ตอนที่ 537 วางแผนเจ้าเล่ห์

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

วันที่ฟ้าหม่น ไร้ซึ่งแสงแดด ลมพัดแรง ความหนาวเย็นจากด้านนอกไม่ได้ส่งผลต่อคนที่อยู่ในบ้าน เพราะการออกกำลังอย่างเข้ากันได้สร้างพลังงานเป็นอย่างมาก นิ้วเรียวสวยขยำผ้าปูที่นอน เม็ดเหงื่อหยดลงดั่งไข่มุกวาวใส แยกไม่ออกว่าเป็นของเขาหรือของเธอ 

 

 

เมื่อลมข้างนอกสงบลง ท่วงทำนองในบ้านก็ผ่อนเบาลง 

 

 

อวี๋หมิงหลางลุกขึ้นแล้วจูบลงบนเปลือกตาของเธออย่างเสียดาย แต่กลับถูกเธอตบเข้าให้ 

 

 

“ออกไป…ฉันง่วง” 

 

 

อวี๋หมิงหลางเบ้ปาก “ผมเพิ่งพบว่าผู้หญิงนี่ใจดำจริงๆ ใช้เสร็จก็ทิ้ง” 

 

 

 แบบไหนที่เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือ พอดึงออกก็ไร้เยื่อใย ดูท่าทางของเธอตอนนี้ก็รู้ 

 

 

เมื่อกี้ยังนัวเนียไม่อยากให้เขาหยุดอยู่เลย เขาอุตส่าห์พยายามปรนนิบัติเธอเต็มที่ แล้วดูสิ เปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วอะไรขนาดนี้ 

 

 

“ถ้ายังไม่เลิกบ่นต่อไปจะไม่ใช้แล้ว…” เธอหลับตาพูดอย่างรำคาญ ไม่รู้ว่าตัวเองละเมอหรือเปล่าด้วยซ้ำ 

 

 

อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่าพวกนิทานหลอกกันชัดๆ 

 

 

จากข้อมูลที่เขาไปสืบค้นมาก็เขียนไว้อย่างชัดเจน หลังจากเสร็จกิจแล้วต้องลูบอย่างทะนุถนอม อีกทั้งยังต้องปลอบประโลมด้วยคำพูด ปรากฏว่าเธอดึงผ้าห่มมาคลุมแล้วนอนทันที อีกทั้งยังหันหลังให้เขาอย่างไม่ใยดี 

 

 

แทบไม่อยากพูดกับเขาสักประโยคเลยด้วยซ้ำ นี่ถ้าเป็นสมัยโบราณ เขาคงเป็นสนมที่ปรนนิบัติในห้องบรรทม ส่วนเธอเป็นฮ่องเต้ที่แสนใจดำ เสร็จธุระก็เตะออกจากห้อง… 

 

 

“ลูกเชี่ยน กินซาลาเปาหรือข้าวดี? ให้ผมซื้ออะไรกลับมาให้กิน?” 

 

 

“มือน่ะมีไว้ใช้กับเรื่องอย่างว่าแค่นั้นเหรอไง? ทำเองไม่เป็นเหรอ…” 

 

 

ขนาดหลับตายังสั่งคนอื่นได้คล่องขนาดนี้ อวี๋หมิงหลางมองเธอนอนสั่งอย่างขี้เกียจ ในใจทั้งโมโหทั้งรู้สึกว่าน่ารัก รู้สึกว่าเบบี๋ของเขาให้มองยังไงก็ไม่พอ หลับตาก็ยังน่ารัก อยากจะเอามือไปลูบอีกจัง 

 

 

“ถ้านายยังกล้าเอาสัตว์เข้ามาสิงร่าง คืนนี้ฉันจะลงโทษให้นอนที่พื้น ไปเลย รีบออกไป” 

 

 

อวี๋หมิงหลางรีบเบรกมือ ชักมือกลับอย่างเคืองๆ 

 

 

ถ้าลูบแล้วต้องถูกลงโทษนอนที่พื้นแบบนั้นไม่คุ้มเลย ช่างเถอะเป็นลูกผู้ชายอดทนก็ได้ อย่างไรเสียพอถึงตอนค่ำ…คิคิคิ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนขนาดหลับตายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลามก เธอลืมตาขึ้นครึ่งหนึ่งมองเขา อวี๋หมิงหลางรีบหยุดความคิดฟุ้งซ่านแล้วยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนสุดๆ 

 

 

