“ผมคิดว่าพวกเราแค่เล่นกันเฉยๆมันไม่สนุก พวกเราเพิ่มสีสันหน่อยดีไหม?” อวี๋หมิงหลางพูดจริงจัง
“นายน่ะนอกจากอสังหาริมทรัพย์กับเงินค่าขนมเล็กๆน้อยๆแล้วที่เหลือก็อยู่ที่ฉันหมด ยังคิดจะพนันเงินอีกเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้คิดจะดูถูกผู้ชายที่อยู่บ้านใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียวคนนี้ นับตั้งแต่ที่พวกเธอหมั้นกัน อวี๋หมิงหลางจากที่เป็นผู้ชายติดดินธรรมดาก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“แบบนั้นมันเชยไป พวกเราแพ้ถอดเสื้อเป็นไง? คุณแพ้ก็ถอดหนึ่งชิ้น ผมแพ้ก็ถอดหนึ่งชิ้น”
ถอดหมดยังต้องกลัวว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีกเหรอ?
เสี่ยวเชี่ยนได้ยินดังนั้นก็เข้าใจแผนชั่วของเขาทันที คิดหาวิธีจะจัดกับเธออีกรอบ
การทำเรื่องอย่างว่าระหว่างคู่รักเป็นเรื่องปกติ เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เกลียดการมีอะไรกันกับเขา แต่อวี๋หมิงหลางพอเจอเธอก็เกิดอาการไอคิวติดลบ เขาคงลืมไปแล้วว่าเธอไม่ชอบแพ้ใคร
ดังนั้นจากเดิมที่ควรจะเล่นหมากรุกแค่แปปเดียว มือใหญ่มือเล็กลูบกันไปลูบกันมาก็ไปกลิ้งกันบนเตียง พอถูกอวี๋หมิงหลางออกไอเดียเจ้าเล่ห์แบบนี้ก็กลายเป็นว่าต้องตัดสินแพ้ชนะ
“ถ้าเล่นหมากล้อมโอกาสชนะของฉันไม่เยอะ พวกเราเล่นหมากรุกสองตา หมากล้อมหนึ่งตา แล้วก็เปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ ไม่เอาถอดเสื้อผ้า เปลี่ยนเป็นให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ ชนะสองในสามเป็นไง?”
อวี๋หมิงหลางแอบเซ็งที่หลอกเธอไม่สำเร็จ คู่หมั้นเขาฉลาดเกินไป
ถอดเสื้อผ้าไม่ต้องสนว่าใครถอดเขาก็ชนะอยู่ดี ถ้าเขาแพ้ทั้งตัวก็มีแค่กางเกงขาสั้นกับกางเกงใน แพ้สองตาก็หมดตัวแล้ว อยู่กับผู้ชายร่างเปลือยหุ่นดีอย่างเขา เขาไม่เชื่อว่าเธอจะเล่นต่อได้
“ทำไมต้องเอาหมากรุกด้วย?”
“หมากรุกคือผืนดิน หมากล้อมคือใต้หล้า ฉันเล่นหมากล้อมกับนายชนะยากเลยต้องเอาให้ยุติธรรมหน่อย”
ทั้งสองคนต่างเป็นคนสมองดี เพียงแต่มีความถนัดต่างกัน อวี๋หมิงหลางเก่งหมากล้อมมาก ได้ยินว่าสมัยเป็นนักเรียนเคยได้รางวัลแข่งขันระดับประเทศ สมองของเขาคำนวณเรื่องพวกนี้ไว
“…เพิ่มสิ่งที่คุณถนัดเป็นสองตา อีกทั้งยังต้องชนะสองในสาม คุณยังจะกล้าพูดว่ายุติธรรมอีกนะ” อวี๋หมิงหลางเองก็ไม่ได้โง่ นี่คู่หมั้นเขารังแกกันชัดๆ แบบนี้เธอก็ชนะเขาสิ
“จะเล่นไม่เล่น?” เธอเชิ่ดหน้าขึ้นอย่างหาเรื่อง รังแกแล้วจะทำไมล่ะ
“เล่นๆๆ เมียผมอยากเล่นผมก็จะเล่น—แต่นิดนึงนะ ตอนนี้คุณให้ผมทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องคืนนี้ห้ามยกเลิกนะ”
ปีนึงทำได้แค่กี่ครั้งเอง กว่าจะได้อยู่ด้วยกันแต่ละครั้งไม่ง่าย ถ้ามายกเลิกอีกเหมือนถูกแย่งเอาความสุขสุดท้ายของชีวิตไป
“วางใจได้ไม่ยกเลิกหรอก มากสุดก็แค่—” เสี่ยวเชี่ยนส่งสายตาให้เขา “นายชอบเล่นคอสเพลย์ไม่ใช่เหรอ?”
