในกระทะ ร่างกายมีไฟอุ่นๆโอบล้อม พยายามทำให้เธอกรอบนอกนุ่มใน และมือใหญ่ๆของตาบ้านี่ก็กำลังจับเธอพลิกไปพลิกมา ตอนแรกก็ตั้งใจนวดอยู่หรอก แต่สักพักไม่รู้นวดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
เอาจมูกเข้ามาแถวหน้าบ่อยๆ เพียรถามความรู้สึกอยู่ตลอด
“เบบี๋แบบนี้โอเคไหม?”
“อืม…”
“แล้วแบบนี้ล่ะ?”
“อืม ได้อยู่ หนุ่มน้อยทำดีมาก เดี๋ยวเจ๊ให้ทิปห้าเหมา”
อวี๋หมิงหลางเลิ่กคิ้ว คิดว่าให้ห้าเหมาก็ไล่เขาไปได้?
เสี่ยวเชี่ยนลืมตา เหล่มองเขา “น้อยไปเหรองั้นเอาไปอีกห้าเหมา”
เธอน่ะพยายามแสดงออกด้วยสายตาดูถูกกับการฉวยโอกาสของเขา แต่สายตานั้นอวี๋หมิงหลางกลับมองว่ามันคือการยั่วยวน เป็นสัญญาณปลุกเสี่ยวเฉียงน้อยให้คืนชีพ
เกิดเป็นชายจะทำให้เมียร้องเรียกโดยเสียเปล่าไม่ได้
“เดินหน้าไม่ถอย เข้าไปอย่างกล้าหาญ” แหม่ ยังจะมีตะโกนคำขวัญปลุกใจ
เสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันจะได้คิดอะไรก็รู้สึกว่าผ้าห่มที่อยู่บนตัวถูกกระชากออก จากนั้น—
เธอถลึงตามอง เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เบบี๋ ผมจะบริการประชาชนแล้วนะ วางใจได้ ผมจะไม่ปริปากบ่นแม้แต่น้อย เงินก็ไม่เอา แถมบริการเสริมอีกเพียบ..ฮี่ๆๆ”
“ออกไป๊”