“พะย่ะค่ะ เชิญฝ่าบาทบรรทมต่อ หม่อมฉันทำเครื่องเสวยพระกระยาหารเย็นเสร็จแล้วจะมาเรียก หลังเสวยเสร็จก็จะมาปรนนิบัติในห้องบรรทมต่อ—” อวี๋หมิงหลางหลบหมอนที่เสี่ยวเชี่ยนปามา แล้วเดินฮัมเพลงออกไป 

 

 

รถยังจอดอยู่ที่ร้านเจิ้งซวี่ ไปเอารถกลับมา จากนั้นก็ไปจ่ายตลาดมาทำกับข้าว ปรนนิบัติฮองเฮาของเขา 

 

 

ก่อนหลับเสี่ยวเชี่ยนยังไม่วายจะบ่นเขาก่อน “ฮองเฮาบ้าบออะไร ทำอย่างกับฉันเป็นบูเช็กเทียน…” 

 

 

ต่อให้เธอเป็นฮ่องเต้หญิงจริงๆก็ไม่มีทางเลี้ยงต้อยแบบนี้หรอก นี่ไม่รู้ใครปรนนิบัติใครกันแน่ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนอนหลับสบาย แล้วตื่นตอนที่มีกลิ่นหอมๆโชยมา 

 

 

เธอหาวแล้วเดินตามกลิ่นลงมาจากชั้นบน อวี๋หมิงหลางกำลังทำแกงเผ็ดปลา ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของพริก 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปโอบเอวเขาเหมือนเป็นฝาแฝดตัวติดกัน 

 

 

“หอมจัง~” 

 

 

มือของเขาข้างหนึ่งช้อนเนื้อปลาขึ้นมา ส่วนมืออีกข้างโอบเสี่ยวเชี่ยน พอเห็นเธอสวมเสื้อเชิ้ตของเขาสายตาก็เปลี่ยนไปทันที 

 

 

ในห้องครัวก็น่าลองนะ~ 

 

 

“ถ้านายกล้ายุ่งกับฉันก่อนที่ฉันจะกินอิ่มนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอล่ะก็ คืนนี้นอนที่พื้นได้เลย” 

 

 

ก็ได้ ห้องครัวรวมถึงห้องอื่นๆไว้คราวหน้าก็ได้ อวี๋หมิงหลางเองก็รู้ว่าตัวเองใช้งานเธอโหดเกินไป เล่นเอาเธอกลัว 

 

 

“รอคืนนี้ค่อยคิดบัญชีทีเดียว” เขาจูบหน้าผากเธอด้วยความรัก แล้วตั้งใจทำกับข้าวต่อ 

 

 

ผู้ชายที่ทำอาหารเป็นล้วนเป็นดั่งเทพบุตร นับตั้งแต่อวี๋หมิงหลางรู้ว่าตัวเองได้มือทำลายล้างห้องครัวมาเป็นแฟน ฝีมือทำอาหารของเขาจากที่ทำเป็นแต่ง่ายๆก็พัฒนาทำอาหารยากๆได้ 

 

 

เขาใช้มือข้างเดียวจับกระทะแล้วเอาเม็ดพริกหมาล่ากับพริกสดโยนลงไปในกระทะที่น้ำมันร้อนๆ มีเสียงซู่ซ่าตามมาด้วยกลิ่นหอม แต่งตัวธรรมดาๆยืนทำอาหารด้วยกัน นี่แหละความรู้สึกของครอบครัว 

 

 

อาจเป็นเพราะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังมีน้อยมาก ดังนั้นในช่วงเวลาสั้นๆที่ได้อยู่ด้วยกันจึงรู้สึกดีสุดๆ เสี่ยวเชี่ยนกินได้เยอะกว่าตอนปกติ — แน่นอนว่าก็อาจเป็นเพราะใช้พลังไปเยอะเลยรู้สึกหิว 

 

 

อวี๋หมิงหลางนั่งเท้าคางมองดูเธอกิน “ผมว่าถ้าผมอยู่บ้านบ่อยๆไม่แน่คุณอาจอ้วนเหมือนคุณนน้าก็ได้นะ” 

 

 

มือของเสี่ยวเชี่ยนที่จับตะเกียบอยู่หยุดชะงัก อวี๋หมิงหลางยังไม่รู้สึกว่าตัวเองๆได้แหย่รังแตนเข้าแล้ว ยังคงชมเจี่ยซิ่วฟางไม่หยุด 

 

 