เอ๋? เมียเราดีขนาดนั้นเลย? อวี๋หมิงหลางมองเสี่ยวเชี่ยนที่ยิ้มเหมือนนางจิ้งจอก มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นว่าเมียตัวเองจะเป็นผู้หญิงที่ยอมให้ผู้ชายบงการได้ง่ายๆ แล้วนี่ทำไมอยู่ๆยื่นข้อเสนอดีๆให้?
“เมียจ๋า คุณหมายความว่าถ้าผมชนะ…คุณจะเล่นคอสเพลย์กับผมเหรอ?”
“อืม ถ้านายชนะขอได้แน่นอน แต่ถ้านายแพ้—” เธอยื่นมือไปลูบซิกแพคหน้าท้องแน่นๆของเขา “นายก็ต้องแต่งคอสเพลย์ในแบบของฉัน
“ชุดทหาร?”
“กระโปรงสั้นจู๋—ฉันแต่งหน้าให้นายด้วยก็ได้นะ”
อวี๋หมิงหลางถึงกับเครียด แทบหยุดหายใจ
“ลูกเชี่ยน ทำไมรสนิยมหนักแบบนี้?”
“กล้าไหมล่ะ? ไม่กล้างั้นก็ช่าง ฉันเป็นพวกประชาธิปไตย ไม่ฝืนใจนายหรอก—เพียงแต่ถ้านายถอยโดยที่ยังไม่สู้ ต่อไปภาพลักษณ์ของนายในใจฉันก็จะไม่ใช่คนกล้าหาญอีกต่อไป เอ๊ะ ถ้าผู้ชายดูไม่แมนในสายตาของผู้หญิงตัวเองอีกแล้วแบบนั้นมันไม่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดในชีวิตเหรอ”
อวี๋หมิงหลางเห็นท่าทางเจ้าเล่ห์ของเธอแล้วก็หมั่นเขี้ยว
“คิดจะยั่วโมโหผมเหรอ?”
“แล้วมันได้ผลกับพี่ไหมล่ะจ๊ะ?” เสี่ยวเชี่ยนขยิบตาแสร้งทำเป็นถามไร้เดียงสา
“ขอแค่เป็นคุณ อะไรก็ได้ผลทั้งนั้น มาเลย”
อวี๋หมิงหลางไม่มั่นใจเลยจริงๆ แต่ด้วยเงื่อนไขที่ให้เธอแต่งคอสเพลย์มาล่ออยู่ตรงหน้า เขาจึงมีจิตใจแน่วแน่ที่จะสู้ไม่ยอมถอย
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้พูดส่งเดช เมื่อชาติก่อนเธอกับเขาก็เล่นกันแบบนี้บ่อย หมากล้อมเธอแพ้ แต่ถ้าหมากรุกเธอชนะมากกว่าแพ้ อวี๋หมิงหลางในเวลานี้ไม่เหมือนกับเมื่อชาติก่อน เขาไม่รู้แผนเล่นหมากรุกของเธอ แต่เธอกลับจำวิธีการเล่นของเขาได้ ข้อได้เปรียบนี้ถ้าไม่ใช้แล้วยังจะมีความหมายอะไร?
ตอนนี้เธอมองอวี๋หมิงหลางด้วยสายตาแวววาว คล้ายกับได้เห็นผู้ชายที่สวมกางเกงขาสั้นคนนี้เปลี่ยนไปใส่กระโปรงสั้นแล้วทำท่าทางอย่างที่เธอต้องการ
“คิดอะไรอยู่น่ะ? ยิ้มชั่วร้ายเชียว”
“เปล่า มาๆๆ มัวแต่พูดเสียเวลา” เสี่ยวเชี่ยนทำท่าเชิญเล่น ยิ้มได้ใจเหมือนแมวได้ปลา
แค้นที่เมื่อคืนถูกจับกดตรงชั้นวางรองเท้าได้เวลาเอาคืนแล้ว
แค้นที่ถูกจับกดกับกระจกก็ได้เวลาชำระเช่นกัน
แล้วยังจะถูกจับกด…ที่อื่นๆอีก หึหึ
สงครามระหว่างคนหัวกะทิได้เริ่มขึ้นแล้ว
เธอได้เปรียบอยู่เห็นๆ ส่วนเขากำลังหัวร้อน ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องใครต้องคอสเพลย์แล้ว เพื่อศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย เขาต้องสู้
เหมือนกับที่เสี่ยวเชี่ยนคาดไว้ เธอเล่นหมากล้อมสู้อวี๋หมิงหลางไม่ได้ แพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อมาเป็นศึกหมากรุกที่จะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะใส่กระโปรงสั้นแล้ว นี่ไม่ใช่การแข่งขันที่ยุติธรรมเท่าไร เสี่ยวเชี่ยนอาศัยความทรงจำจากเมื่อชาติก่อน เอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่ต่อมาเขาเริ่มเข้าใจแผนการเล่นของเธอ บวกกับความอยากดูเธอแต่งคอสเพลย์เป็นตัวผลักดัน เสี่ยวเชี่ยนอยากจะชนะไม่ง่ายขนาดนั้น
ทั้งสองคนตั้งอกตั้งใจเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังก็จะต้องไปใส่กระโปรงสั้นจู๋ เสี่ยวเชี่ยนพลาดเดินผิดไปหนึ่งก้าว
พอเดินหมากไปแล้วเธอก็รู้สึกคิดผิด เธอจะเอามือไปจับตัวหมากอีกครั้งแต่ถูกอวี๋หมิงหลางจับมือไปถูหนวดที่เพิ่งขึ้นบนคางของเขา
“ลูกเชี่ยน บัณฑิตย่อมไม่คดโกง”
“พี่จ๋า เมตตาธรรมค้ำจุนครอบครัว น้องแค่พลั้งพลาด”
อวี๋หมิงหลางเคลิ้มกับคำเรียกของเธอ เสี่ยวเชี่ยนฉวยโอกาสดึงตัวหมากกลับไป
ถึงตาอวี๋หมิงหลางแล้ว เขาหยิบตัวหมากขึ้นมากำลังจะวางก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนเตะขา พอเสียสมาธิมือก็พลาดวางหมากผิดตำแหน่ง พอจะดึงกลับมือเล็กๆของเธอก็ตีมือเขา แล้วพูดอย่างได้ใจ
“บัณฑิตย่อมไม่คดโกง”
“น้องสาว เมตตาธรรมค้ำจุนครอบครัว พี่แค่พลั้งพลาด” อวี๋หมิงหลางลองใช้คำพูดเธอตอบโต้บ้าง
เสี่ยวเชี่ยนเถียงกลับทันที “ผิดแล้ว ประโยคนี้ไม่ได้พูดแบบนี้ บัณฑิตไม่คดโกง ถ้าโกงไอ้จ้อนหาย”
เจอคนแบบนี้ก็เล่นต่อไปไม่ได้แล้ว อวี๋หมิงหลางทั้งโมโหทั้งขำ
“คุณโกงก็มาบอกตัวเองพลาด คุณทำให้ผมเสียสมาธิจนวางหมากผิด แล้วยังจะมาแช่งน้องชายผมอีก?”
แบบนี้มันไร้เหตุผลสิ้นดี เธอไม่ให้เขาเดินใหม่ อวี๋หมิงหลางแพ้แล้วจริงๆ ถ้าต้องมาใส่กระโปรงเพราะแบบนี้มันอัดอั้นตันใจเกินไป ครั้นแล้วพี่หลางจึงต้องใช้ท่าไม้ตายแพ้แล้วก็ล้มกระดานซะ
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มอ่อน “ใครกล้าล้มกระดานคืนนี้นอนพื้น”
ทำทุกวิถีทางรังแกกันได้ขนาดนี้ อวี๋หมิงหลาง หึ ออกมา
“ผมเข้าใจละ คุณอยากจะดูผมใส่กระโปรงให้ได้ใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่” เธอตอบเสียงดังฟังชัด มาเถอะ ยอมจำนนซะดีๆ