“พออายุเยอะขึ้นมีเนื้อหน่อยๆกำลังดี ผมว่าคุณน้าดูมีสง่าราศีมากกว่าแม่ผมอีก พอคุณอายุเท่านั้นผมจะขุนคุณให้อ้วน สัมผัสคงกำลังดี” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกินไม่ลงอีกต่อไป 

 

 

เธอวางชามลงแล้วมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย พอคิดได้ว่าโกรธผู้ชายที่ยังไม่รู้ตัวว่าผิดแบบนี้ไปก็เปลืองพลังชีวิต เธอจึงลองจินตนาการว่าอีกหลายสิบปีให้หลังอวี๋หมิงหลางหัวล้านมีพุงพลุ้ยๆแล้วก็รู้สึกเจริญอาหารขึ้นเยอะ 

 

 

“ต่อไปนายทำอาหารสองชุด ตัวนายกินข้าวหมูทอด ส่วนฉันกินพวกธัญพืช จากนั้นนายก็กินพวกอาหารที่มีฮอร์โมนเพศชายเยอะๆหน่อย” 

 

 

อวี๋หมิงหลางเบ่งกล้ามด้วยความสงสัย กล้ามของเขาขึ้นเป็นมัดๆ 

 

 

“คุณอยากขุนให้ผมมีพลังเยอะๆเหรอ?” เขารู้สึกว่าตัวเองพละกำลังดีอยู่แล้ว อุ้มเธอเดินไปทั่วเลยยังได้ 

 

 

“ไม่ใช่ ฉันคิดว่าแบบนั้นจะทำให้นายหัวล้านพุงยื่นได้ สัมผัสคงกำลังดี” เธอทำท่าเหมือนกำลังตีหัวเขา เมื่อชาติที่แล้วตอนเจอกันเขาก็เริ่มเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ไม่ได้แตกต่างจากตอนนี้เท่าไร 

 

 

ดังนั้นความคิดชั่วร้ายแบบนี้เธอก็ได้แค่คิดเท่านั้น ตอนแก่เขาก็คงเป็นเหมือนพลตรีอวี๋ที่ดูไม่แก่เท่าไร 

 

 

“…คุณนี่โหดร้ายจริง” 

 

 

“งั้นนายอยากให้ฉันอ้วนเจ็ดสิบโลไม่โหดร้ายเหรอ?” 

 

 

“ก็ได้ๆ อ้วนนิดหน่อยก็พอแล้ว มาๆๆ กินเนื้อหน่อยนะ” 

 

 

เขาคีบเนื้อให้เสี่ยวเชี่ยนด้วยท่าทางเอาใจสุดๆ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนถึงได้กินต่ออย่างพอใจ 

 

 

“เดี๋ยวคืนนี้พี่จะป้อนเนื้อชิ้นใหญ่ๆให้เลยนะ~ ปากน้อยๆของเธอรับรองกินได้เต็มคำ” 

 

 

“แค่กๆ” เสี่ยวเชี่ยนสำลัก 

 

 

“ผมหมายถึงคืนนี้ไปกินแพะย่างกัน คุณคิดไปถึงไหนเนี่ย? ไอ๊หยา ทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะเมียจ๋า?” 

 

 

“ออกไป” 

 

 

ยุคสมัยนี้เป็นผู้ชายดีๆทำไมถึงได้ยากนัก? อวี๋หมิงหลางถูกลงโทษให้ล้างชาม แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าตกลงเขาผิดตรงไหน? 

 

 

กินข้าวเสร็จเสี่ยวเชี่ยนก็ขี้เกียจขยับตัว ประเด็นคือขยับนิดหน่อยก็ปวด ปวดไปทั้งตัว จะให้ออกไปเดินเล่นก็ไม่มีแรง เลยนั่งเล่นหมากรุกกับอวี๋หมิงหลางอยู่ในบ้าน 

 

 

อันที่จริงอวี๋หมิงหลางไม่ได้อยากเล่น เขาอยากไปขึ้นเตียงสำรวจชีวิตมากกว่า—สำรวจว่ามนุษย์เกิดมาได้ยังไง 

 

 

แต่เสียวเหม่ยมีอำนาจในบ้านมาก ความคิดสกปรกแบบนี้จึงทำได้แค่คิด แต่ไม่นานเขาก็มีไอเดียดีๆ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนวางตัวหมากเรียบร้อย แต่กลับเห็นอวี๋หมิงหลางยังเอาแต่นั่งนิ่ง 

 

 

“มีอะไรเหรอ?”